แฟชั่นมุสลิม ชุดมุสลิมสวยๆ มีแล้วที่ ตลาดสำเพ็ง รายแรก รายเดียว


49,927 ผู้ชม


แฟชั่นมุสลิม ชุดมุสลิมสวยๆ  มีแล้วที่ ตลาดสำเพ็ง รายแรก รายเดียว

จากโรงงานผลิตที่คาดผมแบบ OEM ขายยุโรป เจอวิกฤตฟองสบู่แตก จึงพลิกฟื้นธุรกิจด้วยการสร้างแบรนด์ จับตลาดใหม่ "กลุ่มมุสลิม" ที่มีอยู่ทั่วโลก วันนี้นางจิรบูลย์ หิรัญทิพรัตน์ เจ้าของแบรนด์ GIFZY ร้านเสื้อผ้ามุสลิม 3 สาขาในย่านสำเพ็ง บอกชัดว่า เลือกมาถูกทาง

ตลาดใหญ่ ตลาดเหนียวแน่น


นางจิรบูลย์เผยว่า เดิมทีเป็นโรงงานผลิตสินค้าเครื่องประดับ ตั้งแต่ปี 2526 ที่คาดผม โออีเอ็มให้แบรนด์อย่าง Goody จน ปี 2538 เจอวิกฤตฟองสบู่ โรงงานล้มไม่มีออร์เดอร์ จุดประกายว่าต้องเป็นผู้ขาย ไม่ใช่ผู้ผลิตที่พึ่งออร์เดอร์อีกต่อไป จึงสร้างแบรนด์ GIFZY โดยใช้ความชำนาญเดิมทำที่คาดผม

แฟชั่นมุสลิม ชุดมุสลิมสวยๆ  มีแล้วที่ ตลาดสำเพ็ง รายแรก รายเดียว

เปิดตลาดจากการออกบูทในโลตัส, บิ๊กซี จนลูกค้าเริ่มติดแบรนด์ เพราะออกบูทครั้งหนึ่งยาว 15 วัน บวกกับเมื่อมาคำนวนค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ตกเดือนละไม่ต่ำกว่าแสน ทำให้มองหาล็อกประจำจนมาเปิดที่ประตูน้ำ เป็นโอกาสได้พบลูกค้าชาวต่างชาติ และเปิดตลาดมุสลิมให้แก่แบรนด์


แฟชั่นมุสลิม ชุดมุสลิมสวยๆ  มีแล้วที่ ตลาดสำเพ็ง รายแรก รายเดียว
"ที่ประตูน้ำ สังเกตว่าลูกค้าไทยซื้อต่อครั้งเต็มที่อยู่ที่หลักหมื่นบาท ขณะที่ลูกค้ากลุ่มต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าอิรัก อิหร่านซื้อต่อครั้งเป็นหลักแสน เพราะตามวัฒนธรรมเขาต้องไปให้ญาติ เมื่อซื้อแล้วต้องซื้อให้ทุคนโดยเท่าเทียม ทำให้ปริมาณต่อครั้งที่ซื้อเยอะมาก พร้อมกันนั้นเมื่อเขาพอใจสินค้าก็จะมีการบอกต่อในกลุ่ม เนื่องจากชาวมุสลิมหาสินค้าเฉพาะกลุ่มยาก เมื่อเขาเจอก็จะบอกต่อ และเป็นลูกค้าแบบต่อเนื่องไม่เปลี่ยนใจ จนปัจจุบันลูกค้ากลุ่มนี้ก็ยังแวะเวียนมาซื้อสินค้าที่ร้าน
ไม่เพียงแต่มาเลือกซื้อ เขายังแนะนำสินค้าที่ชาวมุสลิมต้องการ เช่น ที่คาดผมแบบผ้ายืดสำหรับมุสลิมหรืออินเนอร์ หมวกเก็บผมที่มุสลิมใส่เวลาอยู่บ้าน เขาสั่งครั้งละมาก ๆ เราก็กล้าผลิตให้ เพราะเราเป็นโรงงาน แล้วเราก็มาทดลองขายหน้าร้าน พบว่ายิ่งขายดี เพราะมีสินค้าตามที่เขาต้องการจริง ๆ มองลูกค้ากลุ่มนี้ใหม่ เป็นโอกาสที่ยังไม่มีใครเข้ามา

