ดุอาอฺสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
ดุอาอฺสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
1. อ่านซูเราะห์อัลอิคลาศ
ซูเราะห์อัลอิคลาศนี้จะเท่ากับ 1 ใน 3 ของอัลกุรอาน (บันทึกโดยมุสลิม)
และซูเราะห์นี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ได้เข้าสวรรค์ (บันทึกโดยอัตติรมิซีย์,บุคอรีย์)
2. อ่านซูเราะฮฺอัลฟะลักและอันนาส
อ่านสองซูเราะฮฺนี้แล้วจะได้รับความคุ้มครอง จากอัลลอฮฺให้รอดพ้นจากภยันตรายและภัยพิบัติต่างๆ (บันทึกโดยอบูดาวูด)
3. อ่านซูเราะฮฺอัล-กาฟิรูน
ใครที่อ่านซูเราะฮฺอัล-กาฟิรูน เขาจะปลอดภัยจากการ ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ (บันทึกโดยอิมามอะหมัด)
4. อ่านอายะฮฺอัลกุรซีย์
ได้รับความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้รอดพ้น จากการคุกคามของชัยฏอน (บันทึกโดยบุคอรีย์)
5 อ่านซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ
อ่านสองอายะฮฺสุดท้ายของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ จะได้รับความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ ให้ปลอดภัย จากความชั่วร้ายทั้งหมด (บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม)
285 آمَنَ الرَّسُولُ بِمَا أُنزِلَ إِلَيْهِ مِن رَّبِّهِ وَالْمُؤْمِنُونَ كُلٌّ آمَنَ بِاللَّهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ لَا نُفَرِّقُ بَيْنَ أَحَدٍ مِّن رُّسُلِهِ وَقَالُوا سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا غُفْرَانَكَ رَبَّنَا وَإِلَيْكَ الْمَصِيرُ
لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا لَهَا مَا كَسَبَتْ وَعَلَيْهَا مَا اكْتَسَبَتْ رَبَّنَا لَا تُؤَاخِذْنَا إِن نَّسِينَا أَوْ أَخْطَأْنَا رَبَّنَا وَلَا تَحْمِلْ عَلَيْنَا إِصْرًا كَمَا حَمَلْتَهُ عَلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِنَا رَبَّنَا وَلَا تُحَمِّلْنَا مَا لَا طَاقَةَ لَنَا بِهِ وَاعْفُ عَنَّا وَاغْفِرْ لَنَا وَارْحَمْنَا أَنتَ مَوْلَانَا فَانصُرْنَا عَلَى الْقَوْمِ الْكَافِرِينَ 286
6. อ่านซูเราะฮฺอัล-มุลกฺ
ผู้ที่อ่าน ตะบาเราะกัลละซีย บิยะดิฮิลมุลกุ (หมายถึงซูเราะฮฺ อัลมุลกฺ) ทุกคืน อัลลอฮฺจะปกป้องเขามิให้ประสบกับอะซาบ (การลงโทษในหลุมฝังศพ)
สิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน มีความสำคัญอย่างไร ?
ศรัทธาชนที่เคารพรักทั้งหลาย ขณะนี้เราใช้ชีวิตอยู่ในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ในฐานะที่เป็นมุสลิมผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ เราจะต้องทราบถึงความสำคัญของเดือนรอมฎอน และเราจะต้องทราบถึงความสำคัญของ 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอนด้วย ว่ามีความสำคัญอย่างไร ?
