การลงโทษของอัลลอฮฺต่อผู้ที่ดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด


71,695 ผู้ชม

การลงโทษจากอัลลอฮฺบนผู้ดูหมิ่นท่านนบี ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวรูปแบบหนึ่ง


การลงโทษของอัลลอฮฺต่อผู้ที่ดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด

การลงโทษของอัลลอฮฺต่อผู้ที่ดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด

การลงโทษจากอัลลอฮฺบนผู้ดูหมิ่นท่านนบี ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวรูปแบบหนึ่ง

ทหารของอัลลอฮฺจึงมิไช่แค่เป็นทหาร เป็นมนุษย์ อาจจะเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ปกป้องศักดิ์ศรีท่านนบี

และช่วงเวลาที่อัลลอฮฺจะลงโทษพวกเขาเหล่านี้ ก็อยู่ที่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ดียิ่ง

เอเรียล ชารอน คือ ผู้นำยิว(นายกอิสราเอล)คนหนึ่งที่ขึ้นมามีอำนาจ ด้วยความรุนเเรง

ปัจจุบันนี้ เอเรียล ชารอน อยู่ที่ใด?

มีดุอาบทหนึ่งที่พี่น้องในอาหรับเค้าโพสต์กันในบอร์ดเพื่อให้ผู้คนเอาไปอ่านเป็นดุอา

“โอ้อัลลอฮฺ ขอให้ชารอน ได้ประสบภัยพิบัติ เเละความหายนะ เเต่ถึงขั้นที่ชารอนอยากตาย อัลลอฮฺ อย่าให้มันตาย”

หมายถึงให้มันถูกทรมาน บนดุนยานี้ให้หนักหนาเชียว เเต่อย่าให้มันตาย

ทุกวันนี้ ชารอน มีชีวิต เเต่อยู่เหมือนไม่มีชีวิต ทั้งตัวมีสายระโยงระยาง นอนอยู่บนเตียงพยาบาล

เชื้อที่ชารอนได้รับนั้น คือทหารของอัลลอฮฺ มิอาจมีอะไรมารักษาให้หายได้

เเม้สถานภาพ ของเอเรียล ชารอน ไม่ถูกเปิดเผยมากนัก

เเต่มีเรื่องที่ทางสำนักนายกอิสราเอลเปิดเผยอยู่บ้าง อันเนื่องจากเขาคือวีรบุรุษของชาวอิสราเอล

นี่ละ ดุอา อำนาจของดุอา

เชคอะฮฺมัด ชากิร อุลามาอฺสุนนะฮฺท่านหนึ่งในอียิปต์ ได้เล่าเรื่องราวของผู้เป็นบิดา นามว่า เชคมุฮัมมัด ชากิร

อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร อียิปต์

เป็นอุลามาอฺท่านหนึ่งที่กล้าหาญ หนักแน่น เเละ ไม่กลัวเกรงใคร

สมัยนั้น อียิปต์ยังอยู่ในช่วงการปกครองของระบอบกษัตริย์ มีกษัตริย์ชื่อ ฟารุค(จอมเจ้าชู้และขี้เมา)

ขณะนั้น ฟารุค ได้เดินทางไปมัสยิดอัลอัซฮัร เพื่อไปละหมาดวันศุกร์

ฟารุค เป็นกษัตริยที่ไม่ค่อยชอบพวกนักการศาสนานัก วันนั้นเค้าได้คัดเลือกคอเต็บที่จะขึ้นอ่านคุตบะฮฺแล้ว

และตำแหน่งของคอเต็บอัซฮัรนั้น ทุกคนนับถือ ถือเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่ในโลกมุสลิมก็ตามที

ในมัสยิด เวลานั้น ดร.ฏอฮา หุเซน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้น ได้เข้าไปต้อนรับ เเละพูดคุยกับกษัตริย์

ดร.ฏอฮา คือมุสลิมตาบอดคนหนึ่งที่เกลียดวิถีอิสลาม(เป็นนักเผยแพร่เซคคิวลา)

เค้าเคยมาเรียนที่อัซฮัร ถูกรังเกียจและถูกขับไล่ให้ไปศึกษาที่ฝรั่งเศส จนจบมา และได้มาเป็นรัฐมนตรีในสมัยกษัตริย์ฟารุค

(ร่วมสมัยกับ อิมามหะสัน อัลบันนา และถูกโค่นอำนาจพร้อมกัน โดย ประธานาธิบดี ญะมาล อับดุลนาเซร(นัซเซอร์))

ขณะกษัตริย์เข้ามาในมัสยิดนั้น ชัยคุลอัซฮัร(อธิการบดี)ก็เดินมาพร้อมกัน แต่เชคมุฮัมมัด ชากิร นั่งอยู่เฉยๆ

ดร.ฏอฮาก็เข้าไปต้อนรับ ฟารุคก็ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุย ให้เกียรติ ดร.ฏอฮา ทั้งที่อุลามาอฺต่างเกลียดเขา

ขณะที่คอเต็บได้คุตบะฮฺนั้น จึงได้กล่าวคำพูดท่อนหนึ่งเพื่อเอาใจกษัตริย์ว่า

“เราปัจจุบันนี้มีกษัตริย์ ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับคนตาบอด ไม่เคยหน้ากระด้าง เปลี่ยนสีหน้าต่อคนตาบอด ”

โดยคอเต็บผู้นั้นใช้สำนวนว่า “มา อะบะซะวะมา ตะวัลลา” เป็นนัยยะว่าเค้าเอาไปเทียบท่านนบีในเหตุการณ์ที่อัลลอฮฺได้ติท่านนบีครั้งหนึ่ง

เกี่ยวกับท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมมีมักตูม(โปรดดู กุรอาน 80/1-12)

คอเต็บเทียบว่า กษัตริย์ฟารุคเราดีกว่านบีนัก

ผู้คนต่างไม่พอใจ แต่ไม่มีใครกล้า แต่หลังจากละหมาดเสร็จ กลับมีผู้เดียวที่ลุกขึ้นยืน เขาคือ เชคมุฮัมมัด ชากิร

ท่านได้กล่าวขึ้นต่อหน้าฝูงชนและกษัตริย์ว่า

“โอ้ บรรดามุสลิมีนทั้งหลาย จงละหมาดใช้(ญะมาอะฮฺ)อีกครั้งหนึ่ง อิมามของพวกท่าน กุฟุรแล้ว”

20 ปีต่อมา ท่านอะฮฺมัด ชากิร ผู้ลูกกล่าวว่า คอเต็บผู้ยิ่งใหญ่วันนั้น

วันนี้ เขาเห็นว่าเป็นยามเฝ้ามัสยิด ดูแลรองเท้าผู้มาละหมาด(เพราะมัสยิดอัซฮัร คนเยอะ) นี่ละการลงโทษของอัลลอฮฺ มันอาจจะไม่ปรากฏทันที แต่จงเชื่อเถอะ ว่าอัลลอฮฺทรงรู้ดีที่สุด …

โดย เชคริฎอ อะหฺมัด สมะดี
www.islaminthailand.org

อัพเดทล่าสุด