การดุอาอฺของท่านนั้นขึ้นอยู่กับว่าท่านนั้นกล่าวขอความช่วยเหลือและพร่ำบ่นต่ออัลลอฮฺมากแค่ไหน
จงอย่าสิ้นหวัง ในพระเมตตาของอัลลอฮฺ
ศาสนทูตมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม เคยกล่าวว่า การดุอาอฺของท่านนั้นขึ้นอยู่กับว่าท่านนั้นกล่าวขอความช่วยเหลือและพร่ำบ่นต่ออัลลอฮฺมากแค่ไหน
ลองสังเกตดูสิ ว่า เวลาที่เราพร่ำบ่นหรือขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ด้วยกัน พวกเขามีปฏิกิริยาต่อท่านเช่นไร พวกเขาตอบโต้ท่านอย่างไร พวกเขาหมดความอดทนกับท่านใช่ไหม พวกเขาแสดงความรำคาญต่อท่านใช่ไหม พวกเขาแทบไม่อยากจะมองหน้าท่านอีก พวกเขาหงุดหงิด โมโห ทำหน้าบึ้งตึงใส่ท่าน และอาจพูดบางสิ่งบางอย่างที่ท่านไม่ชอบเช่น“น่ารำคาญจริงๆ”
ตรงกันข้าม หากว่าเราพร่ำบ่น และวอนขอต่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา อัลลอฮฺจะทรงรักการพร่ำบ่นของท่านต่อพระองค์ นี่เป็นเหตุผลว่า เหตุใดท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า “มี ผู้คนเข้ามาพบฉัน และกล่าวว่า ฉันขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ ขอแล้วขออีก แต่อัลลอฮฺก็มิทรงตอบรับการดุอาอฺของฉันเลย” จากนั้นเขาก็เกิดความสิ้นหวัง และยุติการขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว อัลลอฮฺนั้นกำลังจะตอบรับดุอาอฺเขา
ด้วยเหตุนี้ “ท่านจงอย่าสิ้นหวังในการขอดุอาอฺต่ออัลลอฮฺ” ศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม กล่าวว่า “จง ขอต่ออัลลอฮฺ และพร่ำบ่นกับพระองค์ วอนขอจากพระองค์ให้มากเพราะอัลลอฮฺทรงรักบ่าวผู้ที่พร่ำบ่นและวอนขอต่อพระองค์”
มี อีกหนึ่งฮะดีษที่ศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะศัลลัม ได้อธิบายไว้ว่า บางครั้งอัลลอฮฺก็ปรารถนาที่ยืดเวลาในการตอบรับดุอาอฺ ขณะที่บ่าวของพระองค์วอนขอจากพระองค์ ด้วยเพราะว่าอัลลอฮฺทรงรักการที่บ่าวของพระองค์นั้นกล่าวสรรเสริญพระองค์และ กล่าวนามของพระองค์ด้วยลิ้นของเขา และเป็นเพราะว่า อัลลอฮฺทรงรักบ่าวของพระองค์มากเหลือเกิน และพระองค์ปรารถนาให้พระนามของพระองค์ถูกกล่าวด้วยลิ้นของเขามากยิ่งขึ้น และอีกสาเหตุหนึ่งที่อัลลอฮฺทรงยึดเวลาในการตอบรับดุอาอฺออกไป เนื่องจากว่าพระองค์ทรงทราบข้อเท็จจริงที่ว่า การยืดเวลาดุอาอฺออกไปนั้น ทำให้สถานะของท่านในวันกิยามะฮฺนั้นสูงมากยิ่งขึ้นและอัลลอฮฺประสงค์ให้ท่านนั้นได้ใกล้ชิดพระองค์มากยิ่งขึ้น
นั่นหมายความว่า การที่พระองค์ตอบรับการดุอาอฺของท่านล่าช้านั้นเป็นเพราะว่าพระองค์ประสงค์ ที่จะได้ยินการกล่าวนามของพระองค์จากลิ้นของท่านและด้วยเพราะว่า พระองค์ทรงรักท่าน และพระองค์ทรงยกสถานะท่านให้สูงยิ่งขึ้นในสวรรค์ญันนะฮฺ เพื่อที่ว่าในวันแห่งการตัดสินท่านจะได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขอดุอาอฺของมุอฺมินนั้นจะได้รับการตอบรับเสมอ เพียงแต่ว่าหากท่านไม่ได้รับสิ่งนั้นในโลกดุนยานี้แน่นอนว่าท่านจะได้รับสิ่งนั้นในวันอาคิเราะฮฺ