"ถูก-ดี-มีดีไซน์"

จุดขายของร้านคือ ราคาถูก และคุณภาพดี แบบฝีมือคนไทย ความตั้งใจของแบรนด์คือ สู้สินค้าจากจีนให้ได้ โดยเน้นควบคุม "ราคา" เทียบเท่าจากจีน แต่ "คุณภาพ" และ "ดีไซน์" เหนือกว่า
การควบคุมราคา GIFZY เป็นโรงงานผู้ผลิตจึงซื้อสินค้าปริมาณมากได้ราคาถูก สินค้าราคาอยู่ที่ 40-380 บาทโดยเฉลี่ย ส่วนต้นทุนด้านแรงงาน เราส่งงานไปให้แรงงานจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการว่างงานสูง ค่าแรงต่ำ และมีฝีมือการปัก โดยเราออกแบบ ไปสอนงานให้ ที่สำคัญแรงงานซื่อสัตย์ได้งานมีคุณภาพ เนื่องจากเคร่งครัดตามหลักศาสนา
กำลังการผลิตโรงงานอยู่ที่ 36,000 ชิ้น/เดือน สำหรับฮิญาบ ส่วนชุดอยู่ที่ 6,000 ชุด (โต๊ป)/เดือน ส่วนงานฝีมือจากอินโดนีเซียอยู่ที่ 5,000 ชิ้น/เดือน ยังสามารถขยายกำลังการผลิตได้มากกว่าเท่าตัวในช่วงเทศกาลวันอีด-ฮารีรายอ
ด้านคุณภาพงานเย็บ – ประกอบเป็นชิ้นเราใช้แรงงานฝีมือคนไทย เนื่องจากสังเกตว่าลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาจะถามเป็นคำถามแรกว่า งานไทย หรืองานจีน ทำให้รู้ว่าลูกค้ามีความเชื่อถืองานไทยสูงและไม่ชอบงานจีน แบรนด์จึงใช้ช่างไทยที่มีความชำนาญสูงเป็นจุดแข็ง
ส่วนดีไซน์ นางจิรบูลย์จะคิดแบบใหม่ ๆ เองทุกวัน ช่วงแรกยอมรับว่าออกแบบแล้วขายไม่ได้ต้องเอามาเซลล์ชิ้นละ 20 บาท ขาดทุนเฉียดล้าน จึงมุ่งศึกษาตลาดจริงโดยเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ดูไบ เพื่อดูแฟชั่นการแต่งกายตั้งแต่ชุดลำลอง ชุดไปงาน ชุดเทศกาลต่าง ๆ หรือแอบไปดูตามร้านอาหาร พบว่าแต่ละที่มีความต่าง มุสลิมไทยนิยมสีเข้ม ส่วนอินโดนีเซียชอบสีสดใส เรื่องความยาวต้องยาวกรอมเท้า ตัวชุดไม่ต้องเย็บเข้ารูปเลยทรงตรงให้หลวมไว้ เพื่อเวลาก้มตัวละหมวดจะได้ไม่ติดแขน ส่วนฮิญาบผู้ใหญ่จะชอบแบบมีกระบังแข็งด้านหน้า ขณะที่วัยรุ่นจะชอบแบบเป็นผ้าพันมากกว่า เป็นต้น
การออกสินค้าใหม่ทุกวัน นอกจากเพื่อเรียกลูกค้าเพราะแบบโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทิ้งคู่แข่งรายอื่น ที่รับสินค้ามาจากจีนแล้วมีสินค้าออกมาเหมือนกันหมด ทั้งเพื่อทดลองตลาดไปเรื่อย ๆ ว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบแบบไหน เป็นแนวทางในการออกแบบสินค้าต่อยอดไปเรื่อย ๆ โดยนางจิรบูลย์กล่าวว่า ทำแล้วขายไม่ได้ก็เซลล์ ที่ขาดทุนถือว่าเป็นค่าเรียน  
