การชำระล้างทำความสะอาดโดยใช้น้ำที่สะอาดล้างให้ทั่วทั้งร่างกาย ด้วยวิธีการที่เฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความประเสริฐของอิสลามอีกอย่างหนึ่ง ว่าเป็นศาสนาที่สะอาด บริสุทธิ์
การอาบน้ำญะนาบะห์ (ยกหะดัษใหญ่) อย่างถูกต้อง ชัดเจน
การทำฆุสลฺ (อาบน้ำ) คือ การชำระล้างทำความสะอาดโดยใช้น้ำที่สะอาดล้างให้ทั่วทั้งร่างกาย ด้วยวิธีการที่เฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความประเสริฐของอิสลามอีกอย่างหนึ่ง ว่าเป็นศาสนาที่สะอาด บริสุทธิ์
สาเหตุที่จำเป็นต้องทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)
1- เมื่อมีการหลั่งน้ำกาม จากอวัยวะเพศชายหรือหญิง ทั้งจากการกระทำความสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง การร่วมประเวณี หรือการฝันเปียก
2- เมื่อมีการสอดใส่ส่วนหัวของอวัยวะเพศชายจมเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง ถึงแม้ว่าจะไม่มีการหลั่งน้ำกามก็ตาม
3- เมื่อมีการตายของมุสลิม นอกจากว่าจะตายชะฮีดในหนทางของอัลลอฮฺ
4- เมื่อมีการเข้ารับอิสลามของกาฟิรฺ
5- เมื่อมีประจำเดือน
6- เมื่อมีนิฟาส(เลือดจากการคลอดบุตร)
มีรายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวความว่า ท่านเราะสูลุลอฮฺได้กล่าวว่า
إِذَا جَلَسَ بَيْنَ شُعَبِهَا الْأَرْبَعِ ثُمَّ جَهَدَهَا فَقَدْ وَجَبَ الْغَسْلُ
ความว่า “เมื่อผู้ใดนั่งคร่อมระหว่างอวัยวะทั้งสี่ของสตรี หลังจากนั้นมีการใช้ความพยายามเพื่อให้สำเร็จต่อนาง ก็ถือว่าวาญิบต้องอาบน้ำแล้ว” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 291สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่: 348)
วิธีการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ที่ถือว่าใช้ได้
ให้ตั้งเจตนาเพื่อทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)หลังจากนั้นชำระล้างทำความสะอาดให้ทั่วทั้งร่างกายเพียงครั้งเดียว
วิธีการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ที่ถือว่าสมบูรณ์แบบ
ให้ตั้งเจตนาเพื่อทำฆุสลฺ แล้วล้างมือสามครั้ง แล้วล้างอวัยวะเพศและชำระสิ่งสกปรกจนเกลี้ยง หลังจากนั้นให้อาบน้ำละหมาดจนเสร็จ แล้วเอาน้ำรดบนศรีษะสามครั้งพร้อมๆกับใช้มือสางเส้นผม จากนั้นให้ชำระล้างทำความสะอาดทั้งร่างกายที่เหลือให้ทั่วเพียงครั้งเดียว โดยเริ่มล้างด้านขวาก่อน ให้ถูในขณะที่ล้างด้วยและไม่ควรใช้น้ำอย่างฟุ่มเฟือย
วิธีการทำฆุสลฺของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีรายงานจากท่านอิบนุ อับบาสเราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า
