มลาอิกะฮฺอิสรอฟีล เป่าแตรสองครั้ง สัญญาณการมลายสิ้นหมดของแผ่นดิน


6,473 ผู้ชม

แตรสังข์มีลักษณะคล้ายเขาสัตว์ อัลลอฮฺจะทรงบัญชาให้มลาอิกะฮฺ อิสรอฟีล


แตรสังข์มีลักษณะคล้ายเขาสัตว์ อัลลอฮฺจะทรงบัญชาให้มลาอิกะฮฺ อิสรอฟีล เป่าแตรสังข์ครั้งแรกซึ่งจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินมลายสิ้นหมด เว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ให้ดำรงชีวิตอยู่เท่านั้น จากนั้นพระองค์จะทรงบัญชาให้มีการเป่าแตรสังข์ครั้งที่สอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะฟื้นคืนชีพมาตามเดิมอีกครั้ง

อิสรอฟีล ผู้มีหน้าที่เป่าแตรสองครั้ง
อิสรอฟีล (ภาษาอาหรับ: اسرافيل ) มลาอิกัตท่านหนึ่งในสิบท่านที่สำคัญที่สุด อิสรอฟีลมีหน้าที่เป่าแตรสองครั้ง การเป่าครั้งแรกเป็นการประกาศจุดจบของโลก อันเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในฟากฟ้าและแผ่นดินตระหนกตกใจ จนม้วยมรณะ เมื่อเป่าครั้งที่สองทุกชีวิตที่ได้ตายไปแล้วทั้งหมดในอดีตก็จะถูกทำให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อไปชุมนุมที่ อัลมะฮฺชัร เพื่อรับฟังการพิพากษา

เมื่อแตรถูกเป่าครั้งแรก จักรวาลจะแตกสลาย สิ่งมีชีวิตมอดม้วยเกือบทั้งสิ้น

อัลกุรอานไม่ได้ระบุถึงนามอิสรอฟีล แต่ได้ระบุถึงการเป่าแตรสองครั้งดังกล่าว (อุละมาอ์บางท่านมีความเห็นว่า จะมีการเป่าแตรมากกว่าสามครั้ง)

{6:73} และพระองค์คือ ผู้ที่ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินด้วยความจริง และวันที่พระองค์ตรัสว่า “จงเป็นขึ้น” แล้วมันก็จะเป็นขึ้น พระดํารัสของพระองค์คือความจริง และอํานาจทั้งหลายนั้นเป็นของพระองค์ในวันที่แตรถูกเป่า พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและในสิ่งเปิดเผย และพระองค์คือพระผู้ทรงปรีชาญาณ พระผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

{18:99} และวันนั้นเราได้ปล่อยให้บางส่วนของพวกเขาปะทะกับอีกบางส่วน และแตรจะถูกเป่าขึ้น แล้วเราจะรวมพวกเขาทั้งหมด

{20:102} วันซึ่งแตรจะถูกเป่า และในวันนั้นเราจะเกณฑ์มวลอาชญากรมาชุมนุมด้วยดวงตาที่ฟกช้ำ

{23:101} ดังนั้นเมื่อแตรได้ถูกเป่าขึ้น ดังนั้นจะไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพวกเขาในวันนั้น และพวกเขาจะไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน
{27:87} และ (จงรำลึกถึง) วันที่แตรจะถูกเป่าขึ้น ดังนั้นผู้ที่อยู่ในเหล่าชั้นฟ้าและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินจะตื่นตระหนก เว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทั้งหมดได้มาหาพระองค์ในสภาพผู้สวามิภักดิ์

{36:51} และแตรก็จะถูกเป่าขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาจะออกจากหลุมฝังศพ แล้วพวกเขาก็รีบรุดไปยังพระเจ้าของพวกตน

{39:68} และแตรได้ถูกเป่าขึ้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินจะล้มลงตาย เว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ แล้วแตรได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนมองดู

{50:20} และแตรจะถูกเป่าขึ้น นั่นคือวันที่เคยตักเตือนให้ระวัง

{69:13} ครั้นเมื่อแตรถูกเป่าหนึ่งครั้ง
{69:14} แผ่นดินและเทือกเขาจะถูกยกขึ้น แล้วมันทั้งสองจะถูกกระแทกกันแตกกระจายเป็นผุยผง
{69:15} ในวันนั้นโลกาวินาศก็จะอุบัติขึ้น
{74:8} เมื่อใดที่แตรถูกเป่าขึ้น
{74:9} นั่นแหละ วันนั้น เป็นวันแห่งความยากลําบาก
{74:10} สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย

{78:18} วันที่แตรจะถูกเป่า แล้วพวกเธอก็จะมากันเป็นหมู่เหล่า
{78:19} และชั้นฟ้าจะถูกเปิดออกเป็นประตูหลายบาน
{78:20} และเทือกเขาจะถูกเคลื่อนออกไป แล้วก็กลายเป็นภาพลวงตา

{79:6} วันซึ่งการเป่าแตรครั้งแรกทำให้สั่นสะเทือน
{79:7} การเป่าแตรครั้งที่สองจะติดตามมา
{79:8} ในวันนั้นดวงจิตทั้งหลายจะตระหนก
{79:9} สายตาของพวกเขาจะละห้อย
{79:10} พวกเขาจะกล่าวว่า “พวกเราจะถูกให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกกระนั้นหรือ?”
{79:11} “เมื่อเราได้กลายเป็นกระดูกที่ผุแล้วกระนั้นหรือ?”
{79:12} พวกเขากล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นการกลับคืนที่สูญเสีย”
{79:13} ความจริงมันเป็นเพียงเสียงกึกก้องครั้งเดียว
{79:14} แล้วเมื่อนั้นพวกเขาก็จะออกมายังที่ราบโล่ง

[สภาพของสรรพสิ่งทั้งหลายในขณะที่มีการเป่าแตรสังข์ ]

1. อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

«فَتَوَلَّ عَنْهُمْ يَوْمَ يَدْعُو الدَّاعِ إِلَى شَيْءٍ نُكُرٍ، خُشَّعًا أَبْصَارُهُمْ يَخْرُجُونَ مِنَ الأجْدَاثِ كَأَنَّهُمْ جَرَادٌ مُنْتَشِرٌ، مُهْطِعِينَ إِلَى الدَّاعِ يَقُولُ الْكَافِرُونَ هَذَا يَوْمٌ عَسِرٌ»

ความว่า: “ดังนั้นเจ้า (มุหัมหมัด) จงผินหลังให้แก่พวกเขา วันซึ่งผู้เรียกร้อง (อิสรอฟีล) จะร้องเรียกไปสู่สิ่งที่น่ากลัวสยองขวัญ สายตาของพวกเขาจะลดต่ำลงขณะที่พวกเขาออกจากสุสานเสมือนหนึ่งพวกเขาเป็นตั๊กแตนที่บินว่อนรีบวิ่งไปยังผู้เรียกร้องพวกปฏิเสธศรัทธาจะกล่าวว่าวันนี้เป็นวันที่ลำบากยิ่ง”
(อัลเกาะมัร : 6-8)

2. อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

«وَنُفِخَ فِي الصُّورِ فَصَعِقَ مَنْ فِي السَّمَاوَاتِ وَمَنْ فِي الأرْضِ إِلا مَنْ شَاءَ اللَّهُ ثُمَّ نُفِخَ فِيهِ أُخْرَى فَإِذَا هُمْ قِيَامٌ يَنْظُرُونَ»

ความว่า: “และแตรสังข์ได้ถูกเป่าขึ้น แล้วบรรดาผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จะล้มลงตายเว้นแต่ผู้ที่อัลลอฮฺประสงค์ จากนั้นสังข์ได้ถูกเป่าขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วพวกเขาก็ลุกขึ้นยืนมองดู”
(อัซซุมัร อายะฮฺที่ 68)

3. อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

«وَيَوْمَ يُنْفَخُ فِي الصُّورِ فَفَزِعَ مَنْ فِي السَّمَاوَاتِ وَمَنْ فِي الأرْضِ إِلا مَنْ شَاءَ اللَّهُ وَكُلٌّ أَتَوْهُ دَاخِرِينَ»

ความว่า: “และจงรำลึกวันที่สังข์จะถูกเป่าขึ้นดังนั้นผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในแผ่นดินจะตื่นตระหนกเว้นแต่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทั้งหมดได้มาหาพระองค์ในสภาพผู้ถ่อมตน”
(อันนัมล์ อายะฮฺที่ 87)