มุสลิมโตพุ่ง ลูกค้ามาหาเอง
ขณะนี้ GIFZY มีสาขาที่สำเพ็ง 3 สาขา กระจายตัวตามกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างออกไป คือ 1.ฝั่งคิคุย่า เจาะกลุ่มวัยรุ่น และลูกค้าทั้งกลุ่มพุทธ และมุสลิม โดยจะมีสินค้าที่เป็นกึ่งทั้งคนไทยสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ  และมุสลิมคทอ*** เครื่องแต่งกาย ฮิญาบ อินเนอร์ ที่คาดผม  2.ฝั่งพาหุรัด (สะพานหัน) เจาะกลุ่มมุสลิมโดยตรงร้านนี้จะมีสินค้าที่เป็นมุสลิมทุกประเภท ทั้งของเด็ก ผู้ชาย ผู้หญิง ครอบคลุมตั้งแต่ชุดลำลอง ชุดไปงาน ชุดว่ายน้ำ จนถึงของประดับตกแต่งบ้าน และ 3.ฝั่งพาหุรัด เป็นร้านกึ่งพุทธและมุสลิม เช่นเดียวกับร้านแรก แต่จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกมาซื้อเพื่อไปขาย ทั้งสามร้านมียอดขายจากลูกค้ามุสลิมมากกว่า 70% และเป็นต่างชาติ 50% คนไทย 50%
แฟชั่นมุสลิม ชุดมุสลิมสวยๆ  มีแล้วที่ ตลาดสำเพ็ง รายแรก รายเดียว
แบ่งเป็น 3 ตลาด คือ 1.ลูกค้าชาวไทยมุสลิมที่ซื้อผ่านหน้าร้าน 2.กลุ่มแม่ค้าที่ซื้อไปจำหน่ายต่อ 3.ลูกค้าต่างชาติที่เป็นมุสลิมแบ่งเป็นมาเลเซีย และฟิลิปปินส์ 60% ดูไบ 10% และอื่น ๆ 30% มีรายได้ต่อปีอยู่ที่แปดหลัก มีการเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20%
แต่สินค้าที่ขายดีของร้านกลับไม่ใช่เสื้อผ้า แต่เป็นผ้าปูละหมาดแบบพกพาได้และมีเข็มทิศในตัว ซึ่งเป็นสินค้าที่ทางแบรนด์ออกแบบเอง โดยเป็นผ้าปูที่พับเก็บได้พกพาสะดวกและมีเข็มทิศเย็บติดไปเลยสะดวกสำหรับคนที่เดินทางใช้ละหมาดในห้อง/โรงแรมราคา60บาท รองลงมาเป็นฮิญาบ และสินค้าแฟชั่นอื่น ๆ เช่น ฮิญาบที่ยาวเป็นเสื้อแขนยาว ชุดว่ายน้ำเด็ก
สินค้าเริ่มมีการขยับขยายครอบคลุมมากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากมุสลิมเมื่อซื้อแล้วจะเผื่อถึงคนในครอบครัวจึงเริ่มมีสินค้าของเด็ก ผู้ชาย ของตกแต่ง ของขวัญ โดยไม่ลืมศึกษาความเชื่อ ผู้ขายสามารถให้ข้อมูล คำแนะนำแก่ลูกค้าได้
นอกจากนี้ นางจิรบูลย์ยังแนะอีกว่า ขายของให้มุสลิมต้องใจเย็น เนื่องพฤติกรรมเขาจะเลือกสินค้านานมาก และอาจจะไม่ซื้อเลยแต่มาดูไว้เพื่อกลับมาซื้อทีหลังพนักงานทุกคนจึงต้องใจเย็นสามารถแนะนำของได้ และมีความเป็นมิตรเต็มใจบริการ เมื่อเขาติดแบรนด์ใด เขาจะไม่เปลี่ยนใจง่าย 

ที่มา: prachachat

อัพเดทล่าสุด