ค่าธรรมเนียมชีวิตในหนทางอิสลาม


1,278 ผู้ชม

บนพื้นฐานของศาสนาได้กำหนดค่าธรรมเนียมการมีชีวิตบนโลกใบนี้ แต่มนุษย์ไม่สามารถ...


ค่าธรรมเนียมชีวิต


โดย อาจารย์บรรจง บินกาซัน


ด้วยสถานการณ์จราจรที่ติดขัดอย่างในกรุงเทพหรือด้วยความรีบเร่งต้องการไปถึงจุดหมายปลายทางให้ทันเวลา เรายอมจ่ายค่าทางด่วนเพื่อซื้อเวลา เพราะถ้าไปถึงที่หมายสายเกินที่นัดไว้ เราอาจเสียประโยชน์มากมาย


เมื่อเราเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู. เราต้องจ่ายค่าออกซิเจนให้โรงพยาบาลเพื่อรักษาชีวิตเราไว้ แต่เราใช้ออกซิเจนมาตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องแม่จนทุกวันนี้ ไม่เคยมีใครส่งบิลมาเรียกเก็บเงินค่าออกซิเจนจากเรา


ถ้าไม่ได้อากาศหายใจเมื่อใดหมายถึงเราหมดเวลาบนโลกใบนี้ ชีวิตกับเวลาของเราจึงเป็นสิ่งเดียวกัน ดังนั้น ถ้ายังมีเวลาหายใจ ชีวิตจึงต้องมีค่าใช้จ่าย


บนพื้นฐานนี้เองที่ศาสนาจึงกำหนดค่าธรรมเนียมการมีชีวิตบนโลกใบนี้ แต่มนุษย์ไม่สามารถชำระค่าธรรมเนียมชีวิตได้ถ้าไม่มีรายได้ ดังนั้น พระเจ้าผู้สร้างชีวิตจึงประทานปัจจัยให้มนุษย์ในรูปของความรู้ ความสามารถ สติปัญญาและทรัพยากรธรรมชาติทั้งในน้ำ บนบกและในอากาศเพื่อให้มนุษย์นำไปใช้หารายได้ดำรงชีวิตและสร้างความมั่งคั่งก่อน หากมีเหลือจึงค่อยมาจ่าย


แต่เนื่องจากพระเจ้าสร้างมนุษย์มาให้มีความแตกต่างกันเพื่อให้มนุษย์เป็นองคาพยพเดียวกันเหมือนเครื่องจักรที่มีฟันเฟืองต่างขนาดกัน หากฟันเฟืองไม่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เครื่องจักรก็ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้น ศาสนาจึงสร้างการเชื่อมต่อฟันเฟืองมนุษย์ที่มีขนาดต่างกันด้วยการบริจาคทานและจ่ายค่าธรรมเนียมชีวิต


ในอิสลาม ค่าธรรมเนียมชีวิตอยู่ในรูปของซะกาตที่เรียกเก็บจากทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ ที่มุสลิมครอบครองอยู่ครบมูลค่าที่กำหนดไว้เมื่อครบรอบปีจันทรคติ 354 วัน เช่น ทรัพย์สินประเภทเงินสด ทองคำ หรือสินค้า ต้องจ่ายซะกาต 2.5% และจ่ายทุกปีถ้าทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ครบเงื่อนไข


ถ้าถามว่าทำไมต้องจ่าย คำตอบก็คือ ถ้าเรามีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม แต่ไม่มีเวลาบนโลกใบนี้ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ซะกาตจึงเป็นค่าธรรมเนียมชีวิต


สำหรับเกษตรกรที่เพาะปลูกพืช ซะกาตคิดจากผลผลิตที่ได้จากที่ดินที่ใช้เพาะปลูก ถ้าที่ดินติดแม่น้ำลำคลองและใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาตินี้ทำการเกษตร ซะกาตจะคิดจากผลผลิต 10% ในวันเก็บเกี่ยวถ้าผลผลิตที่ได้ถึงจำนวน 655 กิโลกรัม แต่ถ้าหากต้องลงทุนใช้เครื่องมือชลประทาน เจ้าของผลผลิตจ่าย 5%


พูดง่ายๆคือเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เมื่อใดให้แบ่งจ่ายแก่คนยากจนหรือคนที่มีสิทธิ์ได้รับตามที่บทบัญญัติในเรื่องนี้กำหนดไว้ก่อน


สำหรับคนที่ทำอาชีพเลี้ยงปศุสัตว์ บทบัญญัติของอิสลามได้กำหนดว่าถ้าเกษตรกรมีแพะหรือแกะเมื่อครบรอบปีจันทรคติจำนวน 40-120 ตัว ต้องจ่ายแพะหรือแกะตัวเมีย 1 ตัวเป็นซะกาต ถ้ามี 121-200 ตัวต้องจ่าย 2 ตัวเป็นซะกาต


ถ้าเลี้ยงวัวหรือควายมีจำนวน 30-39 ตัวต้องจ่ายวัวเพศเมียอายุ 1 ปีหนึ่งตัวและถ้ามีจำนวน 40-59 ตัวต้องจ่ายวัวเพศเมียอายุ 2 ปีหนึ่งตัวเป็นซะกาต


นอกจากเวลาและชีวิตที่จำเป็นสำหรับการสร้างรายได้และความมั่งคั่งแล้ว ดิน น้ำ แสงแดด อุณหภูมิที่เหมาะสมล้วนเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้มา ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ การเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ก็ไม่อาจเป็นไปได้ การจ่ายค่าธรรมเนียมชีวิตในรูปของซะกาตเพียงน้อยนิดจากความมั่งคั่งที่เหลือจากการใช้จ่ายในรอบปีจึงไม่ได้เป็นภาระแต่ประการใด


ความจริงแล้ว ซะกาตก็คือค่าธรรมเนียมที่มุสลิมจ่ายให้พระเจ้า แต่พระเจ้ามีอย่างเหลือเฟือ พระองค์จึงสั่งว่าถ้าจะเอาทรัพย์สินมาถวายพระองค์ ให้เอาไปให้คนยากจน เพราะคนยากจนคือแท่นที่ถวายสิ่งพลีสำหรับพระองค์
นี่คือความเกื้อกูล ความเห็นอกเห็นใจซึ่งเป็นสิ่งสวยงามที่ศาสนาจัดให้มนุษย์เพื่อทำให้ทุกฝ่ายอยู่ด้วยกันแบบวินวิน

อัพเดทล่าสุด