อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู


7,722 ผู้ชม

อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู


อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู

“พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้านั้นเพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกรและสัตว์ที่ถูกกล่าวนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ(เมื่อถูกเชือด) แต่ผู้ใดได้รับความคับขันโดย และมิใช่เจตนาขัดขืน และมิใช่เป็นผู้ละเมิดขอบเขตแล้วไซร้ ก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ” จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการ 173

อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? สิ่งที่ศาสนาอิสลามห้ามทาน คือ

1.) เนื้อหมู และผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ทำมาจากตัวหมู เช่น เจลาตินหากทำมาจากหมู มุสลิมก็ถือว่าเป็นที่ฮะรอม (ต้องห้าม) แต่ยิวจะถือว่าเป็นโคเชอร์(กินได้)

2.) เลือด ไม่ว่าจะนำไปต้มหรือไปทำพาสเจอร์ไรส์หรือไปทำเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็แล้วแต่ ถือเป็นที่ต้องห้ามตามหลักการอิสลาม

3.) เนื้อของสัตว์ที่ตายเองโดยธรรมชาติหรือตายโดยไม่รู้สาเหตุ

4.) เนื้อของสัตว์ที่ตกจากที่สูงตาย ถูกทุบ และถูกรัดคอ

5.) เนื้อของสัตว์ที่เชือดโดยไม่กล่าวนามของพระเจ้า เหตุผลก็เพราะสัตว์มีชีวิตและชีวิตของสัตว์ก็เป็นของพระเจ้า ถ้าจะกินเนื้อของมันก็ต้องขออนุญาตจากพระเจ้าเพื่อเอาชีวิตของมันเสียก่อน

6.) ของเซ่นไหว้ทุกชนิด

7.) สัตว์ที่ใช้กรงเล็บและเขี้ยวจับหรือฉีกเหยื่อกินเป็นอาหาร เช่น นกอินทรี งู เสือ หมี และอื่น ๆ

8.) สิ่งมึนเมาทุกประเภท โดยเฉพาะสุรา

อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู

ทำไมมุสลิมถึงไม่ทานหมูมีอยู่หลายคำตอบ ซึ่งหากแบ่งหัวข้อการตอบให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นนั้นแบ่งได้ 2 แบบ

คำตอบตามหลักศาสนา การที่ว่าทำไมถึงไม่ทานหมู เพราะการที่ชาวมุสลิมไม่ทานหมู เนื่องจากเป็นคำสั่งใช้/ห้าม จากพระเจ้า โดยมีผู้นำคำสั่งมาถ่ายทอดนั้นคือ ท่านนบีมูฮำมัด ศ๊อลลอลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผู้เป็นศาสนทูต คนสุดท้ายแห่งอิสลาม

คำตอบตามหลักวิทยาศาสตร์ ในยุคปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมีพยาธิตัวเล็ก ๆ ที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้มมันอยู่ ซึ่งความร้อนต่ำไม่สามารถทำลายมันได้ พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทำอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น

มุสลิมในยุคก่อนไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ (กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน) ซึ่งพระเจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก (นะญิส) ฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่ทานหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ถึงว่าแม้ว่าในอนาคตจะสามารถทำให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้ามไว้

“มนุษย์เอ๋ยจงบริโภคสิ่งที่อนุมัติและที่ดีจากที่มีอยู่ในแผ่นดิน และอย่าปฏิบัติตามรอยเท้าของมาร แท้จริง มันเป็นศัตรูที่เปิดเผยสำหรับสูเจ้า” จากอัลกุรอาน บทที่ 2 อัล-บะเกาะเราะฮฺ : โองการที่ 168

