14 กุมภาพันธ์ คือวันแห่งความรัก ที่ทั่วทั้งโลกจะให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักนี้ คือวันวาเลนไทน์ อะฮ์ลุลบัยต์ ดอทโออาร์จี จึงใคร่นำเสนอเรื่องความรักในทัศนะของอิสลาม ว่าจริงๆ
ความรักในอิสลาม
14 กุมภาพันธ์ คือวันแห่งความรัก ที่ทั่วทั้งโลกจะให้ความสำคัญกับวันแห่งความรักนี้ คือวันวาเลนไทน์ อะฮ์ลุลบัยต์ ดอทโออาร์จี จึงใคร่นำเสนอเรื่องความรักในทัศนะของอิสลาม ว่าจริงๆ แล้วความรักที่แท้จริง ซึ่งธรรมชาติของมนุษย์โหยหาอยู่ลึกๆ ภายในนั้นคืออะไร ความรักที่เป็นนิรันดร เป็นรากฐานแห่งการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบในทุกๆ สังคม และจะนำมาซึ่งความผาสุขทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า คือความรักแบบไหน
แนวคิดเกี่ยวกับความรักเป็นแนวคิดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในอิสลาม ข้อเท็จจริงนี้แสดงเห็นได้ชัดเจนในหลักปรัชญาของอิสลาม หลักศาสนา หลักความเร้นลับ และหลักศีลธรรม ในบางแง่มุมความรักมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกำหนดทัศนคติของอิสลามในความสัมพันธ์ระหว่างพระผู้เป็นเจ้าและจักรวาล และโดยเฉพาะระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับมนุษย์
ความรักคือสิ่งสำคัญอย่างลึกซึ้ง ความรักคือหัวใจหลักของอิสลามจนนับว่าเป็น "การยึดถือศาสนาอย่างมั่นคงที่สุด" และ "ความศรัทธาหาใช่อื่นใดไม่ นอกจากการมีความรักเพื่อพระผู้เป็นเจ้า และเกลียดเพื่อพระผู้เป็นเจ้า"
อิบนฺ อับบาส ได้รายงานว่า ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ.) ได้กล่าวว่า "ความศรัทธาที่เข้มแข็งที่สุดคือความจริงใจเพื่ออัลลอฮฺ การเกลียดเพื่ออัลลอฮฺ(ตะบัรรอ) การรักเพื่ออัลลอฮฺ(ตะวัลลา) และการละทิ้งเพื่ออัลลอฮฺ"
คนมักจะคิดกันว่าเราไม่ควรมีความเกลียดชังเลย คนเหล่านี้คิดเอาว่าบุคลิกภาพที่ดีเลิศประเสริฐศรีและ "การมีไมตรีจิต" คือการถือว่ามนุษย์ทุกคนคือเพื่อนของเรา แน่นอนว่าอิสลามได้สอนให้มุสลิมมีความรัก และมีความเมตตาด้วยความจริงใจต่อพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ศรัทธาในอิสลาม และพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลผู้มีหลักศีลธรรม และอุทิศชีวิตจิตใจเพื่อค้นหาคุณค่าที่สูงส่งนั้นจะไม่ใส่ใจต่อความชั่วร้าย และการกระทำที่กดขี่ของผู้กระทำผิดจนถึงขนาดผูกมิตร และรักใคร่กับพวกเขาได้ทุกคน บุคคลเช่นนั้นย่อมจะต้องมีศัตรูอย่างแน่นอน ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ก็ตาม ในสังคมจะมีทั้งคนดี และคนเลวอยู่ด้วยเสมอ ความดี และความชั่วเป็นสองขั้วที่ตรงข้ามกัน การดึงดูดเข้าหาความดีจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกผลักใสจากความชั่ว
เมื่อมนุษย์สองคนมีความสนใจดึงดูดซึ่งกันและกัน และหัวใจของพวกเขาก็เรียกร้องที่จะผูกมิตร และร่วมทางกัน เราควรมองดูเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเหมือน และคล้ายคลึงกัน ถ้าหากไม่มีความเหมือนกันระหว่างบุคคลทั้งสอง พวกเขาก็จะไม่ดึงดูดซึ่งกันและกัน และไม่อยากเป็นมิตรกัน เช่นเดียวกับนกที่เรียกฝูงของมัน นกชนิดเดียวกันก็จะบินตามกันไป
ฟูดัยล์ อิบบนฺ ยาซิร ลูกศิษย์คนหนึ่งของอิมามญะอฺฟัร ศอดิก (อ.) ได้ถามท่านอิมามว่า "ความรัก และความเกลียดชังเกิดมาจากความศรัทธาใช่ไหม? ท่านตอบว่า "ความศรัทธาคือสิ่งอื่นใดนอกจากความรัก และความเกลียดชังหรือ?"
อิมามมุฮัมมัด บากิร(อ.) กล่าวว่า "ศาสนา (ดีน) คือความรัก และความรัก คือศาสนา"
คำกล่าวและคำสอนเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ความรักมีบทบาทสำคัญ และมีความหมาย ดังนั้นเราจึงควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดเพื่อค้นหาความหมายที่แท้จริงของความรักในอิสลาม
บางคำถามอาจเกิดขึ้นในหัวใจ ความรักแบบไหนที่อิสลามได้เน้นย้ำเอาไว้? ใครควรได้รับความรักที่พิเศษเช่นนี้? ทำไมผู้ศรัทธาจึงต้องมีความรักแบบนี้ และมีไว้เพื่อจุดมุ่งหมายใด?
