ในอิสลาม ผี..มีจริงไหม ?


5,881 ผู้ชม

ชีวิตมนุษย์จะต้องผ่านโลกแห่งครรภ์มารดา โลกดุนยา เมื่อตายไปจะเข้าสู่ โลกในหลุมฝังศพ(อาลัมบัรซัค)


ผี..มีจริงไหม ? (ในทรรศนะอิสลาม)

ชีวิตมนุษย์จะต้องผ่านโลกแห่งครรภ์มารดา โลกดุนยา เมื่อตายไปจะเข้าสู่ โลกในหลุมฝังศพ(อาลัมบัรซัค) โลกอาคิเราะห์ นี่คือสัจจธรรมที่ทุกชีวิตจะต้องผ่านพบอย่างแน่นอน แต่ประการสำคัญที่ทุกคนจะต้องยึดมั่น และใคร่ครวญ เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลานั่นคือ “ความตาย” ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า

(( كُلُّ نَفْسٍ ذَائِقَةُ الْمَوْتِ ثُمَّ إِلَيْنَا تُرْجَعُونَ))

العنكبوت57

"ทุก ๆ ชีวิตเป็นผู้ลิ้มรสความตาย แล้วพวกเจ้าจะถูกนำกลับยังเรา"

นั่นหมายรวมว่า ทุกชีวิตที่กลับคืนสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ตะอาลาแล้วนั้น เขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งวิญญาณ คือ โลกอาลัมบัรซัค หรือโลกในหลุมฝังศพ ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า

"จนกระทั่งเมื่อความตายได้มาหาคนใดในพวกเขา เขาก็จะกล่าวขึ้นว่า

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์กลับไปมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งเถิด

เพื่อข้าพระองค์จะได้กระทำความดีในสิ่งที่ข้าพระองค์ปล่อยทิ้งไว้”

"เปล่าเลย ! มันเป็นเพียงถ้อยคำที่เขากล่าวมันไว้เท่านั้น และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค

จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา"

(المؤمنون 99-100)

จากอายะห์"และเบื้องหน้าของพวกเขานั้นมีโลกบัรซัค จนกระทั่งถึงวันที่พวกเขาจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา" นี้คำว่า " برزخ " บรรดานักวิชาการให้ความหมายไว้ดังนี้

- ในหนังสือตัฟซีร อัลกุรฏุบีย์ได้บันทึกเอาไว้ว่า : บัรซัค คือ ที่กั้นระหว่างความตายกับการฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นทรรศนะของ เฏาะห์ฮาก และมุญาฮิด

- อิบนุซัยด์ และจากท่านมุญาฮิดเช่นกัน ท่านได้กล่าวไว้ว่า : แท้จริงแล้ว บัรซัค คือ ที่กั้นระหว่างความตายกับการกลับคืนสู่ดุนยา

- จากท่านเฏาะห์ฮาก กล่าวว่า : บัรซัค คือ สิ่งที่อยู่ระหว่างโลกดุนยา และอาคิเราะห์

- ท่านอิบนุอับบาส กล่าวว่า มันคือ ม่านกั้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากการอรรถาธิบาย คำว่า "บัรซัค" บรรดานักวิชาการให้ความหมายว่า คือ สิ่งที่ปิดกั้นที่อยู่ระหว่างโลกดุนยา กับ โลกอาคิเราะห์ และปิดกั้นระหว่างความตาย กับการกลับมาสู่โลกดุนยา

ประเด็นต่อมาคือ : มีผู้ถามว่าเมื่อชีวิตหนึ่งชีวิตใดกลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ตะอาลา วิญญาณของเขาจะกลับมาโลกดุนยาอีกได้หรือไม่?

ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของความเชื่อความศรัทธา เป็นหลักอะกีดะห์ของมุสลิม เพราะมีมุสลิมจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า วิญญาณของผู้ตายจะกลับมาเข้าฝัน วิญญาณของผู้ตายกลับมาเยี่ยมบ้าน และมาบอกสิ่งต่างๆ ที่ทำให้คนหลงเชื่อ จนทำให้ผู้ที่มีความศรัทธาอ่อนแอตกหลุมพรางของชัยฏอนที่คอยยุแหย่ให้ผู้คนออกห่างจากหลักความเชื่อที่ถูกต้อง และในเรื่องนี้คงไม่มีคำตอบใดดีไปกว่า พระดำรัสของอัลลอฮ์ ตะอาลา และวัจจนะของท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.)

ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า

"และเป็นที่ห้ามแก่ชาวเมือง ที่เราได้ทำลายเมืองนั้นแล้วว่า แน่นอนพวกเขาจะไม่กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก"

الأنبياء:95

ถูกบันทึกไว้หนังสือตัฟซิรอิบนุกะซีรว่า:

อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า "และเป็นที่ห้ามแก่ชาวเมือง" ท่านอิบนุอับบาสให้ความหมายว่า "จำเป็นแล้วแก่ชาวเมือง" หมายความว่า เมื่ออัลลอฮ์ทรงกำหนดสิ่งใดให้เกิดความพินาศ(ความตาย)แก่ชาวเมืองนั้นแล้ว แท้จริงพวกเขาก็จะไม่ได้กลับมาในโลกดุนยานี้อีกก่อนวันกิยามะห์จะเกิดขึ้น เช่นนี้แหละที่ท่านอิบนุอับบาส ท่านอบูญะอ์ฟัร อัลบากิร และท่านก่อตาดะห์ และคนอื่นๆ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน

จากอายะห์นี้และผนวกเข้ากับอายะห์ข้างต้นที่ผ่านมาทำให้เราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ชีวิตใดที่ถึงอะญัลแล้ว และเมื่อวิญญาณของเขากลับคืนไปสู่อัลลอฮ์ พระองค์ก็จะให้วิญญาณนั้นอาศัยอยู่ในโลกอาลัมบัรซัค(โลกแห่งวิญญาณ) คือ ชีวิตในหลุมฝังศพ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เล้นลับที่ไม่มีผู้ใดสามารถรู้ได้นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น

และบางเรื่องราวในโลกแห่งหลุมฝังศพ อัลลอฮ์ ได้ทรงเผยให้ท่านนบี มุฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้ล่วงรู้ วิญญาณต่างๆ ที่ตายไปเมื่อกลับคืนสู่โลกแห่งวิญญาณจะไม่สามารถกลับคืนสู่โลกดุนยาได้อีก และนี่คือทรรศนะที่ชัดเจนที่ท่านอิบนุอับบาสได้กล่าวไว้

จากอายะห์หนึ่งที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า

"หลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าต้องตายอย่างแน่นอน แล้ว แท้จริงพวกเจ้าจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้น ในวันกิมามะฮ์"

ในหนังสือตัฟซีรอิบนุกะซีรบันทึกเอาไว้ว่า

จากที่ อัลลอฮ์ ตรัสไว้ความว่า "หลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าต้องตายอย่างแน่นอน" หมายความว่า หลังจากที่ได้มีการสร้างขึ้นมาจากความไม่มี และจากนั้นพวกท่านก็จะกลับคืนสู่ความตาย และอายะห์ "แล้ว แท้จริงพวกเจ้าจะถูกให้ฟื้นคืนชีพขึ้น ในวันกิมามะฮ์" หมายความว่า การสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยืนยันจากอายะห์ที่ 20 ในซูเราะห์ อัลอังกะบูตว่า "แล้วอัลลอฮ์ทรงให้ฟื้นคืนชีพในปรโลก" หมายความว่า ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งในวันกิยามะห์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ซึ่งอัลลอฮ์จะทรงสอบสวนบ่าวทั้งหลาย และตอบแทนผู้ประกอบการงานทุกคน หากเป็นความดีจะได้รับความดี หากเป็นความชั่วก็จะได้รับการลงโทษ ซึ่งอายะห์นี้ทำให้เราได้เข้าใจว่า ทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างมาทั้งหมดต้องดับสูญและกลับคืนสู่อัลลอฮ์ ตะอาลา ดวงวิญญาณทั้งหลายก็ต้องกลับไปสู่โลกแห่งวิญญาณ และอยู่ในนั้นจนกว่าจะถึงวันแห่งการสอบสวน

สายรายงานหนึ่ง จากญาบิร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮู่ กล่าวว่า ครั้นเมื่อ ท่านอับดุลลอฮ์ บุตรของ อัมร์ บุตรของ ฮะรอม ถูกสังหารในสงครามอุฮุด

ท่านร่อซูลก็ได้กล่าวกับ ท่านญาบิรว่า เอาใหมฉันจะบอกกับเจ้า ว่าอัลลอฮ์ทรงตรัสอะไรกับพ่อของเจ้า?

