ซูเราะฮฺนี้ประกอบด้วยเรื่องราวต่างๆทั้งหมด 4 เรื่อง ซึ่งในตอนท้ายของเรื่องราวเหล่านั้นได้มีบทเรียนประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นคือ
ซูเราะฮฺอัลกะฟิ
ซูเราะฮฺนี้ประกอบด้วยเรื่องราวต่างๆทั้งหมด 4 เรื่อง ซึ่งในตอนท้ายของเรื่องราวเหล่านั้นได้มีบทเรียนประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องราวเหล่านั้นคือ
เรื่องราวของชาวถ้ำ
คือเรื่องราวของชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งที่มีความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ ท่ามกลางบ้านเมืองที่พวกเขาได้อาศัยอยู่นั้นเต็มไปด้วยผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีความมุ่งมั่นที่จะเชิญชวนกษัตริย์ที่ปกครองเมืองนั้นให้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แต่กษัตริย์คนนั้นก็หาได้ศรัทธาไม่ ครั้นเมื่อพวกเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย และกลุ่มชนของพวกเขาเองก็ต่างไล่ล่าเพื่อที่จะฆ่าพวกเขา พวกเขาจึงพากันเข้าไปในถ้ำ(อัลกะฮฺฟิ)แห่งหนึ่ง ซึ่ง ณ ที่นั่นเองที่ปรากฏเรื่องราวอภินิหาร(มุอฺญิซะฮฺ) โดยที่อัลลอฮฺได้ทำให้พวกเขาได้นอนหลับเป็นระยะเวลา 309 ปี หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงให้พวกเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และทรงให้ชาวบ้านพบเจอพวกเขา จึงพากันรับรู้ว่านี่คืออภินิหารของอัลลอฮฺ ตะอาลาที่มีต่อพวกเขา
เรื่องราวของเจ้าของสวนทั้ง 2 แห่งและสหายของเขา
คือเรื่องราวของคนรวยคนหนึ่งซึ่งเขามีเรือกสวนอยู่ 2 แห่งที่เต็มไปด้วยผลิตผลอย่างมากมาย แต่เขาก็หาได้ขอบคุณ(ชุกูร)ต่อพระผู้เป็นเจ้าของเขาไม่ และเขาเองก็หาได้รู้สึกถึงความโปรดปรานของพระองค์ที่มีมายังเขา โดยคนที่เป็นสหายอีกคนก็ปรารถนาที่จะตักเตือนเขาและทำให้เขาสำนึกตัวและกลับไปยังอัลลอฮฺ แต่เขาก็ยังคงดื้อรัน เมื่อเป็นเช่นนั้น อัลลอฮฺจึงได้ลงโทษเขาด้วยการทำลายเรือกสวนทั้ง 2 แห่งที่เขามีอยู่
เรื่องราวของท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลามกับท่านอัลคอฎิรฺ
เรื่องราวนี้เริ่มต้นโดยมีชายคนหนึ่งได้ถามท่านนบีมูซา อะลัยฮิสลามว่า “ใครคือผู้ที่มีความรู้มากที่สุดบนพื้นแผ่นดินนี้ ?” ท่านนบีมูซาจึงตอบชายคนนั้นว่า “ตัวข้าเอง” อัลลอฮฺ ตะอาลา จึงแจ้งแก่ท่านนบีมูซาว่า ยังมีชายอีกคนที่มีความรู้มากกว่าท่านนั่นคือท่านอัลคิฎรฺ เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านนบีมูซาจึงเดินทางไปหาท่านอัลคิฎรฺและขอร่วมเดินทางไปกับท่าน เพื่อศึกษาหาวิชาความรู้ ถึงอัลคอฏิรฺจะไม่ได้เป็นนบีแต่สำนวนของอัลกุรอ่านที่กล่าวถึงคอฏิรก็เป็นสำนวนที่คล้ายกับที่กล่าวถึงบรรดานบีของอัลลอฮฺ จึงเกิดเป็นเรื่องราวหลายเรื่องมากมายที่นบีมูซาไม่สามารถล่วงรู้ได้นอกจากที่ท่านคอฏิรฺจะกล่าวเฉลยออกมาได้แก่เรื่องเรือเดินทะเล เรื่องการฆ่าเด็กกำพร้า และเรื่องการบูรณะกำแพง