บางครั้งอาจมีการตั้งคำถามว่า ในเมื่อไม่ให้กินหมูแล้ว พระเจ้าจะสร้างหมูมาทำไม ? จากโองการข้างต้นสรุปให้เข้าใจได้ดังนี้ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิดจะถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทำหน้าที่ซับน้ำ ผลิตออกซิเจน รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ดังนั้นสิ่งใดสำหรับชาวมุสลิมที่พระเจ้าอนุญาตให้ทาน สิ่งใดที่พระเจ้าไม่อนุญาตให้ทาน ซึ่งในเรื่องของอาหารนั้น สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้บัญญัติห้าม สิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้ทานได้โดยปริยาย

“แท้จริง พระองค์เพียงแต่ทรงห้ามสูเจ้า (มิให้บริโภค) สัตว์ที่ตายเอง และเลือดและเนื้อของสุกร และที่ถูกเปล่งนามอื่นนอกจากอัลลอฮฺ (เมื่อเชือด) แต่ผู้ใดก็ดีที่อยู่ในภาวะคับขันไม่เจตนาดื้อดึง และมิใช่ละเมิด ฉะนั้นแท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ”

จากอัลกุรอาน บทที่ 16 อันนะหฺลฺ : โองการ 115

อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู

ภาพเนื้อหมู

ท่านทราบหรือไม่ว่าอิสลามทานหมูได้?

จากโองการข้างต้นนั้นนำเสนอเนื้อหาที่แสดงเกี่ยวกับการทานหมู ซึ่งศาสนาอิสลามได้ระบุไว้ ในกุรอานมีตอนหนึ่งกล่าวว่า ” แต่ผู้ใดอยู่ในภาวะคับขัน “ เช่นอยู่ในภาวะอดอยากขาดแคลนจนไม่มีอะไรกินประทังชีวิต ก็อนุญาตให้รับประทาน หรือถ้าหากมีใครเอาอาวุธ หรือถูกบังคับเพื่อให้ทานหมู และเขาไม่อาจต่อสู้ได้ ในกรณีนี้ก็สามารถทำได้ ถ้าหากว่ามุสลิมไม่เคารพตัวเองโดยตั้งใจที่จะกินหมู นั่นก็แสดงว่า เขาไม่เชื่อมั่นในหลักการ เป็นคนที่ไม่มีสำนึกในศาสนา และไม่มีความละอายต่อบาป

“.. หมูเพราะมันเป็นสัตว์แยกกีบและมีกีบผ่าแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง จึงเป็นสัตว์มลทินแก่เจ้าอย่ารับประทานเนื้อของสัตว์เหล่านี้เลย และเจ้าอย่าแตะต้องซากของมันมันเป็นมลทินแก่เจ้า”
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลเก่า บทเลวิกิโต 11.7-8

ศาสนายูดาย หรือ ยิวก็เช่นกัน ที่ไม่ทานหมู มีหลายศาสนาเลย ก็ไม่ทานหมู

ทางยูดาย หรือ ยิว อาหารที่ อนุมัติเรียกว่า “โคเชอร์” (กินได้)
ไม่อนุมัติให้กินนั้นเรียกว่า “เทรฟาห์” (สิ่งต้องห้าม) ชาวยิวที่เคร่งครัดทั้งหลายก็ยังคงปฏิบัติเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด

อิสลาม จะทานอาหารที่ศาสนาอนุมัติเท่านั้น

ความจริง อิสลามไม่ได้ห้ามทานหมูอย่างเดียว แต่มีอีกหลายอย่างที่ ห้ามทาน แต่คนที่ไม่เคร่งครัด, ละเลย หรือขาดความรู้ด้านศาสนา เขาก็จะจำแค่อย่างเดียวว่าไม่ทาน หมู หรือถ้ากินอยู่ ห้ามทัก!! (มีมากสำหรับคนที่ไม่รู้จักละอายต่อบาป) ทั้งที่การบริโภคสิ่งต้องห้ามอื่น ๆ มีบาปมากกว่า โดยเฉพาะสุรา ที่เห็นมุสลิมวัยรุ่นหลาย ๆ คนทานกันเป็นเรื่องธรรมดา(บางคน)

อิสลามห้ามกินอะไรบ้าง? นอกจากเนื้อหมู

คำถาม : ทำไมอิสลามจึงห้ามการกินหมู ?