ฉันกล่าวว่า เอาสิครับ

ท่านร่อซูล (ซ.ล.) กล่าวต่อว่า อัลลอฮ์ไม่ทรงตรัสกับใครคนใด(ในดุนยา)เว้นแต่จะมีสิ่งปิดกั้น และอัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสกับพ่อของเจ้า(ในโลกแห่งวิญญาณ)ต่อหน้า(โดยไม่มีสิ่งปิดกั้น)

พระองค์ทรงตรัสว่า โอ้ อับดุลลอฮ์เอ๋ย เจ้าหวังสิ่งใดจากข้า ข้าจะให้กับเข้า

ท่านอับดุลลอฮ์ ตอบว่า โอ้ องค์ผู้อภิบาล พระองค์หวังที่จะมีชีวิต เพื่อที่จะตายชะฮีดอีกครั้ง

พระองค์ อัลลอฮ์ตรัสว่า แท้จริงแล้วบรรดาผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วได้ถูกบันทึกไม่ให้กลับไปโลกดุนยาอีก

ท่านอับดุลลอฮ์จึงกล่าวขออีกว่า โอ้องค์ผู้อภิบาล โปรดแจ้งสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้ที่เบื้องหลังฉันเถิด อัลลอฮ์ตะอาลาจึงประทานอายะห์นี้ลงมา

"และเจ้าจงอย่าได้คิดเป็นอันขาดว่า บรรดาผู้ที่ถูกฆ่าในทางของอัลลอฮ์นั้นตาย

มิได้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ พระเจ้าของพวกเขาในสภาพที่ได้รับปัจจัยยังชีพ"

(บันทึกโดยอิหม่าม ติรมิซีย์ และคนอื่นๆ ท่านเช็คอัลบานีย์กล่าวว่า สถานะห์ฮะดิษ อยู่ในระดับ ซอเฮียะห์ )

จากอายะห์อัลกุรอานและจากฮะดิษของท่านนบี (ซ.ล.) ต่างยืนยันอย่างชัดเจนว่า วิญญาณทั้งหลายไม่มีความสามารถที่จะกลับมาในดุนยานี้ได้อีก ไม่สามารถที่จะกลับมาเข้าฝันและบอกว่า พวกเขาอยากกินอะไร ? หรือจะกลับมาบอกไม่ได้ว่าพวกเขาถูกทดสอบอย่างไรในหลุมฝังศพ ? หรือถูกลงโทษอย่างไร ? เพราะสิ่งเหล่านั้นท่านนบี (ซ.ล.) ได้ชี้แจงไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และการงานของพวกเขาได้ถูกตัดขาดแล้วตั้งแต่วันที่พวกเขาได้สิ้นชีวิตลง ที่เหลือก็คือหน้าที่ของบุตรหลานที่ดีว่าจะขอดุอาให้พวกเขาหรือไม่ ? จะอุทิศส่วนกุศลทำความดีตามแบบฉบับที่ท่านนบี (ซ.ล.) ได้วางรูปแบบไว้หรือไม่ ?

อิสลามมีความเชื่อเรื่องญิน แต่ไม่ได้สอนให้กลัวญิน หรือกลัวผี และอิสลามไม่มีความเชื่อเรื่องผีสาง ไม่เชื่อเรื่องการหลอกหลอนของวิญญาณจากคนตาย ส่วนที่หลายคนถามว่า สิ่งที่เห็น เรื่องเล่าที่เล่าสืบทอดกันมานั้นมาจากไหน ? ตอบได้เลยว่า นั่นคือ ชัยฏอนมารร้าย ที่คอยยุแหย่ และหลอกล่อให้มนุษย์งมงาย สร้างความหวาดกลัว เพื่อให้ออกจากสัจจธรรมในท้ายที่สุด

ดังที่อัลลอฮ์ ตรัสไว้เกี่ยวกับเรื่องราวของอิบลิสหัวหน้าชัยฏอนมารร้ายว่า

"มันกล่าวว่า (อิบลีส) “โอ้พระเจ้าของข้าพระองค์โดยที่พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์หลงผิดไปแล้ว

แน่นอนข้าพระองค์ก็จะทำให้เป็นที่เพริศแพร้วแก่พวกเขาในแผ่นดินนี้ และแน่นอนข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาทั้งหมดหลงผิด"

ท่านนบี (ซ.ล.) กล่าวยืนยันไว้อีกว่า


ما منكم من أحد إلا ومعه قرينه من الجن وقرينه من الملائكة، قالوا: وأنت يا رسول الله؟ قال: وأنا، إلا أن الله أعانني عليه فأسلم))

"ไม่มีคนใดในหมู่ของพวกเจ้าเว้นแต่ว่าจะมี ก่อรีนของเขาจากญินอยู่ร่วมกับเขา และก่อรีน จากมะลาอิกะห์อยู่ร่วมกับเขา

บรรดาซอฮาบะห์จึงถามว่า แล้วท่านล่ะ ร่อซูลุลลอฮ์ (ซ.ล.)

