ซะกาตค้าขาย การเนียตออกซะกาต การคิดคำนวณซะกาต


24,778 ผู้ชม

ซะกาตค้าขาย การเนียตออกซะกาต การคิดคำนวณซะกาต ต้องจ่ายซะกาตหรือไม่?


ซะกาตค้าขาย การเนียตออกซะกาต การคิดคำนวณซะกาต

การค้า หมายถึง การแลกเปลี่ยนทรัพย์กับสิ่งตอบแทน เพื่อผลกำไรและการค้าไม่จำกัดว่าเป็นทรัพย์สินประเภทใด  ดังนั้น ทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าก็คือ  สินค้าที่มีการเปลี่ยนมือเพื่อผลกำไร (ปลาสวยงามและต้นไม้ประดับก็เข้าอยู่ในคำนิยามนี้)

และทรัพย์สินที่อยู่ในการครอบครองกรรมสิทธิ์  จะไม่กลายสภาพเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต นอกจากต้องมีเงื่อนไขประการนี้

ซะกาตการค้าแบ่งเป็น 2 ประเภท

1. ได้ทรัพย์นั้นมาครอบครองโดยมีข้อตกลงแลกเปลี่ยน เช่น ซื้อขาย เป็นต้น ถ้าหากได้มาครอบครองโดยการรับมรดก หรือพินัยกรรม หรือยกให้ก็ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้า

2. เมื่อครอบครองแล้วมีเจตนาเอาไว้ใช้ในการค้า  และการมีเจตนานี้มีอยู่โดยตลอด หากได้ครอบครองแล้วไม่มีเจตนาเอาไว้ใช้ในการค้า ไม่ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการค้าที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต  และหากมีการเปลี่ยนเจตนาในภายหลังก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตเช่นกัน

ทรัพย์ที่ใช้ทำการค้านั้น  ให้ถือปฏิบัติเช่นเดียวกับทองคำและเงินในเรื่องพิกัด,การครบรอบปี  และจำนวนที่จำเป็นต้องจ่ายออกไป  กล่าวคือ ให้ตีราคาสินค้าเป็นทองคำหรือเงิน ที่ใช้เป็นเงินตรา  

ดังนั้น ถ้าหากราคาสินค้ามีค่าเท่ากับทองคำ 96 กรัม หรือเท่ากับเงินสองร้อยดิรฮัมก็จำเป็นต้องจ่ายซะกาต และผู้ทำการค้ามีสิทธิที่จะเลือกว่าจะเทียบราคาสินค้ากับทองคำหรือกับเงิน ยกเว้นในกรณีที่เขาซื้อสินค้ามาด้วยราคาที่เป็นทองคำหรือเป็นเงิน ก็จำเป็นต้องตีราคาตามนั้นโดยไม่มีสิทธิเลือก ทั้งนี้มีหลักให้พิจารณาท้ายปี  นับแต่เริ่มทำการค้า  โดยไม่พิจารณาว่าทรัพย์ที่ใช้ในการทำการค้านั้นจะครบพิกัดหรือไม่ในตอนเริ่มต้น  และไม่ต้องคำนึงว่าทรัพย์นั้นต้องมีอยู่ครบตามพิกัดตลอดทั้งปี กล่าวคือ ให้พิจารณาการครอบครองสินค้าโดยมีเจตนาทำการค้าครบหนึ่งปี (ตามจันทรคติ) โดยเมื่อครบรอบปีให้ผู้ทำการค้าสำรวจสินค้าทุกชนิดในร้านของตนที่มีไว้เพื่อขาย  

เช่น สำรวจจำนวนของปลาสวยงามมีทั้งหมดเท่าไหร่และทั้งหมดรวมเป็นจำนวนเท่าใด  เงินจำนวนนั้นถึงอัตราพิกัดหรือไม่  เป็นต้น  และให้ตีราคาสินค้าขณะสำรวจเป็นราคาทองคำหรือเงิน  ถ้าถึงอัตราพิกัดก็ให้จ่ายซะกาตเศษหนึ่งส่วนสี่ของเศษหนึ่งส่วนสิบ (ร้อยละ 2.5%) คือ จำนวนเงิน หาร 40 = 2.5% ถ้าหากไม่ถึงอัตราพิกัด ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายซะกาต และสิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายซะกาตนั้นเป็นราคาของสินค้าที่ตีราคาได้ มิใช่ตัวสินค้าแต่อย่างใด  ตามทัศนะที่ถูกต้องที่สุดในมัซฮับอัชชาฟิอีย์ แต่ถ้าจะจ่ายเป็นตัวสินค้าตามทัศนะที่ระบุเช่นนั้น ก็สามารถทำได้ โดยต้องจ่ายร้อยละสองครึ่งจากสินค้าทุกชนิดที่ครอบครองซึ่งตัวสินค้าดังกล่าวต้องไม่มีตำหนิหรือเสื่อมความนิยมจากท้องตลาด หากนำสินค้าที่มีลักษณะดังกล่าวมาจ่ายก็ถือว่าใช้ไม่ได้

(สรุปความจากอัลฟิกฮุล-มันฮะญี่ย์  เล่มที่ 2 หน้า 26 , 27 , 43-45)

ทำไมอิสลามจึงห้ามมีการกินดอกเบี้ย?

อัพเดทล่าสุด