เมื่อกองทัพช้างถล่มกะอฺบะฮฺ ในซูเราะฮฺอัล-ฟิล


30,241 ผู้ชม

บรรดาเจ้าของช้าง ในอายะฮฺแรก หมายถึง ไพร่พลกองทัพช้างที่นำโดย อับร่อฮะฮฺ อัลอัชรอม


เมื่อกองทัพช้างถล่มกะอฺบะฮฺ ในซูเราะฮฺอัล-ฟิล

 

เมื่อกองทัพช้างถล่มกะอฺบะฮฺ ในซูเราะฮฺอัล-ฟิล

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พระผู้ทรงปรานียิ่ง

{105:1} เธอไม่เห็นดอกหรือ ว่าพระเจ้าของเธอได้ทรงทำเช่นใดกับบรรดาเจ้าของช้าง

{105:2} พระองค์ไม่ได้ทรงทำให้แผนการณ์ของพวกเขาสูญสิ้นดอกหรือ

{105:3} และได้ทรงส่งวิหคเป็นฝูง ๆ ลงมาบนพวกเขา

{105:4} มันได้ขว้างพวกเขาด้วยก้อนหินที่มาจากดินแข็ง

{105:5} แล้วพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเช่นฟางที่ถูกกัดกิน

บรรดาเจ้าของช้าง ในอายะฮฺแรก หมายถึง ไพร่พลกองทัพช้างที่นำโดย อับร่อฮะฮฺ อัลอัชรอม อุปราชแห่งหะบะชะฮฺ (อบิสสิเนีย คือเอธิโอเปียและส่วนหนึ่งของเยเมนปัจจุบัน) ซึ่งนับถือศาสนาคริสเตียน พวกเขาได้สร้างโบสถ์คริสเตียนที่ใหญ่โตในเมืองศ็อนอาอ์ ในยะมัน(เยเมน) เพื่อให้เป็นที่แสวงบุญของชาวคริสเตียนในอาระเบียและอัฟริกา และเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายแห่งใหม่ในภูมิภาค เมื่อพวกเขาเห็นว่า กะอฺบะฮฺในมักกะฮฺเป็นอุปสรรคต่อการเผยแพร่ศาสนาคริสต์และการดึงดูดผู้คนไปศ็อนอาอ์ ก็คิดทำลายกะอฺบะฮฺ ด้วยเหตุนี้จึงกรีฑาทัพช้างมุ่งหน้าสู่พระมหานครมักกะฮฺ ในปี ค.ศ. 570 ซึ่งเป็นปีเดียวกันที่มุหัมมัด(ศ)ประสูติ

เมื่อมาถึงชานเมืองมักกะฮฺ กองทัพของอับร่อฮะฮฺก็ปล้นฝูงอูฐของอับดุลมุฏฏ็อลิบ ปู่ของมุหัมมัด(ศ)ไป 700 ตัว แล้วส่งทูตเข้ามาพบกับอับดุลมุฏฏ็อลิบ ผู้เป็นหัวหน้าชาวเมืองมักกะฮฺ เพื่อบอกจุดประสงค์ของการยกทัพมาครั้งนี้ว่า มาเพื่อถล่มทำลายกะอฺบะฮฺ อับดุลมุฏฏ็อลิบจึงขอเจรจากับอับร่อฮะฮฺเป็นการส่วนตัว เมื่ออับดุลมุฏฏ็อลิบเข้าพบอับร่อฮะฮฺ เขาก็ขอร้องให้อับร่อฮะฮฺคืนอูฐที่พวกทหารปล้นไป อับร่อฮะฮฺจึงแปลกใจเหตุใดจึงไม่ได้มาขอร้องเรื่องกะอฺบะฮฺ อับดุลมุฏฏ็อลิบกล่าวว่า “อูฐเป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมาทวง ทว่ากะอฺบะฮฺเป็นของอัลลอฮฺ จึงเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะทรงพิทักษ์มัน หรือจะปล่อยให้ชะตาของมันอยู่ในมือของท่าน” อับร่อฮะฮฺรู้สึกแปลกใจในคำตอบนั้น จึงคืนอูฐทั้งหมดให้อับดุลมุฏฏอลิบ