ในอิสลาม ความรักสามารถจำแนกได้อย่างกว้างๆ ดังนี้คือ
1- ความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า
2-ความรักต่อศาสดามุฮัมมัดและวงศ์วานอะฮฺลุลบัยตฺ(สมาชิกครอบครัว)ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.)
3-ความรักต่อผู้ศรัทธา
ความรักต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าคือรากฐานของความศรัทธาในอิสลาม
อิมามอะลี (อ.) มักจะใช้เวลาอยู่กับลูกๆ ของท่านเสมอ ครั้งหนึ่งท่านนั่งอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกๆ ของท่าน ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ถามท่านว่า "พ่อจ๋า พ่อรักหนูไหม?" อิมามอะลี(อ.) ตอบว่า "รักสิลูก ลูกๆ ของพ่อเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของหัวใจพ่อ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านหญิงกซัยนับ (อ.) กล่าวว่า "พ่อรักอัลลอฮฺด้วย ความรักสองอย่างจะอยู่ในหัวใจของผู้ศรัทธาได้อย่างไร ความรักต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) และความรักต่อลูกๆ?"
อิมามอะลี(อ.) ยิ้มแล้วตอบว่า "รักอัลลอฮฺ (ซ.บ.) และรักในสิ่งที่อัลลอฮฺรักด้วย พระองค์รักสิ่งที่พระองค์สร้าง คือเด็กๆ และผู้ปฏิบัติตามพระองค์ด้วยเช่นกัน พ่อรักลูกเพื่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.)"
ด้วยเหตุนี้ ความรักต่ออัลลอฮฺจึงเป็นรากฐานของความศรัทธาในอิสลาม รากฐานที่มนุษย์ต้องยึดมั่นอยู่ในหลักศรัทธาของเขา ในหัวใจดวงหนึ่งจึงไม่สามารถเลือกผู้เป็นที่รักสองคนได้
อีกตัวอย่างหนึ่งของความรักอย่างลึกซึ้งต่อพระผู้เป็นเจ้าคือ อิมามฮุเซน(อ.) ผู้ซึ่งได้กล่าวว่า "โอ้อัลลอฮฺ ฉันได้ทิ้งโลกนี้ไปด้วยความรักต่อพระองค์ ฉันพร้อมที่จะทำให้ลูกๆ ของฉันเป็นกำพร้าด้วยความารักต่อพระองค์ หัวใจของฉันไม่อาจหันไปหาผู้อื่นใดนอกจากพระองค์ ถึงแม้พระองค์จะทรงสับร่างของฉันเป็นชิ้นๆ ด้วยความรักต่อพระองค์"
ทำไมต้องรักอัลลอฮฺ(ซ.บ.)?
เหตุผลที่เราต้องมีความรักต่ออัลลอฮฺนั้นก็เพราะ ประการแรกพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงคุณค่า สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง และงดงามอย่างไม่สิ้นสุด ดังนั้น มนุษย์ที่มีธรรมชาติในความปรารถนาต่อคุณค่า ความงดงาม และความสมบูรณ์แบบจึงมีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า
ประการที่สอง โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะรักคนที่ทำความดีให้แก่พวกเขา พวกมนุษย์จะซาบซึ้งต่อความเมตตาปรานีและความช่วยเหลือต่อพวกเขา ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวไว้ว่า "จงรักอัลลอฮฺ(ซ.บ.) เพราะพระองค์ได้ทำความดีให้แก่พวกท่าน และพระองค์ทรงประทานความเมตตาแก่พวกท่านอย่างมากมาย"
ผู้ศรัทธาที่เริ่มการเดินทางของจิตวิญญาณเพื่อไปสู่พระผู้เป็นเจ้านั้น จะต้องสำนึกถึงความโปรดปรานที่พระองค์ทรงประทานให้แก่เขาอย่างมากมาย ด้วยการสนับสนุนช่วยเหลือในความสามารถของเขา ทำให้การเดินทางของเขาดำเนินต่อไปด้วยความสะดวก เขาจะสำนึกรู้ได้ว่าทุกๆ ความดีงามนั้นล้วนมาจากพระผู้เป็นเจ้า ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ในอัล-กุรอาน
"ความดีใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮฺ และความชั่วใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง..." (อัล-กุรอาน 4/79)
ความรักที่แท้จริงต่อพระผู้เป็นเจ้านั้น จะเป็นตัวกระตุ้นให้เขากระทำความดีอย่างดีที่สุด ความมีเหตุผลและธรรมชาติกำหนดไว้ว่า ถ้าใครที่รักพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงแล้ว เขาก็จะกระทำในสิ่งที่ทำให้พระผู้เป็นเจ้าพึงพอพระทัย
"จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ" อัล-กุรอาน 3/31)
โองการนี้ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ภายในระหว่างความรัก ที่มีอยู่ภายใน และการกระทำตามแบบอย่างของศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ซึ่งเป็นการกระทำที่ปรากฏออกมา และมันยังแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เขาก็จะเมินเฉยต่อกฎเกณฑ์ของศาสนาไม่ได้เลย
ที่มา: ahlulbait.org