ทำไมประชาชาติอิสลามจึงตกต่ำและอ่อนแอ
เขียนโดย: มุคลิส บินยูซุฟ
....................................
หากจะพูดแบบฟันธงเราก็สามารถกล่าวได้ว่า สาเหตุของความตกต่ำและอ่อนแอของประชาชาติอิสลามในปัจจุบันนั้น เกิดจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของประชาชาติอิสลามต่อหลักการอิสลาม พวกเขารับมรดกส่วนที่ไม่ดีในยุคที่ประชาชาติอิสลามกำลังตกต่ำ และในขณะเดียวกันก็ได้นำเข้าสิ่งที่เลวร้ายจากพวกตะวันตกมาใช้โดยไม่ลืมหูลืมตา
เราตระหนักดีว่า ประชาชาติมุสลิมนั้นครอบครองมรดกทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดีมากมาย แต่เราก็กลับรับเอามรดกส่วนที่ไม่ดีและทิ้งส่วนที่ดีๆ และเราก็ทราบดีเช่นเดียวกันว่า ในโลกตะวันตกนั้นมีทั้งสิ่งดีๆและสิ่งเลวร้ายมากเช่นเดียวกัน แต่เราก็เลือกที่จะรับเอาส่วนที่เลวๆหรือไม่ดีของพวกเขา ไม่ชอบรับในสิ่งดีๆที่มีอยู่ในโลกตะวันตก ซึ่งมีความเจริญและล้ำหน้าในเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบบการบริหารจัดการที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ ทั้งๆที่สิ่งดีๆเหล่านี้ล้วนมีรากเหง้ามาจากศาสนาของเราทั้งสิ้น
แม้แต่กระบวนการศึกษาเรียนรู้ในปัจจุบัน พวกตะวันตกก็นำมาจากพวกเรา ซึ่งในเรื่องนี้แม้แต่นักปราชญ์และนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตกก็ยอมรับ แต่ประชาชาติมุสลิมกลับละทิ้งอย่างน่าเสียดาย ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่เรานำมาใช้กลับเป็นส่วนที่เป็นกระพี้หรือเปลือกนอก เช่น ระบบดอกเบี้ย และระบบกฎหมายต่างๆซึ่งมีจุดอ่อนมากมาย โดยที่เราก็ลืมไปว่า เราเองมีกฎหมายอิสลาม (ชะรีอะฮฺ) ซึ่งเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ที่สุด และให้หลักประกันแก่บุคคลและสังคมในทุกยุคสมัยและทุกหนแห่ง และจะให้หลักประกันในเรื่องความผาสุขทั้งในโลกนี้และอาคิเราะฮ์
น่าเสียดาย เราเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจต่ออิสลามและมกดกตกทอดที่บรรพชนมุสลิมได้ทิ้งไว้แก่เรา อย่างถ่องแท้ แม้กระทั่งต่อวัฒนธรรมตะวันตก เราก็มีความเข้าใจไม่ถูกต้องเช่นกัน ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นประชาชาติอิสลามในยุคปัจจุบันยังไม่เข้าใจในวิธีการนำเอาหลักการอิสลามมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่นในเรื่องการแต่งงานและการหย่า ซึ่งในเรื่องนี้อิสลามมิได้กำหนดให้มีการมีสินสอดสูงๆ และสร้างความลำบากและยุ่งยากในเรื่องการแต่งงาน แต่ในสังคมแห่งความเป็นจริง สังคมเรากลับทำให้เรื่องการแต่งงานซึ่งเป็นสิ่งที่หะล้าลให้เป็นเรื่องยุ่งยากและมีอุปสรรคมากมาย และทำให้เรื่องหะรอมกลายเป็นเรื่องที่กระทำได้ง่ายๆ
ดังนั้น ความตกต่ำของประชาชาติอิสลามในปัจจุบัน จึงมีสาเหตุมาจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องต่ออิสลาม หาใช่เกิดจากการที่ประชาชาติอิสลามยึดมั่นในคำสอนของอิสลาม ตามคำโจมตี ใส่ร้ายของพวกที่มีอคติและไม่หวังดีต่ออิสลามบางกลุ่มแต่ประการใด
