เรื่องราวของ แซมซั่นจอมพลังและดิไลล่า ในสมัยนบีดาวุด


26,291 ผู้ชม


ที่มา ความเชื่อ เรื่องราวของ แซมซั่นจอมพลังและดิไลล่า 

เรื่องราวของ แซมซั่นจอมพลังและดิไลล่า ในสมัยนบีดาวุด

อุทาหรณ์ของคนที่หลงดุนยาจนละเลยคำมั่นสัญญาที่มีต่อพระเจ้า


แซมซั่น เกิดในดินแดนที่เรียกว่า Israel ซึ่งมีความขัดแย้งและทำสงครามกันอย่างยืดเยื้อยาวนานกับพวก Philistines มาตลอดตั้งแต่สมัยท่านศาสดาเดวิด(นบีดาวุด)


พ่อและแม่ของแซมซั่นซึ่งเป็นชาวอิสราเอล แต่งงานกันมาก็หลายปี แต่ยังไม่มีลูกด้วยกันซักที สองสามีภรรยาจึงพากันสวดมนต์ภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอให้ได้ลูกชาย


วันหนึ่ง ทูตสวรรค์ ก็ปรากฎกายขึ้น และบอกกับสองสามีภรรยาว่ากำลังจะได้ลูกชาย โดยมีข้อแม้ว่าลูกชายคนนี้ต้องทำงานเพื่อปกป้องรับใช้ประเทศชาติ และอุทิศชีวิตให้กับพระผู้เป็นเจ้า

ต่อมาสองสามีภรรยาก็ได้ลูกชายจริงๆตามที่ ทูตสวรรค์ บอก และก็ได้เลี้ยงดูแซมซั่นจนเติบโตขึ้นมาโดยยึดถือในคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ตลอดมา


หนึ่งในสัญญาเหล่านั้นก็คือ จะต้องไม่ตัดผม ไม่ทานผลองุ่น รวมไปถึงไม่ดื่มไวน์ (ของมึนเมา)และไม่แตะต้องซากศพคนตาย...


ภายใต้การรักษาสัญญาที่เคร่งครัดของพ่อและแม่นั้น แซมซั่นก็เติบโตขึ้นมาด้วยร่างกายที่กำยำแข็งแรง และมีพละกำลังมากมายผิดกับมนุษย์ทั่วไป


แซมซั่นได้เข้าร่วมในการทำสงครามกับชาว Philistines หลายต่อหลายครั้ง และเมื่อแซมซั่นรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้า ก็ทำให้แซมซั่นเป็นฝ่ายชนะสงครามแทบจะทุกครั้งไป...


เวลาผ่านไป แซมซั่นเริ่มทะนงในความยิ่งใหญ่และชัยชนะของตน จึงผิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้าหลายข้อ เหลือเพียงข้อเดียวเท่านั้นคือยังไม่ตัดผม


เมื่อแซมซั่นผิดสัญญา ก็แน่นอนว่าหลายต่อหลายครั้งในการรบ แซมซั่นจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ช่วงเวลาที่แซมซั่นรบชนะนั้นได้สร้างความโกรธแค้นในใจให้เกิดขึ้นกับชาว Philistines มากมาย เพราะสงครามได้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งคร่าชีวิตของชาว Philistines ไปเป็นจำนวนมาก


แซมซั่นมีจุดอ่อนอยู่ที่มักจะพ่ายแพ้ต่อความงามของอิสตรี และสาวงามที่แซมซั่นไปหลงรักก็กลับเป็นสาวชาว Philistines ชื่อว่า "เดไลล่า" ซึ่งเป็นสตรีที่ทั้งสวยและมีเสน่ห์เหลือเกิน ในขณะเดียวกัน เดไลล่าก็ได้รับการว่าจ้างด้วยเงินเงินก้อนโตจากพวก Philistines ด้วยกันให้สืบหาให้ได้ว่าจุดอ่อนของแซมซั่นคืออะไร?


