การกลืนเสมหะ ทำให้เสียศีลอดหรือไม่ ?
การกลืนเสมหะ ทำให้เสียศีลอดหรือไม่ ?
ตอบโดย: อ.ชารีฟ ศรีเจริญ
เสมหะที่ออกมาจากส่วนบน คือ โครงจมูกหรือส่วนล่างคือบริเวณหน้าอก การที่จะกลืนเข้าภายในจะทำให้เสียศีลอดหรือไม่ให้พิจารณาดังนี้ ถ้าเสมหะนั้นออกมาไม่ถึงเขตภายนอกของปาก คือ จุดฐานเกินของฮาอ์เล็กในลำคอ เมื่อกลืนกลับเข้าไปไม่ทำให้เสียศีลอด โดยมติของปวงปราชญ์
ส่วนถ้าเสมหะนั้นออกมาถึงเขตภายนอกของปาก(อยู่ในปาก) ก็ให้พิจารณาอีกว่า สามารถจะบ้วนออกได้หรือไม่ถ้าสามารถบ้วนออกมาได้ แต่ได้กลืนกลับเข้าไปถือว่าทำให้เสียศีลอด และถ้าไม่สามารถจะกลืนกลับได้ แต่มันกลับเข้าภายในโดยไม่ได้ตั้งใจ ถือว่าไม่ทำให้เสียศีลอด กระนี้คือ ทัศนะส่วนใหญ่ของนักวิชาการอิสลาม เพราะถือว่า นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากภายนอกสู่ภายในร่างกายจึงทำให้เสียศีลอด
สิ่งที่ทำให้การถือศีลอดมี 7 ประเภท
1. การมีเพศสัมพันธ์
ผู้ถือศีลอดคนใดที่มีเพศสัมพันธ์การถือศีลอดของเขาก็จะเสียไป ไม่ว่าจะเป็นการถือศีลอดที่เป็นฟัรฎูหรือที่เป็นสุนัตก็ตาม ถ้าหากว่าเขามีเพศสัมพันธ์ในช่วงกลางวันของเราะมะฎอนซึ่งเป็นการถือศีลอดวาญิบ เขาจำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้และจ่ายกัฟฟาเราะฮฺที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือ ต้องปล่อยทาสหนึ่งคน
2. การหลั่งน้ำอสุจิด้วยเจตนา เช่น จูบ จับสัมผัส การสำเร็จความใคร่
เพราะว่ามันเกิดขึ้นด้วยอารมณ์ใคร่ ซึ่งการถือศีลอดจะใช้ไม่ได้นอกจากต้องงดจากสิ่งนี้ ดังที่มีปรากฏในหะดีษกุดสีย์ว่า
"เขาได้ละทิ้งอาหาร เครื่องดื่ม และอารมณ์ใคร่ของเขา เพราะข้า" (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์)
การจูบและสัมผัสโดยไม่หลั่งนั้นไม่ทำการถือศีลอดเสีย เนื่องจากมีหะดีษในตำราหะดีษเศาะฮีหฺทั้งสองจากอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮา ว่า
"ท่านนบี (ซ.ล.)ได้จูบในขณะที่ถือศีลอด และได้คลุกคลีกับภรรยาในขณะที่ถือศีลอด แต่ท่านเป็นผู้ที่สามารถระงับอารมณ์ของท่านได้ดีที่สุด"
ส่วนการหลั่งอสุจิเนื่องด้วยการฝันหรือคิดเฉยๆ โดยไม่ได้ลงมือกระทำใดๆ นั้น ไม่ทำให้การถือศีลอดเสียไป เพราะการฝันไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้ถือศีลอด ส่วนการคิดจินตนาการนั้นถูกอนุโลม ดังคำพูดของท่านนบี ที่ว่า
"แท้จริง อัลลอฮฺ ทรงอนุโลมแก่ประชาชาติของฉัน ในสิ่งที่ใจพวกเขาครุ่นคิด ตราบใดที่ไม่ลงมือทำหรือพูดออกมา" เป็นหะดีษมุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์และมุสลิม
3. การกินและดื่ม