หากข้อกล่าวหาและใส่ร้ายของพวกที่มีอคติและไม่หวังดีต่ออิสลามเป็นจริงตามที่พวกเขาใส่ร้าย แน่แท้ ประชาชาติอิสลามในอดีตก็มีแต่ความตกต่ำและล้าหลัง แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หาเป็นเช่นนั้นไม่? ประชาชาติอิสลามในอดีตจะมีลักษณะตรงกันข้ามกับคำใส่ร้ายดังกล่าว กล่าวคือ ประชาชาติอิสลามในยุคต้นมีแต่ความรุ่งโรจน์ เจริญก้าวหน้าและเป็นมหาอำนาจปกครองโลกอย่างยาวนาน
หากเรามองภาพรวมของประชาชาติอิสลาม เราจะพบว่า อิสลามสามารถเสริมสร้างสังคมที่เข้มแข็งและเจริญก้าวหน้า ในช่วงที่เป็นยุคทองของอิสลาม ซึ่งเป็นยุคที่ประชาชาติอิสลามมีการบังคับใช้
ชะรีอะฮฺอิสลามอย่างสมบูรณ์ ยุคนี้เป็นยุคที่อิสลามสามารถแผ่ขยายไปยังดินแดนต่างๆอย่างกว้างขวาง ประวัติศาสตร์ได้จารึกถึงความรุ่งโรจน์ในยุคของคอลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมทั้งสี่ท่าน ,ยุคของคอลีฟะฮฺอุมัรฺ บิน อับดุลอาซิส ,ฮารูน อัล-รอชิดและศอลาฮุดดิน อัล-อัยยูบีย์ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า ยุคที่ใกล้ชิดกับชะรีอะฮฺอิสลามนั้นเป็นยุคที่ประชาชาติประสบชัยชนะ มีพลังอำนาจและภราดรภาพเสมอ แต่เมื่อเขาอยู่ในยุคที่ห่างไกลจากชะรีอะฮฺอิสลาม มันก็ทำให้เกิดภาวะสงครามและความแตกแยกกันทันที
ในยุคปัจจุบัน ประชาชาติอิสลามห่างไกลจากชะรีอะฮฺอิสลามมาก ในขณะเดียวกันเราก็ถูกคุกคามและโจมตีจากกระแสโลกาภิวัฒน์หรือจักรวรรดินิยมตะวันตกอย่างหนัก เกิดวิกฤติและความขัดแย้งด้านต่างๆมากมายในโลก โดยเฉพาะในโลกมุสลิม ซึ่งโดยสรุปแล้ว ก็เนื่องมาจากการห่างไกลจากแก่นแท้ของอิสลาม ทั้งในเรื่องของความคิด ความเข้าใจ จิตวิญญาณและภาคปฏิบัตินั่นเอง
ดังนั้น หากเราปรารถนาจะให้ประชาชาติอิสลามมีความเจริญก้าวหน้าจริงๆ เราทั้งหลายก็จำเป็นต้องศึกษา เรียนรู้ สร้างเข้าใจที่ถูกต้องต่ออิสลาม มีความศรัทธามั่นต่ออิสลามและปฏิบัติตามอิสลามให้ถูกต้องและสมบูรณ์ ต้องประพฤติปฏิบัติดังเช่นบรรพชนมุสลิมในอดีตเคยปฏิบัติ และการยืนหยัดและเสริมสร้างวัฒนธรรมอิสลามอันสูงส่งนั้น ก็คือ การบูรณาการระหว่างความรู้กับอีหม่านนั่นเอง
ในยุคที่อิสลามมีความรุ่งโรจน์นั้น วัฒนธรรมอิสลามเป็นวัฒนธรรมที่มีความสูงส่งที่สุดในโลก มีวิทยาการเจริญก้าวหน้าและแพร่ขยายไปยังดินแดนอื่นๆอย่างกว้างขวาง เช่น ในด้านดาราศาสตร์ การแพทย์ ฟิสิกส์ เคมีและกฎหมาย ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นวิชาที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามทั้งสิ้น ภาษาในแวดวงนักวิชาการโลกในอดีต ก็คือ ภาษาอาหรับ แม้กระทั่งชื่อของนักวิชาการหรือนักวิทยาศาสตร์ก็จะเรียกชื่อเป็นภาษาอาหรับ
ดังนั้น หากเรากลับไปหาอิสลามอันดั้งเดิมและบริสุทธิ์ เราก็จะสามารถเสริมสร้างอารยธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของเราเองโดยเฉพาะ อันจะนำไปสู่การเชิดชูและยกระดับคุณค่าของอิสลามและบุคลิกภาพของประชาชาติอิสลามอย่างแท้จริง และเราก็จะสามารถเสริมสร้างวัฒนธรรมอิสลามในยุคใหม่นี้ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับประชาชาติอิสลามในอดีต อีกทั้งอารยธรรมและวัฒนธรรมใหม่นี้ก็จะกลายทางเลือกใหม่ของมวลมนุษยชาติในปัจจุบันและอนาคตอีกด้วย
ที่มา: muslimchiangmai