ยุคสุดท้ายเป็นยุคที่ประเสริฐ เป็นยุคที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงรวบรวมประวัติศาสตร์
ยุคสุดท้ายเป็นยุคที่ประเสริฐ เป็นยุคที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงรวบรวมประวัติศาสตร์ของบรรดาศาสดาและศอฮาบะฮฺบางท่านในอัลกุรอ่านไว้อย่างชัดเจน และถูกเก็บรักษาไว้มิให้ถูกเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนเหมือนคัมภีร์ก่อนหน้า ซุบฮานัลลอฮฺ อัลลอฮฺผู้ทรงทรงเมตตายิ่ง เพราะสาเหตุนี้เองบรรดาศอฮาบะฮฺจึงต้องการมีชีวิตอยู่ในยุคของท่านบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่มุสลิมในปัจจุบันกลับมองข้ามโอกาสที่ดีที่สุด
ท่านอิมรอน อิบนฺ ฮุศัยนฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
" خيركم قرني ثم الذين يلونهم ثم الذين يلونهم ، قال عمرانُ : لا أدري أذكر النبي صلى الله عليه وسلم بعدُ قرنينِ أو ثلاثةً ، قال النبي صلى الله عليه وسلم : إنَّ بعدَكُم قوماً يخونون ولا يُؤْتَمنونَ ، ويشهدون ولا يُسْتَشهدون ، ويَنْذِرونَ ولا يِفونَ ، ويَظْهَرُ فيهِمُ السِّمَنُ "
"กลุ่มชนที่ดีที่สุดได้แก่ศตวรรษของฉัน ถัดไปก็เป็นพวกที่มาภายหลังพวกเขา ถัดไปก็เป็นพวกที่มาภายหลังพวกเขา(อีกรุ่นหนึ่ง)” (รายงานโดย บุคคอรีย์)
การมองข้ามความสำคัญของการปฏิบัติศาสนา อาทิ การทำอิบาดะฮฺต่อพระองค์ทั้งที่เป็นวาญิบและสุนัต พวกเขาทุ่มเทเวลา ปัจจัย ทรัพย์สิน ตำแหน่งหน้าที่การงาน ให้แก่ดุนยามากกว่าความพึงพอใจ ความโปรดปรานและเกียตริยศ ณ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) มีเพียงแค่เศษเสี้ยวของเวลาและปัจจัยต่างๆ บางส่วนเท่านั้นที่ใช้จ่ายเพื่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) และอยู่ในวิถีทางของพระองค์
สาเหตุดังกล่าวข้างต้นจึงมีผลต่อการให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่ออัลกุรอ่านและอัลฮะดีษน้อยลง แต่กลับให้ความสำคัญต่อกฎเกณฑ์ของมนุษย์มากกว่าขอบเขตของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และให้ความสำคัญต่อคำพูด แบบอย่างวิถีชีวิตของวีรบุรุษที่ไม่ใช่มุสลิม นักวิชาการ นักการเมือง นักกีฬา ดารา นักแสดง นักธุรกิจหรือผู้ประสบความสำเร็จระดับร้อยล้าน พันล้าน มากกว่า อัลลอฮฺ (ซ.บ.) นบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม บรรดาศอฮาบะฮฺ และบรรดาอุลามาอฺต่างๆ
ในขณะเดียวกันมุสลิมที่ให้ความสำคัญต่ออัลกุรอ่านซึ่งเป็นกฎเกณฑ์สำคัญของประชาชาติของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กลับเน้นเพียงแค่การอ่านและการท่องจำมากกว่าการนำมาปฏิบัติและการนำมาเป็นธรรมนูญของชีวิต ฮะดีษก็เช่นเดียวกัน พวกเขาให้ความสนใจต่อฮะดีษที่เกี่ยวข้องกับฟิกฮฺอิบาดะฮฺมากกว่าฮะดิษที่เกี่ยวกับความเข้าใจในหลักอากีดะฮฺและอัคลาก และละทิ้งฮะดีษที่เกี่ยวกับการจ่ายซะกาต การบริจาคทรัพย์สินซึ่งมีอิทธิพลต่อคนยากจนในสังคม