ท่านพี่น้องที่เคารพรัก เมื่อเราได้ตรวจสอบจากหลักฐานที่เป็นธรรมนูญในการดำเนินชีวิตของเรา นั่นคือพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานก็จะพบว่า เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ พระองค์อัลเลาะห์ ได้ประทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานลงมา ดังพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงตรัสว่า
شَهْرُ رَمَضَانَ الَّذِيَ أُنزِلَ فِيهِ الْقُرْآنُ هُدًى لِّلنَّاسِ وَبَيِّنَاتٍ مِّنَ الْهُدَى وَالْفُرْقَانِ
“ เดือนรอมฎอนนั้นเป็นเดือนที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้ถูกประทานลงมา เป็นทางนำแด่มวลมนุษยชาติ และเป็นหลักฐานอันชัดเจนจากทางนำนั้น และเป็นสิ่งที่มาจำแนกระหว่างความจริงกับความเท็จ”
ท่านพี่น้องที่เคารพ จากตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่า พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่เราใช้ดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตเป็นแนวทางให้ดำเนินอยู่ในโลกดุนยาอย่างถูกต้อง และสามารถที่จะเข้าสวรรค์ของอัลเลาะห์ ในโลกอาคีเราะห์ ก็ด้วยกับการปฏิบัติตามคัมภีร์อัลกุรอาน และพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเล่มนี้ได้ถูกประทานในเดือนรอมฎอน ดังหลักฐานที่ได้อัญเชิญไปเมื่อสักครู่ เมื่อทราบเช่นนี้ เราจะเห็นว่าความสำคัญของการประทานอัลกุรอานเป็นสิ่งที่จะต้องศึกษาว่าพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ได้ถูกประทานลงมาในเดือนรอมฎอนนั้น ถูกประทานลงมาในช่วงใดของเดือนรอมฎอน เราจะทราบได้จากسورةالقدر ซูรอตุ้ลก็อดรฺ ซึ่งท่านพี่น้องได้รับฟังกันมากมาย หลายคนก็อ่านกันเป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงของการละหมาดตะรอเวียะห์ تراويح พระองค์อัลเลาะห์ ได้ประทานลงมา ณ มหานครมักกะห์ ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 5 โองการ ด้วยกัน
إِنَّا أَنْزَلْناهُ فِي لَيْلَةِ الْقَدْرِ
“แท้จริงเราได้ประทาน อัลกุรอานลงมาในคืนแห่งเกียรติยศ”
โดยเริ่มต้นได้บันทึกไว้ใน อัลเลาฮุ้ลมะฮฺฟูซ اَللَّوْحُ الْمَحْفُوْظِ ซึ่งอยู่เหนือฟ้าชั้นที่ 7 ณ พระองค์อัลเลาะห์ อัลกุรอาน ทั้งหมด ถูกบันทึกไว้ ณ เลาฮุ้ลมะฮฺฟูซ จากนั้นก็ได้ถูกคัดลอกลงมาโดยท่านญิบรีล ลงมาสู่ชั้นฟ้าแห่งโลกดุนยา เพื่อเหล่ามาลาอิกะห์ ได้บันทึกเก็บไว้ ณ บัยตุล อิซซะฮฺ بَيْتُ اْلعِزَّةِ ที่ชั้นฟ้าแห่งโลกดุนยานี้ จากนั้นท่านญิบรีล ทยอยนำลงมาให้แก่ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ต่างวาระ ต่างเหตุการณ์ จนครบถ้วนโดยใช้เวลา ประมาณ 23 ปี จากโองการนี้ทำให้เราได้เข้าใจว่าพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ได้ถูกประทานลงมาทั้งเล่ม โดยพระองค์อัลเลาะห์ ได้ประทานลงมาในค่ำคืนลัยลาตุ้ลก็อดรฺนั่นเอง
وَمَا أَدْرَاكَ مَا لَيْلَةُ الْقَدْرِ
“และโอ้มุฮัมมัด อะไรหรือที่ทำให้เจ้ารู้ว่า อะไรคือคืนแห่งเกียรติยศนั้น อะไรเป็นค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์”