ท่านนบี (ซ.ล.) ตอบว่า ฉันก็เช่นกัน ทว่าอัลลอฮ์ทรงช่วยเหลือฉันให้มันนั้นเข้ารับอิสลาม"

رواه أحمد في مسند المكثرين من الصحابة برقم 3591، والدارمي في الرقائق برقم 2618.

ท่านอิหม่ามบุคอรีย์ได้อธิบายคำว่า ก่อรีน ไว้ในซ่อเฮียะห์บุคอรีย์ ในบทที่เกี่ยวกับการตัฟซีร ซูเราะห์ ก๊อฟ

ก่อรีน คือ ญินที่ได้รับมอบหมายให้อยู่กับมนุษย์ทุกคน และก่อรีนนั้น ถูกยืนยันไว้ในคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะห ของท่านนบี ศ็อลลัลลอุอะลัยฮิวะซัลลัม อัลลอฮ์ ตรัสเกี่ยวกับก่อรีนไว้ว่า "สหายของเขา(ชัยฏอน หรือ กอรีน) กล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา ข้าพระองค์มิได้ทำให้เขาหลงผิดดอกแต่ทว่าเขาได้อยู่ในการหลงผิดมาก่อนแล้ว"

สรุปว่า ชัยฏอน มีหน้าที่ ล่อลวงมนุษย์ให้ลงนรกมากที่สุด ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการล่อลวงในภาพรวมหรือ ที่จากตัวที่ประจำอยู่ในแต่ละบุคคลล เป้าหมายของพวกมัน คือ หลอกล่อลูกหลานของนบีอาดัม อะลัยฮิสลาม ให้ลงนรกมากที่สุด ซึ่งมันจึงทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้มนุษย์นั้นหลงทางออกจากหนทางที่เที่ยงตรง และมาหลอกหลอนให้ผู้ที่มีอิหม่ามอ่อนหลงเชื่อว่า นั่นคือ วิญญาณของญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไป

พี่น้องอย่าลืมนะครับว่า ก่อรีน คือ ญิน หรือ ชัยฏอนที่อาศัยอยู่ร่วมกับเรา นั่นหมายความว่า มันเห็นพฤติกรรมของเราทุกอิริยาบถ และรู้จักผู้ที่อยู่ใกล้เคียงเราทุกคน และสามารถซึมซับเลียนแบบได้ทุกประการ มันจึงฉวยโอกาสนี้หลอกลวง และทำให้เข้าใจผิด คิดว่า นี่คือ วิญญาณของญาติพี่น้องที่ตายไปแล้วได้กลับมาหาอีกครั้ง กลับมาหาและมาร้องขอให้ทำในสิ่งที่มันต้องการ เพื่อให้เราเชื่อฟังในคำสั่งของพวกมัน หวังว่าจากอายะห์กุรอาน และฮะดิษที่ได้นำเสนอ จะทำให้พี่น้องไม่หลงกลเชื่อกลอุบายของเหล่าชัยฏอนในร่างของญินและในร่างมนุษย์

ทุกวันนี้สื่อต่างๆ ได้นำเสนอเรื่องราวของสิ่งเล้นลับ เกี่ยวกับ ภูติ ผี ปีศาจ อิทธิฤิทธิ์ ปฏิหารย์ จนทำให้สังคมมุสลิมถูกมอมเมาจากสื่อละครทั้งหลาย จนมีอิทธิพลเข้ามาทำลายหลักความเชื่อความศรัทธาในหมู่มุสลิมที่คลั่งไคล้ละคร และดารา จนทำให้มีความเชื่อเรื่อง ภูติ ผี ปีศาจ ประกอบกับสังคมมุสลิมได้อยู่ท่ามกลางความหลากหลายทางด้านศาสนา หลากหลายความเชื่อ จนก่อให้เกิดความกลัวในเรื่องต่างๆ และในท้ายที่สุดคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นคือ ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนอาจจะการนำพาไปสู่การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และทำให้บุคคลนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ขาดทุน

แหล่งที่มา: www.islammore.com

อัพเดทล่าสุด