5 ข้อควรระวังในวันอีดทั้งสอง ที่หลายคนยังไม่ทราบ
5 ข้อควรระวังในวันอีดทั้งสอง ที่หลายคนยังไม่ทราบ
ข้อห้ามในวันอีดทั้งสอง
1. การเจาะจงละหมาดในค่ำคืนของวันอีด
มีรายงานอะบูอุมามะฮ์ จากท่านนะบีย์ ศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า :
“บุคคลใดละหมาดในค่ำคืนของวันอีดทั้งสองโดยหวังการตอบแทนจากอัลลอฮ์ หัวใจ ของเขานั้นจะไม่ตายในวันที่หัวใจของคนอื่น ๆ ได้ตายหมด”
(บันทึกโดยอิบนุมาญะฮ์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือศีลอด : 1782 )
อิหม่ามนะวาวีย์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์ กล่าวว่า “ฮะดีษบทนี้เฎาะอีฟ”
(อันนะวะวีย์ , อัลอัซการ ฮะดีษที่ : 453 หน้า : 167)
การห้ามในกรณีนี้ คือ การเจาะจงละหมาดยามค่ำคืนเฉพาะเพียงวันอีดวันเดียว โดยเชื่อว่าจะได้รับผลบุญมาก ส่วนผู้ที่ละหมาดยามค่ำคืนทุกคืนเป็นประจำก็ไม่มีข้อห้าม แต่อย่างใดที่จะละหมาดในค่ำคืนของวันอีดโดยเชื่อว่าผลบุญที่จะได้รับนั้นก็เหมือนค่ำคืน อื่น ๆ ที่ละหมาดเป็นประจำ
2. ห้ามถือศีลอดในวันอีด
ท่านเคาะลีฟะฮ์ อุมัร อิบนิ ค็อฏฏ็อบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวคุฏบะฮ์ในวันอีดว่า :
“...ความจริงแล้วสองวันนี้ ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามถือศีลอด วันแรกเป็นวันที่พวกท่านออกจากการถือศีลอด ส่วนอีกวันนึงคือวันที่พวก ท่านรับประทานเนื้อกุรบ่าน”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือศีลอด : 1990 / มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือ ศีลอด : 1137)
อิหม่าม ฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัรฺ เราะฮิมะฮุลลอฮ์กล่าวว่า :
“และในฮะดีษบทนี้นั้นได้ ห้ามการถือศีลอดในวันอีด ไม่ว่าจะเป็น การถือศีลอดนะซัร (บนบานไว้) หรือการถือศีล อดกัฟฟาเราะฮ ์(ชดใช้ในเดือนเราะมะฎอน อันเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ในตอนกลางวัน) หรือการถือศีลอดซุนนะฮ์ หรือการถือศีลอดชดใช้ ด้วยการเห็นพร้องต้องกันทั้งหมด”
(อิบนุ ฮะญัร , อ้างแล้ว อธิบายฮะดีษที่ : 1990 เล่ม : 4 หน้า : 278)
อิหม่าม นะวะวีย์ ได้อธิบายว่า “บรรดาอุละมาอ์ได้มีมติเอกฉันท์ ว่าห้ามถือศีลอด ในวันอีดิลฟิฏร์และวันอีดิลอัฎฮาในทุก ๆ สภาพ ไม่ว่าจะเป็น การถือศีลอดนะซัร (บน บานไว้) หรือการถือศีลอดซุนนะฮ์ หรือการถือศีลอดกัฟฟาเราะฮ ์(ชดใช้ในเดือนเราะ มะฎอน อันเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ในตอนกลางวัน) ตลอดจนการถือศีลอดอื่น ๆ นอกจากนี้ถึงแม้หากว่าเขาตั้งใจในการเจาะจงที่จะถือศีลอดนะซัรในสองวันนี้ก็ตาม อิหม่ามชาฟิอีย์และอุละมาอ์ส่วนมาก ได้กล่าวว่า : ไม่ถือว่าการนะซัรของเขามีผลให้เขา จ าเป็นต้องถือศีลอด และไม่จำเป็นต้องถือศีลอดชดเชยด้วย”
