เชื่อว่าหลายคนคงจะเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาค่อนข้างบ่อยแต่ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง แนะนำวิธีหนึ่งที่ทางเราได้ไปเจอะเจอมาในเพจๆ หนึ่งที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและคิดว่าคงจะไม่ผิดหลักอะไร เพราะเราอาศัยความเป็นอิสลามมาช่วย
ของหาย โดนขโมย มีวิธีเรียกให้กลับคืนมาได้ด้วยดุอาร์นี้
ปัจจุบันการขโมยของ หรือ สินค้ากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย แม้แต่วัยเรียนก็มักจะโดนบ่อยสำหรับคนที่อยู่โรงเรียนประจำ จำเป็นต้องพักอยู่ที่หอ ของบางสิ่งบางอย่างมักจะหายโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น รองเท้าแตะ เสื้อผ้าที่ตากอยู่ และของใช้ส่วนตัวที่อยู่ในหอ ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมาก
สำหรับวัยทำงานแล้ว ถามว่ามีโดนไหม แน่นอนว่าต้องมี เช่น กระเป๋าสตางค์ถูกขโมย มันไม่ใช่แค่เงินที่หายไป หากแต่เป็นบัตรเครดิต หรือแม้แต่บัตรประชาชนก็หายตามไปด้วย หรือถ้าไม่เอาทั้งกระเป๋า เงินที่เหลือก็คงมีไม่ครบ...นอกจากเงินแล้ว ของบางอย่างที่มีค่าบางทีก็หาย
พูดถึงของมีค่าแล้ว ถ้ามันเป็นของที่เราหามาเองหรือซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองยังพอไหว แต่ถ้าเป็นของมีค่าที่คนอื่นฝากเรามาอีกทีหรือคนอื่นให้เรามา อันนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เพราะไม่รู้จะให้คำตอบคนที่ให้มายังไงดีเมื่อถูกทวงถาม เพราะนอกจากจะเสียใจที่โดนขโมยแล้ว ยังต้องมานั่งรู้สึกผิดกับคนอื่นอีก...
เชื่อว่าหลายคนคงจะเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาค่อนข้างบ่อยแต่ไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง แนะนำวิธีหนึ่งที่ทางเราได้ไปเจอะเจอมาในเพจๆ หนึ่งที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและคิดว่าคงจะไม่ผิดหลักอะไร เพราะเราอาศัยความเป็นอิสลามมาช่วย
ด้วยการปฏิบัติและการขอดุอาอฺ เพื่อให้ของที่โดนขโมยถูกส่งคืน ดังนี้
ความหมายอายัต 31 "และมาตรว่าอัลกุรอาน โดยมันนั้นภูเขาถูกทำให้เคลื่อนที่ได้ หรือโดยมันนั้นแผ่นดินถูกทำให้แยกออกจากกันได้ หรือโดยมันนั้นคนตายถูกทำให้พูดได้(*1*) แต่ทว่าพระบัญชาทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ บรรดาผู้ศรัทธายังมิรู้ดอกหรือว่า มาตรว่าอัลลอฮทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่มนุษย์ทั้งมวลก็ได้ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความหายนะคงจะประสบแก่พวกเขา เนื่องด้วยพวกเขาได้กระทำไว้ หรือจะเกิดขึ้นใกล้ที่พำนักของพวกเขา จนกระทั่งสัญญาณของอัลลอฮจะมาถึง แท้จริงอัลลอฮมิทรงผิดสัญญา"
ขยายความ (1)มาตรว่าอัลกุรอานทำให้ภูเขาเคลื่อนที่ได้ หรือทำให้แผ่นดินแยกออกจากกันได้ หรือทำให้คนตายพูดได้หากเป็นเช่นดังที่ได้กล่าวมาแล้ว คำตอบก็คือ “อัลกุรอานฉบับนี้” เพราะว่ามันเป็นผู้ชี้แนะทางที่ถูกต้อง เป็นผู้ตักเตือนและขู่สำทับ คำตอบดังกล่าวนี้เป็นทัศนะของอัลซุมัคชะรีย์ ส่วนอัชชัซญาจมีทัศนะเป็นคำตอบว่า “พวกเขาจะศรัทธาอย่างแน่นอน” ทั้งนี้ก็เพราะว่าพวกเขาหยิ่งผยอง ดื้อดันอยู่ในทางที่ผิด และบ่อนทำลาย
สิ่งที่ต้องทำคือ
1.ก่อนอ่านดุอาอฺ นึกภาพคนที่ขโมยของ(ไม่ใช่เพราะใส่ร้ายนะ) หากไม่รู้หรือจำหน้าไม่ได้ นึกภาพใบหน้าคนทั่วไปก็พอ
2.อ่านอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ Ar-Ra’d อายัตที่ 31 อ่านซ่ำๆ 31 ครั้ง ในเวลากลางคืนก่อนเข้านอน. แต่ก่อนที่อ่านอายัตนี้ เราต้องให้อภัยทุกคนรวมทั้งผู้ที่ขโมยด้วย และทำการเหนียต(ตั้งใจ)ขอให้ของของเราที่หายไปนั้นได้กลับมาอีกครั้ง.... อินชาอัลลอฮฺ ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺหรือหากอัลลอฮฺตอบรับดุอาอฺนั้น ของเหล่านั้นจะกลับมาหาเรา
ดุอาอฺ
มันอาจจะดูเหมือนมายากล แต่ด้วยอำนาจของอัลลอฮฺ(ซ.บ) ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้. ถ้าอัลลอฮฺบอกว่า "เป็นเช่นนั้น" มันก็จะเป็นเช่นนั้นดังความต้องการของอัลลอฮฺ(ซ.บ) เราทำได้แค่พยายาม. อีกอย่างอัลลอฮฺระบุไว้ว่า ดุอาอฺของคนที่ถูกรังแกนั้นง่ายที่จะถูกตอบรับ. แต่ที่แน่ๆ เราต้องเชื่อมั่นกับเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ) ก่อน
สำหรับคนที่ขโมยแล้ว - อิหม่านที่เบาบางของเขา จะรู้สึกกระแทกใจ สกิดใจทำให้สำนึกในบาปที่เขากระทำไว้ บางทีอาจจะส่งของกลับมาให้เรา หรือไม่อาจจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีก็ได้....สิ่งที่เราทำได้คือ อย่าหยุดที่จะขอดุอาอฺ
ที่มา: ehinggit.blogspot.my
เรียบเรียงโดย: beritamuslimmag.com