เป็นคืนที่มีการกำหนดเหตุการณ์ต่างๆ สำหรับโลกทั้งปวง รวมถึงโลกมนุษย์ เพื่อมอบหมายแก่บรรดา มลาอิกะห์ให้รับผิดชอบงานในหน้าที่แต่ละท่าน และบรรดา มลาอิกะห์ที่รับงานต่างๆ ดำเนินการไปตามพระประสงค์ของพระองค์อัลเลาะห์ มีอยู่ 4 ท่าน คือ ท่านอิซรอฟีล มีกาอีล อิซรออีล และ ญิบรีล เช่นเรื่องของความตายก็กำหนดสิ้นอายุขัย กำหนดเรื่องคลอดลูก เรื่องปัจจัยยังชีพ และอื่นๆ มากมาย
لَيْلَةُ الْقَدْرِ خَيْرٌ مِنْ أَلْفِ شَهْرٍ
“ อันคืนแห่งเกียรติยศนั้น ประเสริฐกว่า 1000 เดือน”
ในโองการนี้หมายความว่า ค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์นี้ มีความประเสริฐมากกว่า 1000 เดือน ซึ่งในการทำความดีต่างๆ ในคืนนั้น มีภาคผลเหนือกว่าการกระทำในวาระอื่นๆ ถึง 1000 เดือน
تَنَزَّلُ الْمَلاَئِكَةُ وَالرُّوْحُ فِيْهَا بِإِذْنِ رَبِّهِمْ مِنْ كُلِّ أَمْرٍ
“มวลมลาอิกะฮฺและญิบรีลต่างก็ลงมาในคืนนั้น โดยพระอนุมัติแห่งองค์พระผู้อภิบาลของพวกเขา พร้อมกับการงานทั้งหมด”
سَلاَمٌ هِىَ حَتىَّ مَطْلَعِ اْلفَجْرِ
“ความสันติสุขคือคืนนั้น จนกระทั่งแสงอรุณ (ฟะญัร) ขึ้น”
บรรดามลาอิกะห์จะประสาทความสันติแก่ผู้ประพฤติดีทั้งมวล ส่วนผู้ที่ไม่ได้ประพฤติดีในคืนนั้น ย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับความสุขความสันติในคืนนั้นแต่ประการใด จนกระทั่งแสงอรุณขึ้น ในยามเช้าของคืนนั้น ซึ่งมลาอิกะห์ผ่านผู้ใดที่เขาทำความดี บรรดามลาอิกะห์จะประสาทพรขอความสันติสุขให้แก่เขา
ท่านผู้ศรัทธาที่เคารพรักทุกท่าน ค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ เป็นค่ำคืนที่มีความสำคัญต่อชีวิตของผู้ศรัทธาอย่างยิ่งยวด พระองค์อัลเลาะห์ ได้มอบค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ให้กับอุมมะห์มุฮัมมะดียะห์ คือมอบให้เฉพาะประชากรของท่านรอซูลุลลอฮฺ เท่านั้น โดยพระองค์ไม่ได้มอบค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ให้กับประชาชาติก่อนๆ
เนื่องจากพระองค์อัลลอฮฺ ได้ให้ร่อซูล ได้ทราบอายุขัยของบรรดาประชากรยุคก่อนๆ โดยท่านทราบว่าประชาชาติก่อนมีอายุขัยที่ยาวนาน แต่อายุขัยของบรรดาประชาชาติในยุคของท่านรอซูล นั้นสั้นเหลือเกิน ดังที่ท่านได้เคยกล่าวไว้ว่า
“อายุของอุมมะ(ประชากรของฉัน)นั้น อยู่ระหว่าง 60 ถึง 70 ปี เท่านั้น”
ด้วยเหตุนี้เอง อัลลอฮฺ จึงทรงประทานค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ให้มีความประเสริฐในค่ำคืนเดียว มากกว่า 1000 เดือน
ท่านผู้ศรัทธาที่เคารพรักทุกท่าน ถ้าเรานำ 1000 เดือน มาตั้ง แล้วหารด้วย 12 เดือน ผลออกมา คือ 83 ปี กับ 4 เดือน มาชาอัลลอฮฺ ใครที่ทำความดี ทำอามั้ล ในค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ เพียงคืนเดียว เขาจะได้รับภาคผลมากกว่า 1000 เดือน ที่ไม่มีค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเป็นไปได้ไหมที่มุสลิมผู้ศรัทธาจะปล่อยให้ค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ ผ่านชีวิตของเขาไป โดยที่ไม่ได้ตักตวงคุณงามความดีนี้เลย ปัญหาอยู่ที่ว่า และถ้าเรามีความหวัง มีความประสงค์ มีความต้องการ ที่จะขวนขวายหาค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ เราจะหาคืนไหนกันแน่