حَدَّثَتْنِي خَالَتِي مَيْمُونَةُ قَالَتْ أَدْنَيْتُ لِرَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ غُسْلَهُ مِنَ الْجَنَابَةِ فَغَسَلَ كَفَّيْهِ مَرَّتَيْنِ أَوْ ثَلَاثًا، ثُمَّ أَدْخَلَ يَدَهُ فِي الْإِنَاءِ، ثُمَّ أَفْرَغَ بِهِ عَلَى فَرْجِهِ وَغَسَلَهُ بِشِمَالِهِ، ثُمَّ ضَرَبَ بِشِمَالِهِ الْأَرْضَ فَدَلَكَهَا دَلْكًا شَدِيدًا، ثُمَّ تَوَضَّأَ وُضُوءَهُ لِلصَّلَاةِ، ثُمَّ أَفْرَغَ عَلَى رَأْسِهِ ثَلَاثَ حَفَنَاتٍ مِلْءَ كَفِّهِ، ثُمَّ غَسَلَ سَائِرَ جَسَدِهِ، ثُمَّ تَنَحَّى عَنْ مَقَامِهِ ذَلِكَ فَغَسَلَ رِجْلَيْهِ، ثُمَّ أَتَيْتُهُ بِالْمِنْدِيلِ فَرَدَّهُ
ความว่า “ น้าของฉันท่านหญิงมัยมูนะฮฺ(เราะฎิยัลลอฮุอันฮา)ได้กล่าวกับฉันว่า ฉันเข้าไปใกล้ท่านเราะสูลุลอฮฺในขณะที่ท่านอาบน้ำญะนาบะฮฺอยู่ ฉันเห็นท่านล้างมือทั้ง 2 ข้างของท่าน สองหรือสามครั้ง ต่อจากนั้นท่านจะเอามือวักน้ำในภาชนะแล้วราดน้ำบนอวัยวะเพศของท่าน แล้วชำระทำความสะอาดอวัยวะเพศโดยใช้มือซ้าย จากนั้นท่านเอามือซ้ายตบดิน แล้วถูมันอย่างแรง แล้วจึงอาบน้ำละหมาดเหมือนกับการอาบน้ำละหมาดของท่านเพื่อทำละหมาด เสร็จแล้วจึงมาเอามือวักน้ำมาราดศีรษะ 3 ครั้ง แล้วราดน้ำให้ทั่วร่างกาย แล้วเลื่อนจากที่เดิมเล็กน้อย แล้วจึงล้างเท้าทั้งสองของท่าน หลังจากนั้นฉันได้เอาผ้าเช็ดยื่นให้ท่าน แต่ท่านได้ปฏิเสธมัน” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 276 และมุสลิม เลขที่: 317 ซึ่งสำนวนนี้เป็นของมุสลิม)
• ตามสุนนะฮฺ(แบบอย่างของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)ให้อาบน้ำละหมาดเหมือนกับการอาบน้ำละหมาดเพื่อทำละหมาดก่อนอาบน้ำ แต่หากอาบน้ำโดยมิได้ทำวุฎูอ์ก่อน หรือทำวุฎูอ์ก่อนอาบน้ำแล้วในหลักการอิสลามถือว่าไม่จำเป็นต้องทำวุฎูอ์อีกหลังอาบน้ำ
กฎข้อห้ามสำหรับผู้มีญะนาบะฮฺ
ห้ามทำละหมาด(ทุกชนิดและทุกประเภท) ห้ามทำเฏาะวาฟ(เดินเวียนรอบ) บัยตุลลอฮฺ ห้ามจับต้องมุศหัฟฺ ห้ามหยุดนั่งในมัสยิดแต่หากทำวุฎูอ์ก่อนก็จะอนุโลมให้นั่งในมัสยิดได้
• วาญิบ(จำเป็นต้อง) อาบน้ำในวันศุกร์สำหรับบุคคลที่มีกลิ่นตัว และสุนัต(ส่งเสริม)สำหรับบุคคลทั่วไป
• สุนัต(ส่งเสริม) ให้ผู้มีญะนาบะฮฺ(ที่เสร็จจากการร่วมประเวณี)อาบน้ำทันที และในขณะเดียวกันก็อนุโลมให้เขานอนในสภาพที่มีญะนาบะฮฺได้ แต่ที่ดีที่สุดเขาไม่ควรนอน เว้นแต่หลังจากที่ได้ชำระล้างอวัยวะเพศและได้ทำวุฎูอ์ก่อน ทั้งนี้เพราะมีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ(เราะฎิยัลลอฮุอันฮา)กล่าวว่า
كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا أَرَادَ أَنْ يَنَامَ وَهُوَ جُنُبٌ غَسَلَ فَرْجَهُ وَتَوَضَّأَ لِلصَّلَاة
ความว่า “ เคยปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อท่านปรารถนาจะนอนในสภาพที่มีญะนาบะฮฺท่านจะชำระล้างอวัยวะเพศและได้ทำวุฎูอ์(อาบน้ำละหมาด)เหมือนกับการอาบน้ำละหมาดของท่านเวลาที่ท่านจะละหมาดเสียก่อน” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 288 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่: 305)