เมื่ออับดุลมุฏฏอลิบกลับไป ก็ป่าวประกาศให้ชาวมักกะฮฺหลบหนีออกจากพระมหานคร ไปซ่อนตัวตามภูเขาต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ไพร่พลของอับร่อฮะฮฺทำร้าย เมื่อทัพอับร่อฮะฮฺเข้ามาถึงมักกะฮฺ ก็ปรากฏมีฝูงนกบินว่อนเหนือพระมหานครจนมืดฟ้ามัวดิน แล้วนกแต่ละตัวก็ทิ้งก้อนหินลงมา จนทำให้ไพร่พลของอับร่อฮะฮฺล้มตายเป็นอันมาก อับร่อฮะฮฺเองจึงหนีกลับไปศอนอาอ์ แต่ก็มีนกตัวหนึ่งบินตามเขาไปตลอดทาง เมื่ออับร่อฮะฮฺเข้าพบกษัตริย์แห่งอะบะชะฮฺก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง กษัตริย์ถามว่า นกอันใดหรือที่ทำปฏิหารย์เช่นนั้น อับร่อฮะฮฺจึงเงยหน้าขึ้นชี้นกที่ติดตามเขามาตลอดทาง นกตัวนั้นก็ทิ้งก้อนกินตกลงมาบนศีรษะของเขา อับร่อฮะฮฺก็สิ้นชีพในบัดดล

ไม่ใช่ปกติวิสัยที่ชาวอาหรับจะได้เห็นช้างหรือกองทัพช้าง จึงเรียกกองทัพของอับร่อฮะฮฺว่า “อัสฮาบ อัลฟีล” (บรรดาเจ้าของช้าง) และจดจำเหตุการณ์ปีนั้นได้อย่างแม่นยำ และเรียกปีนั้นว่า “อาม อัลฟีล” (ปีช้าง) ตั้งแต่นั้นมามีการนับศักราชโดยเริ่มจากปีช้าง เช่นมุหัมมัด(ศ)เกิดในปีช้าง เป็นต้น

เหตุการณ์กองทัพช้างยังอยู่ในความทรงจำของชาวมักกะฮฺตลอดมา เมื่อโองการนี้ประทานลงมา ชาวมักกะฮฺจึงรำลึกถึงปาฏิหารย์ ที่เคยปรากฏในอดีตเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว และไม่สามารถปฏิเสธต่อการอารักขาของอัลลอฮฺต่อกะอฺบะฮฺอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้รุกราน

เหตุการณ์ดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความศรัทธามั่นของอับดุลมุฏฏ็อลิบที่มีต่ออัลลอฮฺ อันเป็นหลักฐานหนึ่งที่บ่งบอกว่า อับดุลมุฏฏ็อลิบ บิดาของอับดุลลอฮฺ ผู้ซึ่งเป็นบิดาของมุหัมมัด (ศ) เป็นผู้ที่ยึดมั่นในศาสนาของนบีอิบรอฮีมและนบีอิสมาอีล เขาได้กล่าวในบทกวีว่า

โอ้ พระบริบาลของข้าฯ ข้ามิหวังสิ่งอื่นใดต่อพวกเขานอกจากพระองค์

โอ้ พระบริบาลของข้าฯ ดังนั้นโปรดทรงพิทักษ์ให้พ้นจากพวกเขา

แท้จริงศัตรูของบ้านนั้น ก็คือผู้ที่ตั้งปฏิปักษ์ต่อพระองค์

แท้จริงพวกเขามิอาจพิชิตพระอำนาจแห่งพระองค์ได้

ที่มา: abuisrafil.wordpress.com

อัพเดทล่าสุด