นั่นคือการให้อาหารและเครื่องดื่มเข้าไปถึงช่องทางเดินอาหารไม่ว่าทางปากหรือจมูก ไม่ว่าอาหารและเครื่องดื่มนั้นจะเป็นอะไรก็ตามแต่ เนื่องด้วยพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
"และจงกินและจงดื่ม จนกระทั่งเส้นสีขาวได้ปรากฏชัดแก่พวกเจ้าจากเส้นสีดำอันหมายถึงว่าได้เวลารุ่งอรุณแล้วจากนั้น ก็จงให้การถือศีลอดสมบูรณ์ไปจนถึงเวลากลางคืน" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 187)
4. การให้เลือด การฉีดสารอาหาร
4.1 การให้เลือด เช่น ผู้ถือศีลอดเลือดออกมากแล้วก็มีการให้เลือดกับเขา ดังนั้นการถือศีลอดของเขาก็เสีย ใช้ไม่ได้ เพราะเลือดคือเป้าประสงค์จริงๆ ของการกินและดื่ม ซึ่งมันก็เกิดขึ้นแล้วด้วยการให้เลือด
4.2 การฉีดสารอาหาร (เช่นให้น้ำเกลือ) ซึ่งทดแทนการกินและดื่มได้ เมื่อผู้ถือศีลอดได้รับมันเขาไปในร่างกายก็ถือว่าการถือศีลอดของเขาเสีย แม้ว่ามันไม่ใช่การกินและดื่มจริงๆ ก็ตาม เพราะมันอยู่ในความหมายเดียวกันกับการกินและดื่ม จึงอยู่ในหุก่มเดียวกันด้วย
5. การกรอกเลือด
เนื่องจากมีหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า "ผู้ทำการกรอกเลือดและผู้ยอมรับให้ทำการกรอกเลือด ย่อมเสียการถือศีลอด"
ส่วนเลือดที่ออกเนื่องจากเลือดกำเดา ไอ ริดสีดวงทวาร ถอนฟัน แผลเปิด ตรวจเลือด รอยฉีดของเข็ม หรือที่คล้ายๆ กันนั้น ไม่ถือว่าทำให้การถือศีลอดเสีย เพราะไม่ใช่การกรอกเลือดหรืออยู่ในความหมายเดียวกันกับมัน เมื่อมันไม่ส่งผลต่อร่างกายเหมือนการกรอกเลือด (บันทึกโดยอะหฺมัด และอบู ดาวูด)
6. การอาเจียนโดยเจตนา
คือ การทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะออกมาทางปาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม เนื่องด้วยหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่า
"ผู้ใดที่อาเจียนเองโดยไม่เจตนาเขาไม่ต้องชดใช้(การถือศีลอด) ส่วนใครที่อาเจียนโดยเจตนาให้เขาถือศีลอดชด" รายงานโดยนักรายงานทั้งห้ายกเว้นอัน-นะสาอีย์ และอัล-หากิมเห็นว่ามันเศาะฮีหฺ
7. การมีเลือดประจำเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร
เนื่องด้วยหะดีษของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ที่มีต่อผู้หญิงว่า
"เมื่อนางมีประจำเดือนมา นางไม่ต้องละหมาดและไม่ต้องถือศีลอด มิใช่หรือ ?"
ดังนั้น เมื่อใดที่นางเห็นเลือดประจำเดือนหรือเลือดหลังคลอดบุตร การถือศีลอดของนางก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเห็นในช่วงเช้าของเวลากลางวัน หรือช่วงเย็นแม้ว่าก่อนดวงอาทิตย์จะตกดินเพียงแค่ครู่เดียวก็ตาม แต่ถ้าหากนางรู้สึกว่ามีการเคลื่อนที่ของเลือดแต่ไม่ปรากฏให้เห็นนอกจากหลังดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว การถือศีลอดของนางถือว่าใช้ได้