• อนุญาตให้ชายผู้เป็นสามีทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)เพื่อพ้นจากสภาพญะนาบะฮฺพร้อมๆ ภรรยาของเขาโดยใช้น้ำในภาชนะ(อ่าง)เดียวกันได้ ถึงแม้ว่าต่างคนต่างจะมองเห็น(เอาเราะฮฺ)เรือนร่างของอีกฝ่ายได้ก็ตาม ทั้งนี้เพราะมีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ(เราะฎิยัลลอฮุอันฮา)กล่าวว่า
كُنْتُ أَغْتَسِلُ أَنَا وَالنَّبِيُّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنْ إِنَاءٍ وَاحِدٍ
ความว่า “เคยปรากฏว่าฉันได้อาบน้ำพร้อมๆกับท่านนบีเพื่อให้พ้นจากสภาพญะนาบะฮฺจากน้ำในภาชนะเดียวกัน” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 263 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่: 321)
• สุนัต(ส่งเสริม)สำหรับผู้ที่เสร็จจากการร่วมประเวณีกับภรรยาคนหนึ่ง แล้วปรารถนาจะร่วมกับภรรยาคนเดียวกันซ้ำอีกครั้งหรือปรารถนาจะร่วมกับภรรยาคนอื่นๆ(ในกรณีมีภรรยามากกว่าหนึ่ง)ให้ทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ก่อนการร่วมประเวณีแต่ละครั้ง แต่หากโอกาสไม่อำนวยที่จะทำฆุสลฺ(อาบน้ำ) ก็ให้เขาทำวุฎูอ์(อาบน้ำละหมาด) เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความกระฉับกระเฉงขึ้น
บางกรณีซึ่งให้ทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ที่ถือว่าเป็นสุนัต(ส่งเสริมให้กระทำ)
การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ก่อนอิหฺรอมในพิธีหัจญ์หรืออุมเราะฮฺ การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ของผู้อาบน้ำให้กับมัยยิต(คนมุสลิมที่ตาย) การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ของผู้ที่หายจากการเป็นบ้า หรือเป็นลมหมดสติ การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ของผู้ที่เริ่มเข้าเขตมักกะฮฺ การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ในระหว่างญะนาบะฮฺของผู้มีญะนาบะฮฺซ้ำติดต่อกัน การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ของผู้ที่ร่วมฝั่งศพของคนมุชริก(คนไม่ใช่มุสลิม)
• วาญิบ(จำต้อง)ต้องปกปิดจากสายตาผู้คนในขณะทำการฆุสลฺ(อาบน้ำ) แต่ถ้าหากอาบน้ำอยู่คนเดียวในห้องน้ำก็อนุโลมให้เปลือยได้แต่ปกปิดนั้นดีกว่าแม้ว่าจะอยู่คนเดียว เพราะอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ที่สมควรละอายมากกว่าการละอายต่อมนุษย์
• อนุโลมให้ทำการฆุสลฺ(อาบน้ำ)เพียงครั้งเดียวสำหรับผู้ที่ร่วมประเวณีซ้ำกันสองครั้งหรือหลายครั้งกับภรรยาคนเดียวหรือหลายคน เพราะมีรายงานจากท่านอะนัสเราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า
أَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يَطُوفُ عَلَى نِسَائِهِ بِغُسْلٍ وَاحِدٍ
ความว่า “แท้จริงท่านนบีเคยเวียนร่วมประเวณีกับของท่านภรรยาหลายคนด้วยทำการฆุสลฺ(อาบน้ำ)เพียงครั้งเดียว” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 309 และมุสลิม เลขที่: 162ซึ่งสำนวนนี้เป็นของมุสลิม)