(อันนะวะวีย์ , ชัรห์เศาะเฮียห์มุสลิม อธิบายฮะดีษที่ : 1137เล่ม : 8 หน้า 17)
มีรายงานจากท่านอะบีสะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า :
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ห้ามไม่ให้ถือศีลอดในวันอีดิลฟิฏร์และวันนะหัร (วันอีดิลอัฎฮา)”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือศีลอด : 1991 / มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือ ศีลอด : 1138 / อะหมัด มุสนัดอะบีซะอีดอัลคุดรีย์ : 11503 / อิบนุมาญะฮ์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการ ถือศีลอด : 1721)
มีรายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์เราะฎิยัลลอฮุอันฮุว่า :
“แท้จริงท่านเราะซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามจากการถือศีลอด 2 วัน คือ วันอีดิลฟิฏร์และวันอีดิลอัฎฮา”
(บันทึกโดยมุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการถือศีลอด : 1138)
การถือศีลอดในวันอีดทั้งสองนั้น ฮะรอม ตามการเห็นพร้องต้องกันของบรรดา นักวิชาการ และใช้ไม่ได้ ไม่นับว่าเป็นการถือศีลอดตามบทบัญญัติ ถึงแม้จะเป็น การถือ ศีลอดชดใช้ ถือศีลอดบนบาน ถือศีลอดซุนนะฮ์หรืออื่นจากนี้ การถือศีลอดของเขาใช้ ไม่ได้ และไม่ได้รับการตอบแทนด้วย
(อับดุลลอฮ์ อิบนิ อับดุรเราะห์มาน อัลบัสซาม , อ้างแล้ว อธิบายฮะดีษที่ : 571 เล่ม : 2 หน้า : 593)
เพราะเป็นวันเฉลิมฉลองของมุสลิมทุกคน เป็น วันขอบคุณ เป็นวันที่ให้ความยิ่งใหญ่ต่ออัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงให้เราได้ปฏิบัติอิบาดะฮ์ที่ ยิ่งใหญ่สองประการเสร็จสิ้น (ถือศีลอดและประกอบพิธีฮัจญ์) วันอีดทั้งสองจึงเป็นวัน แห่งการกิน การดื่ม
3. การเยื่ยมเยือนกุโบร์ญาติพี่น้องที่ล่วงลับ พร้อมกับอ่านอัลกุรอ่าน และพิธีกรรมอื่น ๆ
การเจาะจงเยื่ยมเยือนกุโบร์ญาติพี่น้องที่ล่วงลับนั้นในวันอีดนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีแบบฉบับจากสมัยท่านนะบีเลย อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ขัดกับเจตนารมณ์ในวันอีดอย่าง ชัดเจน เพราะวันอีดนั้นเป็นวันรื่นเริง ส่วนการเยี่ยมเยือนกุโบร์นั้นเป็นการร าลึกถึงความ ตาย และโดยเฉพาะการกระท าของมุสลิมในบ้านเมืองเรานั้นขัดต่อหลักคำสอนของอิสลาม มีการทำพิธีกรรมทางศาสนา อ่านซูเราะฮฺยาซีนในกุโบร์ เอาน้ำอบรดลงที่กุโบร์ เป็นต้น สิ่งดังกล่าวนี้นั้นไม่มีแบบคำสอนจากท่านนนีเลย ซึ่งการเยี่ยมเยือนกุโบร์นั้น ศาสนาได้ส่งเสริมให้กระทำ เพื่อให้รำลึกถึงความตาย แต่ไม่ใช่เจาะจงในวันอีดหรือวันใดวันหนึ่งเป็นการเฉพาะ
ชัยค์นาศีรุดดีน อัลบานีย์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์กล่าวว่า :
