การมีเเฟนในอิสลาม ถือเป็นบาปใหญ่หรือไม่?


24,475 ผู้ชม

ทั้งนี้จะเป็นบาปใหญ่นั้น ก็ต่อเมื่อได้กระทำในสิ่งที่ศาสนาเรียกว่าเป็นบาปใหญ่ เช่น การร่วมประเวณีกัน หรือการกระทำที่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าในความผิดนั้นๆอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง


มีเเฟนเป็นบาปใหญ่ไหม ?
คำตอบ เป็นบาปแน่นอน!
ทั้งนี้จะเป็นบาปใหญ่นั้น ก็ต่อเมื่อได้กระทำในสิ่งที่ศาสนาเรียกว่าเป็นบาปใหญ่ เช่น การร่วมประเวณีกัน หรือการกระทำที่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าในความผิดนั้นๆอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ก็อาจถึงขั้นเป็นการกระทำความผิดที่เป็นบาปใหญ่ โดยสาเหตุหลักของการที่ชายหรือหญิงนั้น จะมีความผิดข้างต้นนี้ อันเนื่องจากการที่เค้าทั้งสองได้ตกลงปลงใจคบกันอย่างที่เค้าเรียกว่า แฟน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ย่อมเป็นการฝ่าฝืนซึ่งหลักการอิสลาม ในเรื่องของการที่อิสลามสั่งใช้ สั่งห้ามให้ชายหรือหญิงได้กระทำสิ่งเหล่านี้
ยกตัวอย่างหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้างต้นนี้ เช่น 
อัลลอฮฺ (ซ.บ) ทรงตรัสไว้ ซึ่งมีใจความว่า"และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า""[17:32]
อายะฮข้างต้นนี้ นักวิชาการตัฟซีรได้อธิบายไว้ว่า สื่อใดหรือการกระทำใดก็ตามที่ทำให้คนหนึ่งคนใด อาจจะนำไปสู่การกระทำความผิดในลำดับความผิดต่อไป สิ่งๆนั้น ย่อมมิอาจเข้าใกล้เป็นอันขาด ต้องหลีกเลี่ยงให้พ้น ซึ่งหากเข้าใกล้ย่อมเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ย่อมนำมาซึ่งความผิดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง 
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวไว้ว่า " لا يخلون رجل بامرأة إلا كان ثالثهما الشيطان " ความว่า "ไม่อนุญาตให้ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่กันตามลำพัง ยกเว้นชัยฏอนจะเป็นบุคคลที่สาม" (บันทึกหะดีษโดยติรฺมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " لأن يطعن في رأس أحدك بمخيط من حديد خير له من أن يمس امرأة لا تحل له " ความว่า "การที่บุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านถูกเหล็กแหลมทิ่มที่ศีรษะ (ของพวกท่าน) ยังดีกว่าการที่จะไปสัมผัสสตรีที่นางไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับเขา (หมายถึงผู้หญิงที่แต่งงานกับเขาได้)" (บันทึกโดยอัฏเฏาะบะรอนีย์,อัลบัยหะกีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การมองสตรีโดยมิได้ตั้งใจถือว่าไม่มีความผิด แต่หากมองซ้ำอีก (เป็นครั้งที่สอง) ถือว่ามีความผิด " (บันทึกโดยติรมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " การทำซินา (การละเมิดประเวณี) ทางสายตา คือการมอง(สิ่งหะรอม) "(บันทึกโดยติรมิซีย์)
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " "ดวงตาทั้งสองทำซินา กล่าวคือ การทำซินาของดวงตา คือการมอง " (บันทึกโดยบุคอรีย์) 
หะดีษข้างต้นเป็นการบ่งชี้ว่า ศาสนาไม่อนุญาตมองเพศตรงข้ามโดยซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยหาเหตุจำเป็นใดๆไม่ได้ หรือการเข้าใกล้อยู่กันสองต่อสอง หรือสิ่งที่เป็นสื่อใดก็ตามที่จะนำไปสู่ความผิด ศาสนายังไม่อนุญาตเลย แล้วหากเป็นการกระทำที่หนุ่มสาวปัจจุบันได้กระทำไว้ที่ถูกเรียกว่า "แฟน" ย่อมมีความผิดดั่งหลักฐานที่อ้างอิงไว้ข้างต้นเป็นไหนๆ
เเล้วจะทำยังไงดีกับความรู้สึกเเบบนี้ 
ก็ให้พิจาณาถึงการเลือกคู่ครองตามที่หลักการอิสลามได้กำหนดไว้ อันเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เรานั้นเลือกที่จะคบกับใครสักคนนึง ซึ่งอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดที่ว่า ต้องคบกันก่อนแล้วค่อยแต่งหรือ หากไม่คบแล้ว จะรู้นิสัย ใจคอได้อย่างไร จะแต่งกันได้อย่างไร 
ลองพิจารณานี้ดู
การเลือกคู่ครองในอิสลามศาสนามีบทบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนครับ,
1.การเลือกคู่ครองเราไม่รู้ว่าเธอจะมีนิสัยอย่างไรทั้งต่อหน้าและลับหลัง ? แม้ว่าศาสนาไม่มีระบบแฟนก็ตามแต่หลักการของศาสนาดีกว่าและชัดเจน,เป็นจริงกว่าระบบแฟนหลายร้อยเท่าครับ 
ประการแรก หากเราชอบพอสตรีมุสลิมคนใดก็ตาม ให้เราเข้าไปสอบถามพ่อแม่ของนาง เช่น นางมีนิสัยอย่างไร ? เรื่องศาสนาปฏิบัติเคร่งครัดหรือไม่ ? มีข้อเสีย หรือข้อตำหนิอย่างไร ? อาทิเช่น เป็นคนขี้เกียจ,เป็นคนไม่ขยัน,เป็นคนไม่ค่อยรักษาความสะอาดหรือไม่? เป็นต้น, รวมทั้งศาสนายังสงเสริมให้ถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเกี่ยวกับสิ่งตำหนิตามร่างกาย เช่น นางมีข้อตำหนิอะไรบ้าง ? เช่นนางอาจมีปานสีแดงตรงบริเวณหัวเข่า, นางมีแผลเป็นบริเวณหน้าท้อง เป็นต้น, 
ครั้นเมื่อฝ่ายชายมาถามพ่อแม่ หรือผู้ปกครองฝ่ายหญิงแล้ว วาญิบที่พ่อแม่ หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิงจะต้องตอบคำถามตามความเป็นจริง แม้ว่าโรคที่สังคมรังเกียจก็ต้องบอกให้แก่ฝ่ายชายรู้นะครับ ทั้งนี้เพื่อให้ฝ่ายชายกลับไปพิจารณาว่าจะรับข้อบกพร่องของนางได้หรือไม่ ? 
ฉะนั้น ข้อมูลของฝ่ายหญิงจึงถูกต้องค่อนข้าง 100 % เพราะคนที่รู้จักผู้หญิงที่เราจะอยู่กินกับนางในอนาคตคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพ่อแม่ หรือผู้ปกครองของนางเป็นแน่ (แนวทางนี้ส่งเสริมให้ฝ่ายหญิงหาข้อมูลจากพ่อแม่ของฝ่ายชายที่มาสู่ขอเช่นกัน), 
นี่ถ้าเป็นระบบแฟนต่างก็โกหกนิสัยซึ่งกันและกัน เพราะต่างคนต่างต้องโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งพึงพอใจตนเอง, แต่อิสลามกลับบอกสิ่งที่เหนือกว่าและยอดเยี่ยมกว่านะครับ 
ประการที่สอง ภายหลังที่เราสอบถามพ่อแม่หรือผู้ปกครองของนางแล้วท่านรสูลุลลอฮฺยังสั่งให้พิจารณาเพื่อนสนิทของสตรีที่จะไปสู่ขอ เพราะอะไร เนื่องหากเพื่อนสนิทของนางเป็นคนดีมีศาสนาแล้วละก้อ นางก็เป็นคนดีมีศาสนาเช่นกัน ตัวอย่างเช่น คนอันธพาลก็มักจะมีเพื่อนเป็นคนอันธพาลด้วยกัน หรือคนติดยาเสพติดก็มักจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ติดยาเสพติดเหมือนกัน ซึ่งท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า 

