ภรรยาของเขาทำซินา (ทำผิดประเวณี) สองครั้งกับชายคริสเตียน เขาควรหย่าขาดจากเธอหรือไม่ และหากภรรยาของเขาเลิกศรัทธาต่ออัลลอฮฺ จะถือว่าเขามีบาปหรือไม่...
ผู้เป็นสามีควรทำเช่นไร เมื่อภรรยานอกใจ (คบชู้)
คำถาม : ภรรยาของเขาทำซินา (ทำผิดประเวณี) สองครั้งกับชายคริสเตียน เขาควรหย่าขาดจากเธอหรือไม่ และหากภรรยาของเขาเลิกศรัทธาต่ออัลลอฮฺ จะถือว่าเขามีบาปหรือไม่ (หากเขาหย่าขาดจากเธอ)
มึชายคนหนึ่งต้องการหย่าร้างกับภรรยาของเขา หลังจากที่เธอมีความสัมพันธ์ชู้สาวเป็นครั้งที่สองกับชายชาวคริสเตียน ครั้งแรกนั้นสามีของเธอได้ให้อภัยเธอ และครั้งนี้หลังจากที่เธอเดินทางไปที่อื่น เธอได้นอกใจเขาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้สามีของเธอต้องการที่จะหย่าขาดจากเธอ เพราะเขาเป็นครูสอนศาสนาและเขาเกรงว่าชื่อเสียงของเขาจะเสื่อมเสีย ในขณะเดียวกันเขาก็เกรงกลัวว่าหากเขาหย่าขาดจากภรรยาของเขาจริงๆ เธอจะทิ้งอิสลามและกลับไปสู่ศาสนาคริสอีกครั้ง อีกทั้ง (ปัจจุบันนี้) เธอไม่ต้องการที่จะสวมใส่ฮิญาบแต่เธอรักษาการละหมาดและการถือศีลอด เขาทั้งสองมีลูกที่โตแล้ว โปรดให้คำแนะนำด้วยครับ เพราะผู้เป็นสามีไม่ต้องการที่จะรับผิดชอบต่อความผิดบาปหากว่าภรรยาของเขา ทิ้งความเชื่อต่ออิสลาม
ตอบ การสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ
ประการแรก::
หากภรรยาของเขายังคงดื้อดึงอยู่กับการทำผิดศีลธรรมและไม่สำนึกผิดกลับเนื้อ กลับตัว (เตาบัต) จากการกระทำดังกล่าว หรือเลิกพฤติกรรมนี้ ถึงแม้ว่าการนอกใจนั้นจะไม่ถึงขึ้นการทำซินาก็ตาม เช่นหากเธอมีความสัมพันธ์กับชายคริสเตียนคนนี้หรือใครก็ตาม มันก็ไม่เป็นการอนุมัติสำหรับผู้เป็นสามีในการที่จะรักษาสถานะความเป็นภรรยา ของเธอไว้ เพราะ “การกระทำของเธอคือการคบชู้” และ “การคบชู้นั้นเป็นบาปใหญ่” จากบันทึกการรายงานของอันนะซาอียฺ (2562) จากท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัรฺ (เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ) ที่ได้บอกเล่าว่า "ศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า 'มีคนอยู่สามประเภทที่อัลลอฮฺจะไม่ทรงทอดพระเนตรพวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืน ชีพ คือคนที่ไม่เชื่อฟัง ไม่ให้เกียรติพ่อแม่ของเขา หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย และคนที่คบชู้'" (จัดเป็นหะดีษเศาะเหียฮฺโดยอัลอัลบานียฺในเศาะเหียฮฺอันนะซาอียฺ)
คนที่คบชู้ (นอกใจคู่ครอง) คือ คนที่ยินยอมให้การกระทำชั่วร้ายเกิดขึ้นภายในครอบครัวของเขา
ชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมิยยะฮฺ (เราะหิมะฮุลลอฮฺ) เคยถูกถามเกี่ยวกับเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เข้าไปในบ้านของเขาและพบว่ามี ชายแปลกหน้าอยู่กับภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงได้ให้เงินตามสิทธิที่เธอควรได้รับแก่เธอและหย่าขาดจากเธอด้วยการเฏาะล๊าก จากนั้นเขาได้กลับไปคืนดีกับเธออีกครั้งและทราบข่าวว่ามีคนเห็นเธออยู่กับ ชายอื่นที่ไม่ใช่มะหฺรอม
ท่านจึงตอบว่า::ในหะดีษศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า "เมื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงสร้างสวนสวรรค์ขึ้นมา พระองค์ตรัสว่า 'ด้วยเกียรติและพลังอำนาจของข้า มันจะไม่มีซึ่งคนตระหนี่ คนโกหก หรือคนคบชู้ที่ได้เข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ (สวนสวรรค์)"
คนคบชู้คือคนที่ปราศจากซึ่งความหึงหวงที่ต้องการปกป้องผู้ที่เขาหึงหวง (เป็นประเภทของความหึงหวงที่ดีงามตามธรรมชาติ) หรือคนที่ไร้เกียรติ
ในอัศเศาะเหียะฮฺมีการรายงานว่าศาสนทูตมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า "ผู้ศรัทธาย่อมมี 'ความหึงหวงที่ต้องการปกป้องผู้ที่เขาหึงหวง' (เป็นประเภทของความหึงหวงที่ดีงามตามธรรมชาติ: ฆีเราะฮฺ) และอัลลอฮฺทรงมีความหึงหวง และความหึงหวงของอัลลอฮฺนั่นคือ การที่ไม่ควรมีบ่าวคนใดทำในสิ่งที่เป็นที่ต้องห้ามสำหรับเขา (ตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ)"