• อนุโลมให้ทำการฆุสลฺ(อาบน้ำ)รวมกันเพียงครั้งเดียวได้สำหรับผู้ที่มีทั้งญุนุบและระดูในวาระเดียวกัน หรือมีญุนุบในวันศุกร์เป็นต้น
• วิธีการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ของผู้หญิงนั้น เหมือนกับวิธีการของผู้ชายทุกอย่าง และผู้หญิงที่ไว้ผมยาว เกล้าผมมวย เวลาจะอาบน้ำญะนาบะฮฺ นางไม่จำเป็นต้องแก้มวยผมก็ได้ แต่สุนัต(ส่งเสริม)ให้แก้มวยผมเวลาจะอาบน้ำหลังสิ้นสุดเลือดประจำเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร
สิ่งที่สุนัต(ส่งเสริมให้ปฏิบัติ)ในการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)
ทำวุฎูอ์(อาบน้ำละหมาด)ก่อน ขจัดคราบสิ่งปฏิกูล ตักน้ำราดบนศีรษะสามครั้ง จากนั้นราดน้ำบนส่วนที่เหลือทั่วทั้งร่างสามครั้งเช่นกัน และให้เริ่มข้างขวาก่อนในทุกขั้นตอน
• ตามสุนนะฮฺ(แบบอย่างของท่านนบี)ในการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ญะนาบะฮฺนั้น ควรใช้น้ำเพียงสี่ลิตรถึงห้าลิตร หากไม่ถึงหรือมีความจำเป็นต้องเพิ่มจากที่กล่าวมา เช่น สิบสองลิตร เป็นต้น ถือว่าใช้ได้ และไม่อนุญาตให้ใช้น้ำแบบฟุ่มเฟือยทั้งในการทำวุฎูอ์(อาบน้ำละหมาด)และในการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ) เพราะมีรายงานจากท่านอะนัสเราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า
كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهم عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَغْسِلُ أَوْ كَانَ يَغْتَسِلُ بِالصَّاعِ إِلَى خَمْسَةِ أَمْدَادٍ وَيَتَوَضَّأُ بِالْمُدِّ
ความว่า “ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เคยทำการชำระล้างหรือการทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)โดยใช้น้ำเพียงสี่ลิตรถึงห้าลิตร และทำวุฎูอ์(อาบน้ำละหมาด)โดยใช้น้ำเพียงหนึ่งลิตร” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัลบุคอรียฺ เลขที่ : 201 สำนวนนี้เป็นของอัลบุคอรียฺและมุสลิม เลขที่: 325)
• มักรูฮฺ(ไม่ส่งเสริม)ให้การทำฆุสลฺ(อาบน้ำ)ในห้องส้วม เพราะห้องส้วมนั้นเป็นสถานที่ที่สกปรก ฉะนั้นการอาบน้ำในนั้นจึงนำมาซึ่งความลังเล สงสัย และอย่าได้ปัสสาวะในที่หนึ่งๆ แล้วล้างในที่เดียวกัน เพื่อป้องกันการกระเด็นของเศษนะญิส
เกี่ยวกับเฏาะฮาเราะฮฺ (ความสะอาด) ในกรณีนี้ การโอบกอดขณะนอนหลับ ตราบใดที่มิได้ทำให้หลั่งน้ำมะนียฺ (อสุจิ) หรือมีเพศสัมพันธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำญะนาบะฮฺ
แต่ถ้ามีการหลั่งน้ำมะซียฺ (น้ำเมือกใสที่หลั่งเองเมื่อเกิดอารมณ์ทางเพศ) ทั้งสองต้องชำระล้างอวัยวะเพศและอาบน้ำละหมาด
และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ที่สุด
โดย ชัยคฺ มุฮัมมัด ศอลิหฺ อัลมุนัจญิด
แปลโดย: ดานียา เจะสนิ
www.islammore.com