“เราขอกล่าวว่า การอนุญาตให้คนเป็นเยี่ยมคนตาย ในวันอีดนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากกิจการที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ เพราะหมายถึง การจำกัดสิ่งที่ผู้ บัญญัติศาสนาบัญญัติผู้ปรีชาญาน ได้กล่าวเอาไว้กว้าง ๆ ,ท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวไว้ในหะดิษเศาะเฮียห์ว่า
“ฉันเคยห้ามพวกท่านจากการเยี่ยมกุบูร พึงทราบเถิดว่า พวกท่านจงเยี่ยมมันเถิด เพราะมันจะทำให้พวกท่านระลึกถึงวันอาคี เราะฮ ์” แล้วคำว่า (พวกท่านจงเยี่ยมมันเถิด) เป็นคำสั่งทั่วไป ไม่ได้จำกัดเวลา หรือ สถานที่ เพราะการจำกัดความหมายตัวบทและการกล่าวไว้กว้าง ๆ นั้น ไม่ใช่เป็นส่วน หนึ่งของหน้าที่มนุษย์ แต่ความจริง มันเป็นหน้าที่ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล ผู้ ซึ่งมอบภาระแก่เราะซูลผู้ทรงเกียรติ โดยตรัสแก่ท่านเราะซูลว่า
“เราได้ประทานอัลกุ รอ่านให้แก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้อธิบายแก่มนุษย์ สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกเขา” (ฟะตาวาอัลบานีย์หน้า : 61)
4. การจับมือสลามกันระหว่างมุสลิมีน-มุสลิมะฮ์
ในวันอีดนั้นสิ่งที่ต้องระวัง และเกิดขึ้นมากมายอีกประการหนึ่งก็คือ การปะปน ระหว่างชาย-หญิง และการจับมือให้สลามกัน
มีรายงานจาก มะอ์กิล อิบนิ ยะซาร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุจากท่านนะบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แท้จริงท่านได้กล่าวว่า :
"การที่คนใดคนหนึ่งจากพวกท่านจะถูกเหล็กแหลมแทงเข้าไปในศรีษะนั้น ยังดีกว่า การที่จะไปสัมผัสผู้หญิงที่ไม่ได้รับอนุญาติให้สัมผัส"
(บันทึกโดยอัฏฏ็อบรอนีย์ มัวอ์ญัมอัลกะบีร : 486 / อัลมุนซีรีย์ ระบุว่า บันทึกจากอัฏฏ็อบรอนีย์ และบัยฮากีย์ และผู้รายงานจากการบันทึกของอัฏฏ็อบรอนีย์นั้น เชื่อถือได้ ผู้รายงานถูกต้อง = ในอัตตัฆฆีบวัตตัรฮีบ : 657/22 / อัลบานีย์ ฆอยะตุลมะรอม : 196 อัลอะฮาดีษ อัศเศาะฮีฮะฮฺ : 226)
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การจับมือนั้น เป็นการทำซินาทางมือ ดังที่ท่านนะบีย์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
"ส่วนแบ่งจากการผิดประเวณีถูกกำหนดให้แก่ลูกหลานอาดัม ซึ่งต้องเกิดขึ้นโดยมิ อาจเลี่ยงได้ ดังนั้นด้วยกับสองตาผิดประเวณี โดยการมอง สองหูผิดประเวณีโดย การฟัง ลิ้นผิดประเวณีโดยการพูด มือผิดประเวณีโดยการสัมผัส เท้าผิดประเวณี โดยการเก้าย่าง และหัวใจโดยการใฝ่ฝันและจิตนาการ ส่วนจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่ อวัยวะเพศ" (บันทึกโดยมุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการก าหนดสภาวะการณ์ : 2567 )
ท่านนะบีย์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“...แท้จริงฉัน จะไม่จับมือ (สลาม) กับผู้หญิง...”