ท่านพี่น้องที่เคารพ ท่านร่อซู้ล ไม่ได้ทอดทิ้งเรา ท่านได้ปฏิบัตตัวเป็นแบบฉบับ และได้ทรงแนะนำให้กับประชาชาติของท่านได้ปฏิบัติ เพื่อขวนขวาย แสวงหา ค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ ซึ่งท่านร่อซู้ล ได้กล่าวว่า
تَحَرَّوْا لَيْلَةَ الْقَدْرِفِى الْعَشْرِاْلأَوَاخِرِ مِنْ رَمَضَانَ
“พวกท่านทั้งหลาย จงแสวงหาค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน”
ท่านร่อซู้ล ได้บอกพวกเราเป็นแนวทางเอาไว้ว่า หากเราจะแสวงหาค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ จงแสวงหาในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน นี่คือความเมตตาของ อัลลอห์ นี่คือความสงสารของ ท่านร่อซู้ล ต่อประชากรของท่าน นอกจากนั้น ท่านยังบอกว่า ค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ นอกจากจะอยู่ในช่วง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน แล้ว ท่านยังได้บอกไว้ในอีกหะดีษหนึ่งว่า
تَحَرَّوْا لَيْلَةَ الْقَدْرِفىِ الْوِتْرِ مِنَ الْعَشْرِاْلأَوَاخِرِ مِنْ رَمَضَانَ
“พวกเจ้าทั้งหลาย จงแสวงหาค่ำคืนลัยละตุลก็อดร์ในคืนเลขคี่จาก 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน คืนที่เป็นเลขคี่”
เราท่านทั้งหลายย่อมทราบดีว่า ก็จะมี คืนที่ยี่สิบเอ็ด คืนที่ยี่สิบสาม คืนที่ยี่สิบห้า คืนที่ยี่สิบเจ็ด และคืนที่ยี่สิบเก้า ท่านรอซูล นั้นเมื่อถึง 10 คืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน ท่านจะทำการ เอียะติกาฟ เป็นประจำทุกปี จนกระทั่งในปีสุดท้ายที่ท่านได้เสียชีวิตจากโลกนี้ไป ท่านได้ เอียะติกาฟ ถึง 20 คืน
ท่านหญิงอาอิชะห์รอฏิญัลลอฮุอันฮารายงานว่า
قُلْتُ يا رسول اللهِ أَرَأَيتَ إِنْ عَلِمْتُ أيُّ لَيْلَةٍ لَيْلةُ القَدرِ ما أَقُولُ فِيها قال قُولي " الَّلهُمَّ إِنَّكَ عَفُوٌّ كَرِيْمٌ تُحِبُّ
العَفْوَ فَاعْفُ عَنِّي
"ฉันได้กล่าวกับท่านร่อซูล ว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ท่านจะเห็นเป็นอย่างไรหากฉันรู้ว่าคืนไหน เป็นคืนลัยละตุลก็อดรฺ ฉันจะวิงวอนกล่าวว่าอย่างไร ?
ท่านร่อซุลกล่าวตอบว่า "เธอจงกล่าวว่า โอ้พระเจ้าแห่งข้าพระองค์ แท้จริง พระองค์ท่านเป็นผู้ทรงอภัย พระองค์ท่านชอบที่จะให้อภัย ดังนั้นขอพระองค์ทรงอภัยให้แก่ข้าพระองค์”
ท่านร่อซู้ล ได้แนะนำให้แสวงหาลัยละตุลก็อดร์ ด้วยกับการทำกิยามุ้ลลัยล์ และทำอิบาดะห์ต่างๆให้มากในค่ำคืนรอมาฏอน เพราะเราทราบดีว่า 1 ความดีในเดือนรอมฎอน ไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การอ่านอัลกุรอาน การขอดุอาอฺ การกล่าวซิกรุ้ลลอฮฺ การซอลาวาตนบี การทำซอดาเกาะฮฺ และทุกๆอย่างที่ทำขึ้นมา จะมีภาคผลมากกว่า 1000 เดือน
ท่านผู้ศรัทธาที่เคารพรักทุกท่าน ใครที่ยังไม่ได้เริ่มต้นในเดือนรอมาฏอน ก็ขอให้เริ่มต้นได้ ณ บัดนี้ ใครที่ยังไม่ได้เตาบัตตัว ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺมาโดยตลอดในชีวิตของเขา ถ้าไม่ได้เตาบัตตัวในเดือนรอมาฏอน แล้วเมื่อไหร่จึงจะได้เตาบัตตัว
โอกาสนี้ผมขอดุอาอฺจากอัลลอฮ์ ให้พวกเราทุกคนได้พบกับคืนลัยละตุลก็อดร์ และขอให้ได้รับภาคผลมากกว่า 1000 เดือนกันทุกคน เราจะได้กลับไปพบกับ อัลลอฮ์ อย่างผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างแท้จริง