ตอบคำถามโดย ดร.ซากิร ไนค์ / นะญาฮฺ แปลและเรียบเรียง

ความจริงแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่า การบริโภคเนื้อหมูได้ถูกห้ามในอิสลาม สิ่งที่จะกล่าวต่อจากนี้ จะอธิบายทัศนะต่าง ๆ ของข้อห้ามนี้

1. เนื้อหมูถูกห้ามในอัลกุรอาน

กุรอานนั้นได้ห้ามการบริโภคเนื้อหมู ไม่น้อยกว่า 4 แห่งที่แตกต่างกัน มันถูกห้ามในซูเราะฮฺ  2:173  5:3  6:145 และ 16:115

“ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว(สำหรับอาหาร) คือ เนื้อสัตว์ที่ตายเอง เลือด เนื้อสุกร และสัตว์ที่กล่าวนามอื่นจากอัลเลาะฮฺ (ขณะเชือด)”  (อัลกุรอาน  5:3)

โองการกุรอานที่กล่าวมานี้เป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้มุสลิมคนหนึ่งเชื่อมั่นว่าทำไมเนื้อหมูจึงถูกห้าม

2. การบริโภคเนื้อหมูเป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด

ผู้ที่มิใช่มุสลิมและผู้ที่ไม่เชื่อว่าการมีอยู่ของพระเจ้าจะเห็นด้วยเพียงแค่ ถ้าทำให้เชื่อโดยผ่านทางเหตุผล ตรรกะ และวิทยาศาสตร์ การกินเนื้อหมูนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดโรคไม่น้อยกว่า 70 ชนิดที่แตกต่างกัน ซึ่งบุคคลหนึ่งจะสามารถมีหนอนพยาธิ (จากการกินเนื้อหมู )ที่แตกต่างกันได้หลาย ชนิด เช่น พยาธิตัวกลม พยาธิเข็มหมุด พยาธิปากขอ เป็นต้น หนึ่งในพยาธิที่อันตรายมากที่สุด ซึ่งศัพท์เฉพาะทาง เรียกว่า Taenia Solium หรือ พยาธิตัวตืด มันจะแฝงตัวอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน เซลล์ไข่ของมันจะเข้าตามกระแสเลือด และสามารถไปถึงทุกส่วนของร่างกาย ถ้ามันเข้าไปในสมองก็เป็นสาเหตุให้เกิดความจำเสื่อม ถ้ามันเข้าสู่หัวใจก็จะทำให้เกิดโรคหัวใจ ถ้ามันเข้าสู่ตาก็จะทำให้ตาบอด ถ้ามันเข้าสู่ตับก็จะทำให้ตับถูกทำลาย มันสามารถทำลายอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย หนอนพยาธิตัวอื่นที่เป็นอันตราย ก็คือ Trichura Tichurasis ซึ่ง โดยทั่วไปมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเนื้อหมูที่ว่าถ้ามีการปรุงสุกเป็นอย่างดี ไข่ของมันก็จะตาย แต่ในงานวิจัยที่น่าเชื่อถือในอเมริกา พบว่า จากยี่สิบสี่คนที่ต้องทนทุกข์จากโรคพยาธิ Trichura Tichurasis มี จำนวนยี่สิบสองคนที่ปรุงสุกเนื้อหมูเป็นอย่างดี นี่สามารถบ่งชี้ได้ว่าไข่พยาธิชนิดนี้ที่มีอยู่ในเนื้อหมูจะยังไม่ตายภายใต้ อุณหภูมิที่ใช้ในการปรุงอาหารปกติ