การดำเนินชีวิตของมุสลิมในปัจจุบันจะมุ่งเน้นสู่หลักการภายนอกมากกว่าจิตวิญญาณ มุ่งสู่ชัยชนะในสนามแห่งวาทะและการประลองมากกว่าสนามของวิถีชีวิต มุ่งสู่เกรด วุฒิการศึกษามากกว่าการปฏิบัติและรับใช้อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ดังนั้นจึงต้องทำอย่างไรเพื่อให้วิถีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลง และห่างไกลจากปัญหาดังกล่าว คือ
ห้ความสำคัญในการอ่าน ท่องจำและเข้าใจความหมายของอัลกุรอ่านอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับตระหนักถึงเป้าหมายและคุณค่าของอัลกุรอ่าน เพื่อให้เหนือกว่าทฤษฎีและคำพูดของมนุษย์
ให้ความสำคัญต่อฮะดีษด้วยการท่องจำและศึกษาความหมาย พร้อมกับค้นหาความรู้ถึงเป้าหมายและวิทยปัญญาของฮะดีษต่างๆ
ให้ความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของบรรดาศอฮาบะฮฺ ผู้ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงรับรองสวนสวรรค์ให้แก่พวกเขา บรรดาผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
3 ประการดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สามารถนำมุสลิมไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริงได้ เราจะเห็นได้ว่าอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงส่งท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลัลลอฮูอะลัยฮิวะซัลลัม มาเพื่ออธิบายความหมายสู่วิถีชีวิตที่แท้จริง ในขณะเดียวกันบรรดาศอฮาบะฮฺ ได้อธิบายถึงอัลกุรอ่านและฮะดีษของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นคนมะอฺซูม (ได้รับการอภัยในบาป) ซึ่งแตกต่างกับบรรดาศอฮาบะฮฺที่เป็นบุคคลธรรมดามีความสามรถหลากหลาย แต่อาจมีความผิดพลาด และมีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ในยุคนี้เป็นยุคสมัยที่ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและการติดต่อสื่อสาร อีกทั้งสังคมยังมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราสามารถค้นหาความรู้ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย สามารถรับรู้อัลกุรอ่าน ฮะดีษ ตลอดจนแบบอย่างอื่นๆ จากบรรดาศอฮาบะฮ์ ได้เพียงปลายนิ้ว เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตให้ชัดเจนและถูกต้องยิ่งขึ้น
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ตรัสในซูเราะฮ อัลนะห์ลฺ ว่า
وَلَقَدْ بَعَثْنَا فِي كُلِّ أُمَّةٍ رَّسُولًا أَنِ اعْبُدُوا اللَّهَ وَاجْتَنِبُوا الطَّاغُوتَ فَمِنْهُم مَّنْ هَدَى اللَّهُ وَمِنْهُم مَّنْ حَقَّتْ عَلَيْهِ الضَّلَالَةُ فَسِيرُوا فِي الْأَرْضِ فَانظُرُوا كَيْفَ كَانَ عَاقِبَةُ الْمُكَذِّبِينَ
"และโดยแน่นอน เราได้ส่งร่อซูลมาในทุกประชาชาติ (โดยบัญชาว่า) “พวกท่าจงเคารพภักดีอัลลอฮ์ และจงหลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ด” ดังนั้น ในหมู่พวกเขามีผู้ที่อัลลอฮ์ทรงชี้แนะทางให้และในหมู่พวกเขามีการหลงผิดคู่ควรแก่เขาฉะนั้น พวกเจ้าจงตระเวนไปในแผ่นดิน แล้วจงดูว่าบั้นปลายของผู้ปฏิเสธนั้นเป็นเช่นใด! " (อัน-นะห์ลฺ 36)
