กุรบานนี้มีการแบ่งเป็นส่วนหรือเปล่าครับ แล้วที่ว่าวัว 1 ตัวแบ่งได้ 7 ส่วนนี้คืออากีเกาะห์หรือกุรบานครับ แล้วการเชือดกุรบานมีกี่วันครับ เนื้อกุรบานใครควรได้รับบ้างและใครห้ามรับประทานบ้างครับ
กุรบานเชือดได้กี่วัน ใครรับได้และไม่ได้ การแบ่งส่วนกุรบาน
คำถาม: กุรบานนี้มีการแบ่งเป็นส่วนหรือเปล่าครับ แล้วที่ว่าวัว 1 ตัวแบ่งได้ 7 ส่วนนี้คืออากีเกาะห์หรือกุรบานครับ แล้วการเชือดกุรบานมีกี่วันครับ เนื้อกุรบานใครควรได้รับบ้างและใครห้ามรับประทานบ้างครับ
สัตว์จำพวกแพะแกะใช้ทำกุรบ่านได้เพียง 1 ส่วน แต่ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่จำพวกอูฐ และวัว อนุญาตให้ร่วมกันทำกุรบ่านได้ 7 ส่วน
ไม่ว่าผู้ร่วมทำกุรบ่านตัวนั้นจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันหรือไม่ก็ตามหรือจะมีความแตกต่างกันในเป้าหมาย เช่น 1 ใน 7 คนต้องการทำกุรบ่าน (อุฎฮียะฮฺ) ในขณะที่บางคนต้องการเนื้อเอาไว้รับประทาน บางคนต้องการส่วนเพื่อทำอะกีเกาะฮฺ และไม่ว่าบางส่วนจะเป็นกุรบ่าน วาญิบหรือบางส่วนเป็นสุนัตก็ตาม นี่คือมัซฮับอัชชาฟิอีย์
และตามนี้อิหม่ามอะฮฺหมัด, ดาวูด และปวงปราชญ์ได้กล่าวเอาไว้ เว้นเสียแต่ว่า ท่านดาวูดระบุว่าอนุญาตให้ร่วมกันในกรณีกุรบ่านสุนัตเท่านั้น แต่อิหม่ามมาลิก (ร.ฮ.) มีทัศนะว่า: ไม่อนุญาตให้ร่วมกันโดยสิ้นเชิง เหมือนกับกรณีที่ไม่อนุญาตให้ร่วมส่วนในแกะหรือแพะ 1 ตัว (กิตาบ อัลมัจญ์มูอฺ ; อันนะวาวีย์ เล่มที่ 8 หน้า 370-371)
ดังนั้นที่ว่า วัว 1 ตัวแบ่งได้ 7 ส่วนก็หมายถึงการทำกุรบ่าน (อุฎฮียะฮฺ) และอะกีเกาะฮฺนั่นเอง หมายความว่า อะกีเกาะฮฺ วัว 1 ตัวก็สามารถทำร่วมกันได้ 7 ส่วน (7 คน) ตามมัซฮับ อัชชาฟีอีย์และบางปราชญ์ แต่ถ้าตามอิหม่ามมาลิก (ร.ฮ.) ก็ย่อมถือว่า ไม่อนุญาตให้ทำอะกีเกาะฮฺร่วมกัน (คือได้เพียง 1ส่วน) เหมือนกับกรณีของกุรบ่าน
อย่างไรก็ตาม การทำอะกีเกาะฮฺด้วยวัวก็มีทัศนะขัดแย้งกันอีกว่าได้หรือไม่ ที่ดีควรทำตามซุนนะฮฺ คือ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็ทำอะกีเกาะฮฺด้วยแกะ 2 ตัวถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็ทำอะกีเกาะฮฺ 1 ตัว หรือจะทำเพียงแค่ 1 ตัวก็ถือว่าได้ซุนนะฮฺแล้วเช่นกัน (ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง)