3. เนื้อหมูก่อให้เกิดสร้างไขมัน

เนื้อ หมูก่อให้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อน้อยมาก และมีไขมันมากเกินความจำเป็น ไขมันนี้จะสะสมอยู่ในเส้นเลือดและเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ จึงไม่แปลกใจเลยว่ามีคนอเมริกัน 50 เปอร์เซ็นต้องทนทุกข์กับโรคความดันโลหิตสูง

4. หมูเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่สกปรกที่สุดในโลก

หมู เป็นสัตว์ที่สกปรกที่สุดในโลก มันใช้ชีวิตและเติบโตบนโคลน มูล และสิ่งสกปรกโสโครก เท่าที่ข้าพเจ้ารู้มันเป็นสัตว์ที่กินซากสกปรกที่ดีที่สุดที่พระเจ้าทรง สร้าง ในหมู่บ้านที่ไม่มีห้องน้ำสมัยใหม่และชาวบ้านนั้นจะขับถ่ายสิ่งปฏิกูลในที่โล่ง บ่อยครั้งมากที่สิ่งขับถ่ายนั้นถูกทำให้สะอาดโดยหมู บางคนอาจโต้แย้งว่าแล้วอย่างในเมืองที่พัฒนาแล้วอย่างออสเตรเลีย หมูถูกเลี้ยงอย่างสะอาดและถูกสุขลักษณะ แม้ว่าจะเลี้ยงหมูในคอกที่ถูกสุขลักษณะเพียงใด แม้คุณจะพยายามอย่างหนักที่จะเลี้ยงพวกมันให้สะอาด แต่โดยธรรมชาติแล้วมันก็ยังเป็นสัตว์ที่สกปรกอยู่ดี พวกมันจะกินและสนุกกับมูลของมันเหมือนกับที่สนุกกับสิ่งขับถ่ายใกล้เคียงของ พวกมัน

5. หมูเป็นสัตว์ที่มีความอายน้อยที่สุด

หมูเป็นสัตว์ที่มีความอายน้อยที่สุดในหน้าแผ่นดินบนโลกนี้ มันเป็นสัตว์ที่เชิญชวนตัวอื่นให้ร่วมเพศกับคู่ของมัน ในอเมริกาผู้คนส่วนมากรับประทานเนื้อหมู บ่อยครั้งมากหลังจากการเต้นรำและงานรื่นเริง พวกเขาจะแลกเปลี่ยนคู่ภรรยากัน หลายคนพูดว่า “นายนอนกับภรรยาของฉันและฉันจะนอนกับภรรยาของนาย” (เนื่องจากผู้รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดใดจะได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรมของมัน) ถ้าคุณกินเนื้อหมูแล้วก็จะมีพฤติกรรมเหมือนหมู เราคนอินเดียมองอเมริกาว่าทันสมัยและกร้านโลกมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาทำนั้น เราก็ทำตามหลังเขาไม่กี่ปี อย่างในบทความของแม็กกาซีน Island ที่บอกว่าพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนคู่ภรรยานี้จะกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมผู้ร่ำรวยในบอมเบย์ (เนื่องจากพวกเขากินอยู่เหมือนคนตะวันตก)

สำหรับชาวมุสลิมแล้วนั้นจะกินจะทานอะไรต้องพึงระลึกเสมอว่า เมื่อเราทานเข้าไปมันจะกลายเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย มันก็มีผลต่อหัวใจ เพราะเมื่อบริโภคสิ่งที่ไม่ อนุมัติ จิตใจก็จะด้านชา ครั้งแรกทำได้ ครั้งต่อไปก็จะทำได้ หัวใจก็ค่อย ๆ ชาชินต่อคำสั่งห้ามของพระเจ้า และละเลยข้อห้ามทางศาสนาไปในที่สุด ร่างกายเมื่อมาจากสิ่งฮะรอม (ต้องห้าม) ก็จะกลายเป็นเชื้อของไฟนรก

ที่มา:www.lib.ru.ac.th

อัพเดทล่าสุด