มุสลิมอย่าไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่เลยนะ


36,861 ผู้ชม

กิจกรรมหนึ่งของคนต่างศาสนิก ในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ คือ การนับถ่อยหลัง หรือเคาท์ดาวน์ (Countdown) คือ การนับตัวเลขถอยหลัง ในหลักวินาที วัน หรือหน่วยเวลาอื่นเพื่อนับถอยหลังสู่วันปีใหม่


มุสลิมอย่าไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่เลยนะ

กิจกรรมหนึ่งของคนต่างศาสนิก ในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่ คือ การนับถ่อยหลัง หรือเคาท์ดาวน์ (Countdown) คือ การนับตัวเลขถอยหลัง ในหลักวินาที วัน หรือหน่วยเวลาอื่นเพื่อนับถอยหลังสู่วันปีใหม่


โดยมีวิธีการนับหลักวินาทีถอยหลังจนถึงศูนย์เมื่อเวลาศูนย์นาฬิกาของวันที่ 1 มกราคม (เที่ยงคืน)  ซึ่งถือเป็นการขึ้นวันปีใหม่ตามอย่างสากล  ผู้คนที่ร่วมเฉลิมฉลองในวันขึ้นปีใหม่นั้นต่างก็รู้เพียงว่านั่นคือวันที่  1  ของปีใหม่ที่ควรจะยินดีและต้อนรับด้วยการเฉลิมฉลอง

และมีมุสลิมไม่น้อยที่เข้าร่วมกิจกรรมเคาท์ดาวน์ ร่วมเฉลิมฉลองสนุกสนานเฮฮากับเขา โดยไม่ทราบที่มาที่ไปของวันดังกล่าว และเป็นที่ต้องห้ามตามบทบัญญัติศาสนาหรือไม?

แท้ที่จริงการเฉลิมฉลองตอนรับวันปีใหม่ การเคาท์ดาวน์นั้น ไม่มีปรากฏให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลาม และวันอีดสำหรับมุสลิมนั้นปีหนึ่งมีเพียง 2 อีดเท่านั้น คือ อิดิ้ลฟิฏริ และอีดิ้ลอัฎฮา หากรวมวันศุกร์ด้วยก็เป็น 3 อีด การเข้าร่วมเฉลิมฉลองวันปีใหม่ ถือเป็นการเลียนแบบพฤติกรรมของชนกลุ่มอื่น ซึ่งเป็นที่ต้องห้ามในหลักการอิสลาม

มุสลิมอย่าไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่เลยนะ

รายงานจากท่านอิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

مَنْ تَشَبَّهَ بِقَوْمٍ فَهُوَ مِنْهُمْ

“บุคคลใดประพฤติตนเลียนแบบกลุ่มหนึ่ง เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากกลุ่มนั้น”

(บันทึกโดยอบูดาวุด : 4031 ดู เศาะเหี๊ยะหฺอัลญามิอฺอัลบานียฺ : 2831 ดู ญามิอุศเศาะฆีรสุญูตียฺ  : 8593) 

ที่น่าเศร้าใจไปกว่านี้ คือ การจัดเฉลิมฉลองวันปีใหม่ มันมีที่มาที่ไปทางประวัติศาสตร์ เป็นการตีหน้าชาวมุสลิม ในการเฉลิมฉลองของอาณาจักรคริสเตียนสเปนที่ประกาศชัยชนะต่อฝ่ายมุสลิม

ซึ่งในปี  คศ.1491  อาณาจักรฆอรนาเฏาะฮฺ  (Granada)  ดินแดนอัลอันดะลุส  (Andalucia)  ในสเปน ฝ่ายมุสลิมต้องยอมแพ้  และยอมทำข้อตกลงกับฝ่ายคริสเตียนในการส่งมอบเมืองเป็นจำนวนถึง  67 เมือง การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างสองฝ่ายเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการในวันที่  2  ร่อบีอุลเอาวัล  ฮ.ศ.897  ตรงกับวันที่  2  มกราคม  ค.ศ.1492  เป็นการปิดฉากลงพร้อมกับชัยชนะของฝ่ายคริสเตียนที่ขับเคี่ยวต่อสู้กับชาวมุสลิมหรือ พวกมัวร์มาตลอดระยะเวลาร่วม  800  ปี  