(บันทึกโดยอิบนุมาญะฮ์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการญิฮาด : 2874 / อะหมัด ฮะดีษอุมัยมะฮ์ บินติ รุ ก็อยเกาะฮ์ : 27546 , 27548 , 27549 , 27550)
มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า : ِ
“...ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า มือของท่านเราะซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะไม่สัมผัสกับมือของผู้หญิงคนใดเด็ดขาด นอกจากเป็นการที่พวกเธอให้สัตยาบัน ด้วยคำพูด”
(บันทึกโดยมุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องการก าหนดสภาวะการณ์ : 2567)
(อ่านเพิ่มเติม: ข้อพึงระวังสําหรับมุสลิมะฮฺในวันอีด)
5. การแต่งกายด้วยความยะโส โอหัง โอ้อวด และยั่วยวน
มุสลิมเป็นจ านวนมากที่แต่งกายในวันอีดด้วยเสื้อผ้าที่ใหม่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีงาม แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีหลายคนที่แต่งกายในวันอีดที่ผิดหลักศาสนา มุสลิมีนหลายคน ปล่อยชายผ้าโสร่งหรือโต๊บยาวหลากพื้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่อันตรายมากเพราะมีรายงานจาก อับดุลลอฮ์ อิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา : เล่าว่า ท่านนะบีย์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“บุคคลใดปล่อยริมผ้านุ่งยาวลากพื้น อัลลอฮ์จะไม่ทรงมองดูเขาในวันกิยามะฮฺ”
บันทึกโดยบุคอรีย์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอาภรณ์ : 5783 , 5784 / มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่อง อาภรณ์และเครื่องประดับ : 2085 / อิบนุมาญะฮ์ หมวดที่ว่าด้วยเครื่องนุ่งห่ม : 3569 / อะหมัด มุ สนัดอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร อิบนุ อัลค็อฏฏอบ : 5173 , 5248 มุสนัดอะบูฮุร็อยเราะฮ์ : 10541)
ีรายงานจากท่านอะบูฮุรอยเราะฮ์เราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า ท่านนะบี ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า : “ชายผ้าที่ยาวเลยตาตุ่ม คือสิ่งที่อยู่ในไฟนรก”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอาภรณ์ : 5787)
ส่วนบรรดามุสลิมะฮ์นั้นต้องระวังเรื่องการโอ้อวดการแต่งกายหรือเครื่องประดับ และที่สำคัญอย่างยิ่งยวด คือ การแต่งกายรัดรูป ยั่วยวน เห็นเอาเราะฮ์สวมใส่ชุดที่มีสีสัน ดึงดูดสายตาของมุสลิมีน มีรายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์เราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าว ว่า ท่านนะบีย์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“คนสองกลุ่มด้วยกันที่เป็นชาวนรก ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่มีในสมัยนบี) กลุ่ม หนึ่งมีแส้เหมือนหางวัว พวกเขาใช้มันตีผู้คน อีกกลุ่มหนึ่งคือบรรดาสุภาพสตรีที่สวม ใส่เสื้อผ้าแต่ก็เปลือยกายที่ยั่วยวน (ใส่เหมือนไม่ใส่) โดยหันเหออกจากแนวทางทำศรีษะของพวกเธอ สูงดังเช่นตระโหนกอูฐที่เอียง (ทำผมสูง) พวกนางเหล่านี้จะไม่ได้ เข้าสวรรค์ อีกทั้งไม่ได้พบกลิ่นของสวรรค์ แท้จริงกลิ่นของสวรรค์นั้นจะพบได้ด้วย ระยะการเดินทาง เท่านี้ เท่านี้”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอาภรณ์ : 5784 / มุสลิม หมวดที่ว่าด้วยเรื่องอาภรณ์และ เครื่องประดับ : 2128)
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์เราะฮิมะฮุลลอฮ์ “ได้อธิบายความหมายที่ท่านนะบีย์ ได้กล่าวในหะดีษว่า
“บรรดาสุภาพสตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าแต่ก็เปลือยกายที่ยั่วยวน ”ว่า นางนั้นสวมเสื้อผ้า แต่ความจริงแล้วนางเปลือกาย ดังเช่น สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ทำให้เห็นผิวหนังของนาง หรือเสื้อผ้าที่รัดรูป ซึ่งที่เปิดเผยสัดส่วนต่าง ๆ ของนาง ไม่ว่าจะ เป็นก้น หรือแขนของนาง หรือส่วนอื่น ๆ และแท้จริงสิ่งที่จะเป็นเครื่องแต่งกายของสตรี นั้นต้องเป็นสิ่งที่ปกปิดตัวของนาง ไม่เปิดเผยร่างกายของนาง และขนาดอวัยวะของนาง เพราะมันเป็นเครื่องสวมใส่ที่หนาและกว้าง”
(อิบนุ ตัยมียะฮ์ , อ้างแล้ว เล่มที่ : 22 หน้า : 146)
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นมุสลีมะฮ์ยุคปัจจุบันนี้นั้น มีแฟชั่นการแต่งกายที่ผิด หลักการหลายแบบด้วยกัน การนุ่งกางเกงยืนที่รัดรูปมาก ใส่เสื้อแขนสั้น ใส่เสื้อตัวเล็ก รัดรูป ใส่เสื้อบาง ๆ ใส่ฮิญาบเล็ก ๆ บาง ๆ หรือฮิญาบที่มีสีสันดึงดูดความสนใจจากเพศ ตรงข้าม สิ่งดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ที่มา: วะเราะษะตุซซุนนะฮฺ