"บุคคลหนึ่งอยู่บนศาสนาของเพื่อนของเขา ดังนั้นท่านจงพิจารณาบุคคลหนึ่งในหมู่พวกท่านจากบุคคลที่เป็นเพื่อนของเขาเถิด" (บันทึกโดยอบูดาวูด และติรฺมิซีย์), 
หุกุมนี้สั่งใช้ให้ฝ่ายหญิงพิจารณาเพื่อนของผู้ชายที่มาสู่ขอเช่นกัน 
2. ส่วนเราจะเข้ากับครอบครัวของนางได้หรือไม่? หรือนางจะเข้ากับครอบครัวของเราได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็นครับ, ประเด็นอยู่ที่เราเป็นบุคคลที่มีศาสนาหรือเปล่า ? (หรือนางมีศาสนาหรือเปล่า?), หากเราไม่มีศาสนา นั่นก็หมายรวมว่าการอยู่ด้วยกันก็เกิดปัญหา ตัวอย่างเช่น ภายหลังที่เราแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งเราก็ย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับนางซึ่งเป็นบ้านที่มีพ่อแม่ของนางร่วมอยู่ด้วย, รุ่งเช้าที่บ้านของนางตื่นนมาซศุบหฺ แต่เราไม่ตื่นนมาซศุบหฺเช่นนี้ก็เกิดปัญหาอย่างแน่นอน 
ดังนั้น  สิ่งที่ผมเคยตอบไปแล้วนั้น คือ  ศาสนาส่งเสริมให้เลือกคู่ครองของเราที่มีศานาเป็นอันดับแรก อินชาอัลลอฮฺปัญหาจะไม่เกิดขึ้นภายหลังนะครับ

 วัสสลาม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: Blackniqabi นิกอบสีดำ.

อัพเดทล่าสุด