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงกล่าวถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในอดีตไว้ในอัลกุรอ่าน เพื่อให้เป็นข้อคิดและบทเรียนแก่ชนรุ่นหลัง บอกถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงจากญาฮีลียะฮ์สู่ความเป็นมุสลิม เปิดเผยตัวอย่างของพวกเขาเหล่านั้น และหลังจากที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เสียชีวิตไปแล้ว บรรดาศอฮาบะฮฺได้แสดงบทเรียนมากมายให่แก่มุสลิมยุคหลัง อาทิ ความเข้มแข็งของอีหม่าน การเสียสละ การอิบาดะฮฺ การญิฮาด มารยาทที่สูงส่ง การปกป้องอิสลามรวมทั้งความอ่อนแอ ความแตกแยก การวิวัฒนาการของศัตรู ตลอดจนการเกิดการปฏิเสธ บิดอะฮฺ ชีริก การบิดเบือนศาสนาอิสลามของคนมูนาฟิกและยะฮูดี เป็นต้น
นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ของบรรดาศาสดาและศอฮาบะฮฺแล้ว ประวัติศาสตร์ของคนยุคต่อจากนั้นก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น ยุคของตาบีอีน อีหม่ามทั้งสี่และอีหม่ามท่านอื่นๆ ยุคสมัยการปกครองในระบอบกษัตริย์ ยุคทองของอิสลามในแง่มุมของวิทยาการและความเจริญทางด้านวัตถุ ยุคของความแตกแยกในชนชั้นการปกครอง การฟื้นฟูอิสลามของวีรบุรุษทั้งหลาย ยุคสงครามครูเสด ยุคของการถดถอย ยุคของอุสมานียะฮฺ และเมื่ออุสมานียะฮฺล่มสลายลง ยุโรปจึงได้ขึ้นมาเจริญในทุกๆ ด้าน
จากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงชีวิตของบรรดามุสลิมที่มีอีหม่านเข้มแข็งสู่อีหม่านที่อ่อนแอ จากความเป็นเอกภาพสู่ความแตกแยก จากความเจริญทางด้านวัตถุสู่ความล้าหลัง จากอัคลากที่สูงส่งสู่โรคร้ายต่างๆ ที่เกาะกุมหัวใจของมุสลิม เราสามารถเห็นถึงวิวัฒนาการของแผนการศัตรูที่มีต่ออิสลาอย่างต่อเนื่องนับเป็นพันปี ฉะนั้น ใครสักกี่คน ? มุสลิมสักกี่กลุ่ม ? ที่จะนำบทเรียนเหล่านี้มาเป็นข้อปรับปรุงและแก้ไข ?
เพราะเหตุใดกันที่เราต้องให้ความสำคัญ ต่อบรรดาศอฮาบะฮฺ ?
เพราะบรรดาศอฮาบะฮฺเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดต่อผู้ยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลาและท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
เพราะบรรดาศอฮาบะฮฺเป็นผู้มีความรู้และเข้าใจการตีความอัลกุรอ่าน และฮะดีษมากที่สุด
เพราะบรรดาศอฮาบะฮฺเป็นบุคคลที่อัลลอฮฺทรงรับรองและรับประกันสวนสวรรค์ให้แก่พวกเขา แต่บรรดาคนยุคหลัง บอกเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นชาวสวรรค์เท่านั้น
มีรายงานจากท่าน อัลอิรบาฎ บิน ซารียะห์ รอฎิยัลลอฮุอันฮู ได้กล่าวว่า
وعن العرباض بن سارية رضي الله عنه قال: وعظنا رسول الله صلى الله عليه وسلم موعظة بليغة، قلنا: يا رسول الله كأنها موعظة مودع فأوصنا قال: « أُوصِيكُمْ بِتَقْوَى اللهِ، وَالسَّمْعِ وَالطَّاعَةِ وَإنْ تَأمَّر عَلَيْكُمْ عَبْدٌ حَبَشِيٌّ، وَإِنَّهُ مَنْ يَعِشْ مِنْكُمْ فَسَيَرَى اختِلافاً كَثيراً، فَعَليْكُمْ بسُنَّتِي وسُنَّةِ الخُلَفاءِ الرَّاشِدِينَ المَهْدِيِيِّنَ عَضُّوا عَلَيْهَا بالنَّواجِذِ، وَإِيَّاكُمْ وَمُحْدَثَاتِ الأُمُورِ؛ فإنَّ كلَّ بدعة ضلالة ». أخرجه : أبو داود
