การลงโทษจากอัลลอฮฺบนผู้ดูหมิ่นท่านนบี ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวรูปแบบหนึ่ง
การลงโทษของอัลลอฮฺต่อผู้ที่ดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด
การลงโทษจากอัลลอฮฺบนผู้ดูหมิ่นท่านนบี ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียวรูปแบบหนึ่ง
ทหารของอัลลอฮฺจึงมิไช่แค่เป็นทหาร เป็นมนุษย์ อาจจะเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ปกป้องศักดิ์ศรีท่านนบี
และช่วงเวลาที่อัลลอฮฺจะลงโทษพวกเขาเหล่านี้ ก็อยู่ที่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ดียิ่ง
เอเรียล ชารอน คือ ผู้นำยิว(นายกอิสราเอล)คนหนึ่งที่ขึ้นมามีอำนาจ ด้วยความรุนเเรง
ปัจจุบันนี้ เอเรียล ชารอน อยู่ที่ใด?
มีดุอาบทหนึ่งที่พี่น้องในอาหรับเค้าโพสต์กันในบอร์ดเพื่อให้ผู้คนเอาไปอ่านเป็นดุอา
“โอ้อัลลอฮฺ ขอให้ชารอน ได้ประสบภัยพิบัติ เเละความหายนะ เเต่ถึงขั้นที่ชารอนอยากตาย อัลลอฮฺ อย่าให้มันตาย”
หมายถึงให้มันถูกทรมาน บนดุนยานี้ให้หนักหนาเชียว เเต่อย่าให้มันตาย
ทุกวันนี้ ชารอน มีชีวิต เเต่อยู่เหมือนไม่มีชีวิต ทั้งตัวมีสายระโยงระยาง นอนอยู่บนเตียงพยาบาล
เชื้อที่ชารอนได้รับนั้น คือทหารของอัลลอฮฺ มิอาจมีอะไรมารักษาให้หายได้
เเม้สถานภาพ ของเอเรียล ชารอน ไม่ถูกเปิดเผยมากนัก
เเต่มีเรื่องที่ทางสำนักนายกอิสราเอลเปิดเผยอยู่บ้าง อันเนื่องจากเขาคือวีรบุรุษของชาวอิสราเอล
นี่ละ ดุอา อำนาจของดุอา
…
เชคอะฮฺมัด ชากิร อุลามาอฺสุนนะฮฺท่านหนึ่งในอียิปต์ ได้เล่าเรื่องราวของผู้เป็นบิดา นามว่า เชคมุฮัมมัด ชากิร
อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร อียิปต์
เป็นอุลามาอฺท่านหนึ่งที่กล้าหาญ หนักแน่น เเละ ไม่กลัวเกรงใคร
สมัยนั้น อียิปต์ยังอยู่ในช่วงการปกครองของระบอบกษัตริย์ มีกษัตริย์ชื่อ ฟารุค(จอมเจ้าชู้และขี้เมา)
ขณะนั้น ฟารุค ได้เดินทางไปมัสยิดอัลอัซฮัร เพื่อไปละหมาดวันศุกร์
ฟารุค เป็นกษัตริยที่ไม่ค่อยชอบพวกนักการศาสนานัก วันนั้นเค้าได้คัดเลือกคอเต็บที่จะขึ้นอ่านคุตบะฮฺแล้ว
และตำแหน่งของคอเต็บอัซฮัรนั้น ทุกคนนับถือ ถือเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่ในโลกมุสลิมก็ตามที
ในมัสยิด เวลานั้น ดร.ฏอฮา หุเซน รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้น ได้เข้าไปต้อนรับ เเละพูดคุยกับกษัตริย์
ดร.ฏอฮา คือมุสลิมตาบอดคนหนึ่งที่เกลียดวิถีอิสลาม(เป็นนักเผยแพร่เซคคิวลา)
เค้าเคยมาเรียนที่อัซฮัร ถูกรังเกียจและถูกขับไล่ให้ไปศึกษาที่ฝรั่งเศส จนจบมา และได้มาเป็นรัฐมนตรีในสมัยกษัตริย์ฟารุค
(ร่วมสมัยกับ อิมามหะสัน อัลบันนา และถูกโค่นอำนาจพร้อมกัน โดย ประธานาธิบดี ญะมาล อับดุลนาเซร(นัซเซอร์))
ขณะกษัตริย์เข้ามาในมัสยิดนั้น ชัยคุลอัซฮัร(อธิการบดี)ก็เดินมาพร้อมกัน แต่เชคมุฮัมมัด ชากิร นั่งอยู่เฉยๆ
ดร.ฏอฮาก็เข้าไปต้อนรับ ฟารุคก็ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุย ให้เกียรติ ดร.ฏอฮา ทั้งที่อุลามาอฺต่างเกลียดเขา
ขณะที่คอเต็บได้คุตบะฮฺนั้น จึงได้กล่าวคำพูดท่อนหนึ่งเพื่อเอาใจกษัตริย์ว่า
“เราปัจจุบันนี้มีกษัตริย์ ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับคนตาบอด ไม่เคยหน้ากระด้าง เปลี่ยนสีหน้าต่อคนตาบอด ”
โดยคอเต็บผู้นั้นใช้สำนวนว่า “มา อะบะซะวะมา ตะวัลลา” เป็นนัยยะว่าเค้าเอาไปเทียบท่านนบีในเหตุการณ์ที่อัลลอฮฺได้ติท่านนบีครั้งหนึ่ง
เกี่ยวกับท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมมีมักตูม(โปรดดู กุรอาน 80/1-12)
คอเต็บเทียบว่า กษัตริย์ฟารุคเราดีกว่านบีนัก
ผู้คนต่างไม่พอใจ แต่ไม่มีใครกล้า แต่หลังจากละหมาดเสร็จ กลับมีผู้เดียวที่ลุกขึ้นยืน เขาคือ เชคมุฮัมมัด ชากิร
ท่านได้กล่าวขึ้นต่อหน้าฝูงชนและกษัตริย์ว่า
“โอ้ บรรดามุสลิมีนทั้งหลาย จงละหมาดใช้(ญะมาอะฮฺ)อีกครั้งหนึ่ง อิมามของพวกท่าน กุฟุรแล้ว”
20 ปีต่อมา ท่านอะฮฺมัด ชากิร ผู้ลูกกล่าวว่า คอเต็บผู้ยิ่งใหญ่วันนั้น
วันนี้ เขาเห็นว่าเป็นยามเฝ้ามัสยิด ดูแลรองเท้าผู้มาละหมาด(เพราะมัสยิดอัซฮัร คนเยอะ) นี่ละการลงโทษของอัลลอฮฺ มันอาจจะไม่ปรากฏทันที แต่จงเชื่อเถอะ ว่าอัลลอฮฺทรงรู้ดีที่สุด …
โดย เชคริฎอ อะหฺมัด สมะดี
www.islaminthailand.org