ส่วนจำนวนวันที่อนุญาตให้เชือดกุรบ่านนั้นก็คือ วันอีดอัฎฮา (เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วันเชือดเยาวฺมุนนะฮฺริ) และวันตัชรีกอีก 3 วัน โดยตามมัซฮับอัชชาฟิอีย์เริ่มเข้าเวลาที่อนุญาตให้เชือดกุรบ่านได้ เมื่อดวงตะวันขึ้นในวันอีดแล้วผ่านช่วงเวลาขนาดละหมาดอีดและ 2 คุตบะฮฺ เมื่อเชือดกุรบ่านหลังเวลาที่ว่านี้ก็ถือว่าใช้ได้ (อัลมัจญ์มูอฺ เล่มที่ 8 หน้า 359) ส่วนเวลาสุดท้ายก็คือ ก่อนดวงตะวันของวันที่ 3 จากวันตัชรีกลับขอบฟ้าเมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้าก็ออกจากเวลาที่อนุญาตให้เชือดกุรบ่าน (อ้างแล้ว 8/358)
ที่ว่าจำนวนวันของการเชือดกุรบ่าน คือ วันอีดและวันตัชรีก 3 วันนั้นเป็นทัศนะในมัซฮับอัชชาฟิอีย์ และเป็นคำกล่าวของท่านอะลี, ญุบัยร์, อิบนุ อับบาส, อะฏออฺ อัลหะซัน อัลบะซอรีย์, อุมัร อิบนุ อับดิลอะซีซ เป็นต้น ส่วนอิหม่ามมาลิก, อบูฮะนีฟะฮฺ และอะฮฺหมัด กล่าวว่า เฉพาะวันอีดและอีก 2 วันหลังจากวันอีด ซึ่งทัศนะนี้มีสายรายงานจากท่านอุมัร, อิบนุ อุมัร และท่านอนัส (ร.ฎ.) ในขณะที่มีบางทัศนะระบุว่า เชือดกุรบ่านได้จนถึงสิ้นเดือนซุ้ลฮิจญะฮฺไปโน่นก็มี (อ้างแล้ว 8/360-361)
อนึ่งในช่วงเวลาระหว่างวันต่าง ๆ ที่อนุญาตให้เชือดกุรบ่านนั้น อนุญาตให้เชือดได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน แต่ในทัศนะของนักวิชาการสังกัดมัซฮับอัชชาฟิอีย์ ระบุว่า : ในกรณีการเชือดสัตว์อื่นจากกุรบ่านในเวลากลางคืนนั้นมักรูฮฺส่วนในกรณีของกุรบ่านนั้น มักรูฮฺมากหน่อย (أشدكراهة) -(อ้างแล้ว 8/358)
เนื้อกุรบ่านที่เป็นกุรบ่านสุนัตนั้น มีซุนนะฮฺให้เจ้าของกุรบ่านรับประทานเนื้อส่วนหนึ่ง และอนุญาตให้ทำซอดะเกาะฮฺทั้งหมดก็ได้ โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนเอาไว้กินส่วนหนึ่ง ทำซอดะเกาะฮฺ 2 ใน 3 ส่วนแก่คนยากจนก็ถือว่าอัฟฎ้อล (ดีที่สุด) ซึ่งคนยากจนที่ว่านี้คนเดียวก็ได้ (อ้างแล้ว 8/392) ส่วนเนื้อกุรบ่านที่เป็นวาญิบ (กุรบ่านนะซัรฺ) ไม่อนุญาตให้เจ้าของกินเนื้อนั้น ถ้าเกิดไปกินก็ต้องชดใช้ตามค่า (กีมะฮฺ) ของเนื้อที่กินไป โดยต้องทำซะดอเกาะฮฺเนื้อกุรบ่านประเภทนี้ทั้งหมดแก่คนยากจน (อ้างแล้ว 8/394)
ที่มา: alisuasaming.org