ในทุกๆคืนเดไลล่าจึงพยายามเฝ้าเพียรถามคำถามนี้กับแซมซั่นเพื่อให้แซมซั่นยอมบอกความลับอันยิ่งใหญ่นี้กับตน


หลายต่อหลายครั้งที่แซมซั่นได้หลอกเดไลล่าว่าจุดอ่อนของตนอยู่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เดไลล่าก็ลองทำ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ แซมซั่นยังคงมีพละกำลังมากมายมหาศาลเหมือนเดิม


เดไลล่าซึ่งยังคงต้องการเงินค่าจ้างก้อนโตก้อนนั้นอยู่ จึงร้องไห้อ้อนวอนตัดพ้อต่อแซมซั่นว่าเพราะแซมซั่นไม่รักเธอจริง จึงไม่ยอมบอกความลับสำคัญเกี่ยวกับตัวเองให้เธอทราบ


จนมาวันหนึ่งแซมซั่นทนเห็นเดไลล่าร้องไห้คร่ำครวญไม่ไหวอีกต่อไป จึงยอมบอกว่าจุดอ่อนของตนนั้นอยู่ที่ "ผม" คือไม่สามารถตัดได้...


เมื่อเดไลล่าได้ทราบดังนั้น จึงแอบตัดผมของแซมซั่นในขณะที่แซมซั่นกำลังหลับอยู่ และเมื่อตื่นขึ้นตอนเช้าแซมซั่นจึงรู้ว่าเดไลล่าได้ทรยศต่อความรักของตนเสียแล้ว


ในสงครามครั้งต่อมาแซมซั่นจึงพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เพราะพละกำลังที่อ่อนลงและยังถูกชาว Philistines จับไปเป็นเชลย ถูกทรมานต่างๆนานา แต่พอวันเวลาผ่านไป ผมของแซมซั่นก็ค่อยๆยาวขึ้นทีละนิดๆ และเมื่อผมยาวขึ้น แซมซั่นก็รู้สึกได้ว่าพละกำลังของตนเองก็เริ่มกลับคืนมาอีกครั้งเหมือนกัน


วันหนึ่งแซมซั่นได้ทราบข่าวว่าจะมีการจัดงานบูชาเทพเจ้าที่ชาว Philistines นับถือขึ้นที่ Temple of Dagon และในงานนั้นจะเป็นการชุมนุมของชาว Philistines นับพัน นักการเมือง ทหาร และผู้นำทางจิตวิญญาณ รวมทั้งประชาชนมากมาย


แซมซั่นจึงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าขอให้ยกโทษในสิ่งที่เคยทำผิดพลาดไปและขอให้ให้โอกาสกับตนอีกครั้ง...


สำหรับมหาวิหารที่ใช้เป็นสถานที่จัดงาน หรือ Temple of Dagon นั้นแซมซั่นเคยรู้มาก่อนว่าในการสร้าง ได้มีการออกแบบให้เสาหินแท่งใหญ่สองแท่งถูกใช้เป็นคานในการรองรับน้ำหนักทั้งหมด และเมื่อวันงานสักการะเทพเจ้าแห่ง Dagon ของชาว Philistines มาถึง แซมซั่นจึงเข้าไปยืนระหว่างเสาทั้งสองนั้น สวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ประทับเคียงข้างเขาอีกครั้ง


เมื่อสวดอ้อนวอนเสร็จแล้ว พระเจ้าได้ทำให้เส้นผมของเขายาวขึ้นมาเหมือนเดิม แซมซั่นจึงใช้แขนทั้งสองข้างและพละกำลังอันมหาศาลของตนที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ดึงเสาทั้งสองลงมา วิหารทั้งวิหารจึงพังทะลายลง


ก้อนหินนับร้อยนับพันที่ประกอบขึ้นรวมกันเป็นมหาวิหารก็ร่วงหล่นลงมาใส่ร่างของแซมซั่นและชาว Philistines ที่มาร่วมงานในวันนั้น ผู้นำชาว Philistines นักการเมือง ทหาร ผู้นำจิตวิญญาณ และประชาชนที่มาร่วมงาน 3 พันคน จึงเสียชีวิตพร้อมกันหมด


และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ...แซมซั่น...นั่นเอง...