ท่านรอซูลุลลอฮฺ ได้ให้คำตักเตือนแก่พวกเรา เป็นคำตักเตือนที่ลึกซึ้ง เราได้กล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ เสมือนว่า มันเป็นคำตักเตือนอำลา ดังนั้นท่านโปรดสั่งเสียแก่พวกเราเถิด
"ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ ให้มีการเชื่อฟังปฏิบัติตาม หากแม้นว่าเขาเป็นทาสชาวหาบาชีย์ได้เป็นผู้นำแก่พวกเจ้า และแท้จริงใครมีชีวิตอยู่จากพวกเจ้า แล้วเขาจะได้เห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างมากมาย ดังนั้นจำเป็นสำหรับพวกท่านจะต้องยึดมั่นต่อซุนนะห์ของฉัน และซุนนะห์ของบรรดาคูลาฟาฮฺอัรรอชีดีน (คอลีฟะห์ที่ได้รับการชี้นำอยู่ในทางนำที่ถูกต้อง) พวกท่านจงกัดมัน ด้วยกับฟันกราม และพวกท่านพึงระวัง จากการกระทำขึ้นมาใหม่ของกิจการงาน (อุตริขึ้นมาในศาสนา) เพราะว่าทุกการอุตริ คือความหลงผิด" (บันทึกโดย อาบูดาวุด)
ดังนั้น คำพูดและแบบอย่างของศอฮาบะฮฺย่อมดีและสำคัญกว่าคำพูดและแบบอย่างของชนรุ่นหลังจากพวกเขา แน่นอนเหลือเกินว่าใครที่ต้องการความสำเร็จทั้งในดุนยาและอาคีเราะฮฺแล้ว ประวัติศาสตร์ของศอฮาบะฮฺจึงเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องฟื้นฟูและควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและแสวงหาสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และหากการชีวิตมิได้มีเพื่อความรัก ความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และผลตอบแทนจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แล้ว เราจะมีชีวิตเพื่อสิ่งใดกัน ?
อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัลฮะดีด อายะฮฺที่20 ว่า
اعْلَمُوا أَنَّمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا لَعِبٌ وَلَهْوٌ وَزِينَةٌ وَتَفَاخُرٌ بَيْنَكُمْ وَتَكَاثُرٌ فِي الْأَمْوَالِ وَالْأَوْلَادِ كَمَثَلِ غَيْثٍ أَعْجَبَ الْكُفَّارَ نَبَاتُهُ ثُمَّ يَهِيجُ فَتَرَاهُ مُصْفَرًّا ثُمَّ يَكُونُ حُطَامًا وَفِي الْآخِرَةِ عَذَابٌ شَدِيدٌ وَمَغْفِرَةٌ مِّنَ اللَّهِ وَرِضْوَانٌ وَمَا الْحَيَاةُ الدُّنْيَا إِلَّا مَتَاعُ الْغُرُورِ
"พวกเจ้าจงทราบไว้เถิดว่า ที่จริงแล้วชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงความสนุกสนาน ความเพลิดเพลิน การประดับประดา การถือยศกันเองระหว่างพวกเจ้า และการแข่งขันกันในเรื่องทรัพย์สินและบุตร (ทั้งหมดนั้นปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น) เปรียบได้ดั่งน้ำฝนที่ทำให้ชาวสวนมีความชื่นชมในพืชผลอันอุดมสมบูรณ์ แต่หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนแปลงสภาพ (อันอุดมสมบูรณ์นั้นเป็นความเหี่ยวเฉา) แล้วเจ้าก็มองเห็นมันมีสีเหลือง หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นเศษพืชแห้ง และในโลกหน้ามีการลงโทษอันสาหัสที่สุด และมีการให้อภัย และความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ และชีวิตทางโลกนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นความสุขลวงเท่านั้น"