บางคนคิดว่าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮู วะตะอาลา นั้นทรยศต่อการขอดุอาอฺของพวกเขา ทั้งที่พวกเขาทำการขอดุอาอฺต่อพระองค์มากมาย หากแต่ “ท่านอย่าได้มีความคิดเช่นนั้น” เพราะแท้จริงแล้วอัลลอฮฺทรงห่วงใยพวกท่าน และพระองค์ทรงทราบดียิ่งถึงสิ่งที่ท่านขอ หากว่าสิ่งที่ท่านขอจากพระองค์นั้นจะทำให้ท่านต้องประสบกับความเลวร้ายหรือ หายนะ พระองค์จะไม่ทรงตอบรับการขอจากท่านในดุนยานี้หากแต่พระองค์จะตอบแทนท่านใน วันอาคิเราะฮฺ ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า “สูเจ้า อาจจะเกลียดบางสิ่งที่ดีต่อสูเจ้า และสูเจ้าอาจจะชอบในบางสิ่งที่มันเลวต่อสูเจ้า” ดังนั้นแน่นอนว่า อัลลอฮฺจะทรงประทานซึ่งสิ่งที่ดีงามต่อท่านท่านจำต้องมอบหมายต่อพระองค์และนี่คือบททดสอบอย่างหนึ่ง
เมื่อท่านมอบหมายต่ออัลลอฮฺ และเชื่อมั่นในพระองค์ ดังนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลต่อสิ่งใด อัลลอฮฺทรงได้ยินการขอดุอาอฺของท่านอยู่ตลอดเวลาอัลลอฮฺทรงเป็นผู้เมตตายิ่งและทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
แม้แต่การวอนขอ ของบรรดากาเฟรฺ (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) พระองค์ก็ยังทรงตอบรับการวอนขอของพวกเขา ในกรณีที่พวกเขานั้นวอนขอจากพระองค์เพียงผู้เดียว โดยมิได้ตั้งภาคีใดๆ มาเทียบเคียงพระองค์ ดังที่มีการกล่าวไว้ในอัลกุรอาน ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธได้ร่องเรือไปในทะเล ได้เกิดพายุขึ้น ซึ่งพวกเขากำลังจะถูกพลัดพาไปกับน้ำทะเลและเกือบต้องจมน้ำตาย พวกเขาจึงได้กล่าวนามอัลลอฮฺและขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพียงผู้เดียวด้วย ความบริสุทธิ์ใจ อัลลอฮฺจึงทรงช่วยเหลือพวกเขา หากแต่เมื่อพวกเขาปลอดภัยแล้ว พวกเขาก็กลับไปสู่การปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง (มุชริกีน) จากตัวอย่างนี้ ก็จะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺทรงให้การช่วยเหลือบรรดาผู้ที่วอนขอจากพระองค์เพียงผู้เดียวด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยมิตั้งภาคีใดๆกับพระองค์
อีกตัวอย่าง หนึ่ง ขณะที่ท่าน ญิลบรีล อะลัยฮิสสลามได้มายังศาสนทูตเพื่อทำการส่งสาสน์จากอัลลอฮฺ ท่านญิลบรีลได้หัวเราะต่อหน้าศาสนทูต ท่านศาสนทูตจึงถามท่านญิลบรีลว่า “เหตุใดท่านจึงหัวเราะ” ท่านญิลบรีลตอบว่า “หากแม้ว่าท่านเห็นว่า ฉันทำอะไรกับฟิรอาวน์ในขณะที่เขากำลังจมลงไปในทะเล ท่านจะเข้าใจ” ศาสนทูตถามต่อว่า “ท่านทำอะไรหรือ ญิลบรีล” ท่านญิลบรีลตอบว่า “ฉันก็ลงไปใต้ทะเลและหยิบเอาดินโคลน ขว้างลงไปในคอของฟิรอาวน์ เพราะฉันเกรงว่าฟิรอาวน์จะกล่าววอนขอต่ออัลลอฮฺให้ช่วยเหลือเขา และอัลลอฮฺจะทรงช่วยเขาน่ะสิ ฉันกลัวว่าพระเมตตาของอัลลอฮฺจะไปยังเขา หากเขาเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์”