**ระยะเวลาห่างระหว่างเป่าแตรสังข์ครั้งแรกกับการเป่าครั้งที่สอง**

จากอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

«مَا بَيْنَ النَّفْخَتَيْنِ أَرْبَعُونَ» قَالُوا : يَا أَبَا هُرَيْرَةَ أَرْبَعُونَ يَوْمًا ؟ قَالَ : أَبَيْتُ ، قَالُوا : أَرْبَعُونَ شَهْرًا ؟ قَالَ : أَبَيْتُ ، قَالُوا : أَرْبَعُونَ سَنَةً ؟ قَالَ : أَبَيْتُ. (متفق عليه)

ความว่า: “ระยะเวลาระหว่างการเป่าแตรสังข์ครั้งแรกกับครั้งที่สอง คือ 40"
-ผู้คนจึงถามอบูฮูร็อยเราะฮฺว่า โอ้ท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ 40 วันใช่ไหม?
-อบูฮูร็อยเราะฮฺกล่าวว่า ฉันปฏิเสธไม่ตอบ ผู้คนจึงถามท่านอีกว่า 40 เดือนเดือนใช่ไหม ?
*อบูฮูร็อยเราะฮฺกล่าวว่า ฉันปฏิเสธอีก ผู้คนจึงถามท่านอีกว่า 40ปี ใช่ไหม?
ท่านกล่าวว่า ฉันปฏิเสธอีกครั้ง"
(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลขหะดีษ 4935 ,มุสลิม หมายเลขหะดีษ 2955 สำนวนรายงานนี้เป็นของท่าน)

[เมื่อใดวันกิยามะฮฺจะบังเกิด]

1. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«إِنَّ طَرْفَ صَاحِبِ الصُّورِ مُذْ وُكِّلَ بِهِ مُسْتَعِدٌّ يَنْظُرُ نَحْوَ الْعَرْشِ مَخَافَةَ أَنْ يُؤْمَرَ قَبْلَ أَنْ يَرْتَدَّ إِلَيْهِ طَرْفُهُ ، كَأَنَّ عَيْنَيْهِ كَوْكَبَانِ دُرِّيَّانِ» (أخرجه الحاكم)

ความว่า: “แท้จริงริมฝีปากของผู้มีหน้าที่เป่าแตรสังข์อยู่ในสภาพพร้อมเป่า นับตั้งแต่ท่านได้ถูกมอบหมายรับหน้าที่นี้โดยสายตาของท่านจะทอดมองยังบัลลังก์ของอัลลอฮฺอยู่ตลอด เนื่องจากเกรงว่าจะถูกบัญชาให้ทำการเป่าแตรสังข์ในขณะที่ท่านกระพริบตาชั่วขณะ ดวงตาทั้งสองของท่านมีประกายแววเสมือนดวงดาว”
(เป็นหะดีษที่เศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัลหากิม หมายเลขหะดีษ 8676 โปรดดูหนังสือ อัสสิลสิละฮฺ อัศเศาะฮีหะฮฺ หมายเลขหะดีษ 1078)

2. จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า

«خَيْرُ يَوْمٍ طَلَعَتْ عَلَيْهِ الشَّمْسُ يَوْمُ الْجُمُعَةِ ، فِيهِ خُلِقَ آدَمُ ، وَفِيهِ أُدْخِلَ الْجَنَّةَ ، وَفِيهِ أُخْرِجَ مِنْهَا ، وَلاَ تَقُومُ السَّاعَةُ إِلَّا فِي يَوْمِ الْجُمُعَةِ» (أخرجه مسلم)

ความว่า: “วันที่ประเสิรฐที่สุดที่ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมา คือวันศุกร์ เพราะเป็นวันที่นบีอาดัมถูกสร้างขึ้นมาในวันนั้นนบีอาดัมถูกนำเข้าสวนสรรค์ อีกทั้งเป็นวันที่ท่านถูกขับออกจากสวรรค์ด้วยและวันกียามะฮฺจะไม่บังเกิดขึ้นนอกจากในวันศุกร์เท่านั้น”
(บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 854)


ที่มา: มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัต-ตุวัยญิรีย์
ผู้แปล : อันวา สะอุ

อัพเดทล่าสุด