“จงศึกษาตั้งแต่ในเปล จนถึงหลุมฝั่งศพ” หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา


9,657 ผู้ชม

อิสลามสนับสนุนการเรียนรู้ อีกทั้งสนับสนุนให้มนุษย์ใช้ปัญญาและคิดไตร่ตรอง ดังนั้น อิสลามจึงถือว่า บุคคลหนึ่งที่อ้างตนว่า เป็นผู้ศรัทธา แต่ถ้าการศรัทธานั้นมิได้ถูกกลั่นกรองหรือผ่านองค์ความรู้ที่ถูกต้องแล้ว ....


“จงศึกษาตั้งแต่ในเปล จนถึงหลุมฝั่งศพ” หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา

อิสลามสนับสนุนการเรียนรู้ อีกทั้งสนับสนุนให้มนุษย์ใช้ปัญญาและคิดไตร่ตรอง ดังนั้น อิสลามจึงถือว่า บุคคลหนึ่งที่อ้างตนว่า เป็นผู้ศรัทธา แต่ถ้าการศรัทธานั้นมิได้ถูกกลั่นกรองหรือผ่านองค์ความรู้ที่ถูกต้องแล้ว นั่นหาใช่การศรัทธาที่แท้จริงไม่!! และถือว่าเขายังไม่มีความศรัทธาที่สมบูรณ์

อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงสร้างมนุษย์มาในสภาพที่สมบูรณ์ โดยทำให้ร่างกายยืนตรง และมอบสมองและสติปัญญา เพื่อให้มนุษย์มีความสามารถที่แตกต่างจากสัตว์โลกทั้งหลาย ชีวิตมนุษย์จึงแตกต่างจากสรรพสัตว์อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากมนุษย์มี่สาระ 2 ประการ คือ

สาระทางชีววิทยา มนุษย์นั้นดำรงรักษาและสืบทอดเผ่าพันธุ์ โดยการผสมพันธุ์และให้กำเนิด

สารทางสังคมวิทยา มนุษย์ดำรงรักษาและถ่ายทอดความรู้ โดยการศึกษา

“จงศึกษาตั้งแต่ในเปล จนถึงหลุมฝั่งศพ” หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา

ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะมีความสำคัญมากกว่าการศึกษา เนื่องจากการศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทั้งหลาย ไม่ว่าในด้านวัตถุหรือจิตวิญญาณ และที่สำคัญคือ การศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับในพระเจ้า จนสามารถกล่าวได้ว่า...

"ผู้ใดไม่ศึกษา ผู้นั้นไม่มีทางรู้จักและยอมรับในพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

ดังที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงตรัสว่า..

"แท้จริงบุคคลที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ จากบรรดาบ่าวของพระองค์ คือบรรดาผู้ที่มีความรู้" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

อิสลามได้ตระหนักถึงความสำคัญขององค์ความรู้ และไม่คำนึงว่าความรู้นั้น จะเป็นความรู้ทางโลกหรือทางธรรม และไม่คำนึงว่าความรู้นั้นจะมาจากผู้ใด เพราะความรู้ในอิสลามเป็นความรู้ที่บูรณาการแล้ว ดั่งที่นักปรัชญามุสลิมท่านหนึ่ง กล่าวว่า...

ความรู้ในอิสลามจะครอบคลุมความรู้ทั้งทางธรรมและทางโลก โดยไม่คำนึงว่าความรู้นั้นจะได้มาจากประสบการณ์ สัญชาตญาณหรือเหตุผล แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า ความรู้ทั้งหมดจะต้องไม่ขัดแย้งกับวะฮ์ยู (วิวรณ์หรือคำสั่ง) ที่อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงประทานมา ด้วยเหตุนี้ อิสลามจึงเน้นถึงการแสวงหาความรู้จากผู้รู้ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นใครก็ตาม

ดังโองการที่ว่า...

"ดังนั้น เจ้าจงสอบถามผู้ที่มีความรู้เถิด หากแม้นว่าพวกเจ้าไม่รู้" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

"จงประกาศเถิด! บรรดาผู้รู้กับผู้ไม่รู้นั้นจะเท่าเทียมกันหรืออันที่จริงบรรดาผู้มีวิจารญาณทั้งหลายย่อมสำนึกแน่" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) กล่าวว่า..

"การแสวงหาความรู้ เป็นหน้าที่จำเป็นแก่มุสลิมทั้งชายและหญิง" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

"การแสวงหาความรู้ ถูกบังคับสำหรับมุสลิมทุกคน" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

"จงศึกษาหาความรู้ ตั้งแต่อยู่ในเปลจนถึงหลุมฝังศพ" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

"บุคคลใดเดินทางมุงหาความรู้  อัลลอฮ์ (ซ.บ.) จะทรงให้เขาพบความราบรื่นต่อหนทางไปสวรรค์  เทวทูตจะกางปีกของตน (คลุม) ให้บุคคลที่แสวงหาความรู้ด้วยความปรีดาในสิ่งที่เขากระทำ (แสวงหาความรู้) และสรรพสิ่งทั้งหลายในฟากฟ้าและแผ่นดิน แม้แต่ปลาในน้ำ ต่างกล่าวขออภัยให้ผู้มีความรู้ ความเลอเลิศของผู้มีความรู้นั้น เหนือกว่าผู้ทำอิบาดะฮ์ประดุจดังความเลอเลิศของแสงดวงจันทร์เหนือ (แสง) ของดวงดาวทั้งหลาย  และเหลาผู้มีความรู้ทั้งหลายถือเป็นทายาทของบรรดาศาสดา และบรรดาศาสดาทั้งหลายไม่ได้ทิ้งเงินไว้แม้เหรียญทองหรือไว้เป็นมรดกเลย แต่พวกเขาทิ้งความรู้ไว้เป็นมรดก" (หะดีษเกี่ยวกับการศึกษา)

ที่มา: oknation.nationtv.tv

อัพเดทล่าสุด