ความจริงชาวมุสลิมได้สูญเสียฆอรนาเฏาะฮฺมาตั้งแต่วันที่  1  มกราคมของปีนั้น  (1492)  แล้ว เพียงแต่การสูญเสียอย่างเป็นทางการนั้นเกิดขึ้นในวันถัดมา  คือ  วันที่  2  มกราคม  1492 

และ เพียง  7  ปีให้หลัง  (คศ.1499)  เงื่อนไขอันเป็นข้อตกลงในสนธิสัญญาส่งมอบเมืองนั้นก็ถูกละเมิดอย่างไม่แยแส จากฝ่ายคริสเตียน  บรรดามัสญิดถูกสั่งปิด  การประกอบพิธีกรรมถูกสั่งห้าม  การตั้งศาลพิเศษเพื่อตรวจสอบชาวมุสลิมที่ตกค้างอยู่ในฆอรนาเฏาะฮฺโดยฝ่าย ศาสนจักรก็มีขึ้น  มุสลิมถูกบังคับให้เข้ารีตในคริสต์ศาสนา  ตำรับตำราทางวิชาการถูกเผาทำลายไม่เว้นแม้แต่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน  มีการสั่งห้ามชาวมุสลิมพูดภาษาอาหรับและห้ามอาบน้ำ นี้คือ สาเหตุที่พวกฝรั่งตะวันตกได้ถือเอาวันที่  1  มกราคมเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามครูเสดที่มีต่อพวกนอกศาสนาอันหมายถึง ชาวมุสลิมโดยรวม  ซึ่งช่างเหมาะเจาะกับช่วงเวลาก่อนหน้านั้นราว  1  สัปดาห์  ที่พวกเขาเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสในวันที่  25  ธันวาคมต่อเนื่องจนถึงวันที่  1  มกราคม

มุสลิมอย่าไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่เลยนะ 

และในช่วงคริสต์มาสอีฟ  ทำไม ฝรั่งจึงมีธรรมเนียมกินไก่งวง  ในทุกปีทำเนียบขาวจะจัดประเพณีการกินไก่งวงเพื่อขอบคุณพระเจ้า  มีการปล่อยไก่งวงผู้โชคดีให้เป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลก ชะรอยไก่งวงที่ว่านี้ก็มีสัญลักษณ์แอบแฝงอยู่   พวกฝรั่งเรียกไก่งวงว่า  เทอคิ  (Turkey)  ซึ่งหมายถึง  ไก่แขกตุรกีและตุรกีในชั้นหลังก็หมายถึง  พวกมุสลิมที่ต่อสู้ขับเคี่ยวกับพวกฝรั่งชาวคริสเตียนในการทำสงครามศาสนา  (ครูเสด)  การฆ่าไก่งวงเพื่อรับประทาน เป็นอาหารในช่วงคริสต์มาสอีฟก็คือสัญลักษณ์ในการพิฆาตพวกเติร์กหรือพวกคน ต่างศาสนาที่หมายถึง "มุสลิม " นั่นเอง

นี้คือที่มาของการจัดเฉลิมฉลองของวันปีใหม่ ของชาวคริสต์เตียน เราชาวมุสลิมยังจะเสนอหน้าไปร่วมเฉลิมฉลองกับพวกเขาอีกหรือ? มันถือเป็นการสูญเสียจิตวิญญาณของชาวมุสลิมและความเป็นอัตลักษณ์ของตน และมันน่าช่างอัปยศและความปราชัยของมุสลิมอย่างที่สุด

والله أعلم بالصواب

https://islamhouse.muslimthaipost.com/

อัพเดทล่าสุด