Samson / Shimshon (Jew) / Shamshoun (Arabic) / Samson (Greek)


มีความหมายว่า "of the sun" / ทรงพลัง / "ผู้รับใช้พระเจ้า"

เป็นบุตรแห่งอิสราเอลที่ถูกกล่าวถึงในไบเบิ้ล


มรณกรรมของแซมสัน จาก ไบเบิ้ล (ผู้วินิจฉัย 23-31)


23 ฝ่ายเจ้านายฟิลิสเตีย(ปาเลสไตน์) ประชุมกันเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชายิ่งใหญ่แก่พระดาโกน พระเจ้าของเขาทั้งหลายและชื่นชมยินดี เพราะเขากล่าวว่า “พระของเราได้มอบแซมสันศัตรูของเราไว้ในมือเราแล้ว”


24 เมื่อประชาชนเห็นแซมสันก็สรรสริญพระของตนว่า “พระของเราได้มอบศัตรูผู้รังควานแผ่นดินของเราไว้ในมือเรา และเขาฆ่าพวกเราเสียเป็นอันมาก”


25 เมื่อจิตใจของเราร่าเริงเต็มที่แล้ว เขาจึงพูดว่า “จงเรียกแซมสันมาเล่นตลกให้เราดู” เขาจึงเรียกแซมสันออกมาจากเรือนจำ แซมสันเล่นตลกต่อหน้าพวกเขา เขาพาท่านมายืนระหว่างเสา

26 แซมสันจึงบอกแก่เด็กที่จูงมือตนมาว่า “ขอพาฉันให้ไปคลำเสาที่รองรับตึกนี้อยู่ ฉันจะได้พิงเสานั้น”


27 มีผู้ชายและผู้หญิงอยู่เต็มตึกนั้น เจ้านายฟีลิสเตียก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีชายหญิงประมาณสามพันคนบนหลังคาตึก ดูแซมสันเล่นตลก


28 ฝ่ายแซมสันก็ร้องทูลต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ขอประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ครั้งนี้อีกครั้งเดียว เพื่อข้าพระองค์จะได้แก้แค้นคนฟีลิสเตียเพื่อตาข้างหนึ่งให้สองข้างของข้าพระองค์”


29 แซมสันก็กอดเสากลางสองต้นที่รองรับตึกนั้นไว้และพักพิงที่เสานั้น มือขวายันเสาต้นหนึ่งมือซ้ายยันเสาอีกต้นหนึ่ง


30 แซมสันกล่าวว่า “ขอให้ข้าตายกับคนฟิลิสเตียเถิด” แล้วก็โน้มตัวลงด้วยกำลังทั้งสิ้นของตน ตึกนั้นก็พังทับเจ้านายและประชาชนทุกคนที่อยู่ในนั้น ดังนั้นคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านตายนี้ก็มากกว่าคนที่ท่านฆ่าตายเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่


31 แล้วพี่น้องและครอบครัวบิดาของท่านก็ลงรารับศพของท่านไปฝังในระหว่างโศราห์ กับ อัชทาโอลในที่ฝังศพของโนอาห์บิดาของท่าน ท่านได้วินิจฉัยอิสราเอลอยู่ยี่สิบปี


Samson มีร่างกายกำยำ ใหญ่โต มีพละกำลังมหาศาลที่ได้รับมาจากพระเจ้า  เชื่อกันว่า Samson ถูกฝังใน Tel Tzora ประเทศอิสราเอล

อัพเดทล่าสุด