และอัลลอฮฺตรัสว่า (ความหมายว่า) "ชายมีชู้จะไม่สมรสกับใคร นอกจากกับหญิงมีชู้หรือหญิงมุชริกะฮฺ และหญิงมีชู้จะไม่มีใครสมรสกับเธอ นอกจากกับชายมีชู้หรือชายมุชริก [หมายความว่าชายที่ยินยอมแต่งงาน (หรือมีเพศสัมพันธ์กับ) มุชริกะฮฺ (หญิงที่มีความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ คนนอกรีต หรือนับถือรูปปั้น) หรือโสเภณี หากเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็คือชายคบชู้ ทำผิดประเวณีหรือมุชริก (ชายที่มีความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ คนนอกรีต หรือนับถือรูปปั้น) เช่นกัน และหญิงที่ยินยอมแต่งงานกับ (หรือมีเพศสัมพันธ์กับ) มุชริก (ชายที่มีความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ คนนอกรีต หรือนับถือรูปปั้น) หรือโสเภณี หากเป็นเช่นนั้นตัวเขาก็คือหญิงคบชู้ ทำผิดประเวณีหรือมุชริกะฮฺ (หญิงที่มีความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ คนนอกรีต หรือนับถือรูปปั้น) เช่นกัน] และ (การมีชู้) เช่นนั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่บรรดาผู้ศรัทธา (ซูเราะฮฺอันนูรฺ 24:3)
*คัดลอกคำแปลจากโปรแกรมอัลกุรอานแปลไทยและเพิ่มเติมคำอธิบายตามต้นฉบับภาษา อังกฤษ
ทัศนะที่ถูกต้องของนักวิชาการคือ ไม่อนุมัติให้แต่งงานกับซานียะฮฺ (หญิงที่คบชู้ ทำผิดประเวณี) จนกว่าเธอจะสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว
เช่นเดียวกัน หากภรรยาทำซินา ในกรณีนี้ผู้เป็นสามีไม่มีสิทธิ์ที่จะรักษาสถานะความเป็นภรรยาของเธอไว้ หากแต่เขาควรทิ้งเธอเสีย มิเช่นนั้นแล้วเขาย่อมเป็นคนที่คบชู้เช่นกัน'
(จากมัจญมูอฺ อัลฟัตวา, 32/141)
ประการที่สอง::
หากผู้เป็นภรรยาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว เปลี่ยนแปลงตัวใหม่ พร้อมกับการดำเนินชีวิตเช่นผู้ศรัทธาและตัดขาดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับชายที่ ไม่ใช่มะหฺรอม เช่นนั้นผู้เป็นสามีก็สามารถที่จะรักษาสถานะความเป็นภรรยาของเธอไว้ได้ และบางทีอัลลอฮฺอาจประทานรางวัลการตอบแทนแก่เขาสำหรับการที่เขาปฏิบัติต่อ ภรรยาด้วนความเมตตาและปกปิดความผิดบาปของเธอ
เรา (IslamQA) ได้แจ้งไว้แล้วว่า ไม่เป็นที่อนุมัติในการที่เขาจะรักษาสถานะความเป็นภรรยาของเธอไว้ หากเธอทำซินาและไม่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัวจากการกระทำดังกล่าวด้วยความบริสุทธิ์ใจ
และเราได้แจ้งไว้ด้วยว่าหากผู้เป็นภรรยาสำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว เปลี่ยนแปลงตัวใหม่ เช่นนั้นผู้เป็นสามีก็สามารถที่จะรักษาสถานะความเป็นภรรยาของเธอไว้และปกปิด บาปของเธอ หากเขามีความอดทนในการที่จะกระทำเช่นนั้น
สิ่งที่เรา (IslamQA) หมายถึงคือ "การอนุมัติให้รักษาสถานะความเป็นภรรยาของเธอไว้ หากเธอกลับเนื้อกลับตัวนั้น "ไม่ใช่ " สิ่งที่วาญิบ (หรือจำต้องกระทำ) สำหรับผู้เป็นสามี" ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวของผู้เป็นสามีเอง
ในกรณีดังกล่าว เขาสามารถหย่าขาดจากเธอได้เพราะ 'การทำซินาของภรรยา' คือสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่งและคนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถให้อภัยต่อความผิดนี้ได้ และหากว่าเขาหย่าขาดจากเธอ เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อบาปที่เธอได้ทำไว้ และหากเธอละทิ้งศาสนาอิสลาม ก็มีเพียงแต่เธอผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว เพราะเธอเองก็มีความรู้ผิดรู้ชอบและมีสติสัมปะชัญญะที่ดี หากเธอทำความดี มันก็ย่อมเป็นสิ่งดีสำหรับเธอ และหากเธอทำความชั่ว เช่นนั้นมันก็เป็นความชั่วต่อตัวเธอเอง
เราวิงวอนขอต่อัลลอฮฺให้พระองค์ทรงปกป้องมุสลิมให้พ้นจากบททดสอบ ความชั่วร้าย ความยุ่งยากทั้งหลายด้วยเถิดและอัลลอฮฺทรงรู้ดียิ่ง
แปลและเรียบเรียง بنت الاسلام
ที่มา: islamqa.info