เรื่องราวของท่านซิลก็อรฺนัยนฺ
คือเรื่องราวของกษัตริย์ท่านหนึ่งที่อัลลอฮฺให้เค้าเข็มแข็งยำเกรงและมีความยุติธรรม อัลลอฮฺให้เค้ามีอำนาจการปกครองที่ยิ่งใหญ่ไพศาลตามการเรียกร้องของประชาชน กระทั่งได้มาถึงกลุ่มชนหนึ่งที่เรียกร้องให้ท่านช่วยให้พวกเขาพ้นภัยจากความชั่วร้ายของยะญูจและมะญูจฺ ท่านจึงได้สร้างกำแพงหนึ่งให้แก่พวกเขาเพื่อป้องกันพวกเขาจากความเสียหายที่จะมีมา ซึ่งมันคือกำแพงที่จะพังพลายลงก็ต่อเมื่อคำสั่งของอัลลอฮฺได้มาถึง ใกล้ๆกับวันกิยามะฮฺ และมีการกล่าวอีกสามเรื่องที่ชี้แจงว่าสัจธรรมไม่เกี่ยวข้องกับการมีทรัพย์สมบัติมากมายหรือการมีอำนาจล้นฟ้าแต่สัจธรรมสัมพันธ์กับความเชื่อมั่นและศรัทธา เช่นเรื่องเศรษฐีที่อวดมั่งมีกับยาจกผู้ศรัทธา สองการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้และการดับสลายและการสูญเสีย สามเรื่องความหยิ่งจองหองของอิบรีสที่ไม่ยอมคารวะต่อนบีอาดัมจนถูกสาปแช่งและขับออกจากความเมตตาของอัลลอฮฺ
ส่วนโองการที่เหลืออีก39โองการ เป็นคำอธิบายประกอบหรือกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆที่ได้กล่าวถึงและการพูดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันกิยามะฮฺ
ณ ที่นี้ขอให้เราเข้าใจว่าเป้าหมายของสูเราะฮฺนี้ก็คือ “การคุ้มครองจากบททดสอบต่างๆ”ด้วยเหตุนี้คุณค่าของการอ่านสูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิ ซึ่งผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านสูเราะฮฺนี้ในทุกวันศุกร์ อัลลอฮฺก็จะทรงประทานแสงสว่างที่เจิดจรัสให้แก่เขาตั้งแต่เบื้องเท้าทั้งสองของเขาจรดท้องฟ้า และท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ได้กล่าวว่า
فمن أدركه منكم فليقرأ عليه فواتح سورة الكهف
ความว่า “ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่ทันพบเห็นมัน(ดัจญาล) ดังนั้นเขาก็จงอ่านช่วงแรกของสูเราะฮฺอัลกะฮฺฟิเถิด (เพราะมันจะคุ้มครองตัวเจ้าจากบททดสอบของดัจญาล)” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลขหะดีษ 2937 )
เช่นเดียวกัน เราก็สามารถที่จะเชื่อมข้อเกี่ยวพันระหว่างดัจญาลกับสิ่งที่สูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงบททดสอบต่างๆ ได้ดังนี้
- บททดสอบในเรื่องศาสนากับดัจญาล
นั่นคือ การที่มันได้ล่อลวงผู้คนส่วนมากในเรื่องศาสนาของพวกเขา เช่นการที่มันอาจทำให้คนที่ตายมีชีวิตอีกครั้งได้
- บททดสอบของทรัพย์สินเงินทองกับดัจญาล
นั่นคือ การที่มันได้สั่งให้พื้นแผ่นดินคลายขุมทรัพย์ต่างๆออกมา และการที่มันสามารถควบคุมฝนฟ้าอากาศได้
- บททดสอบของความรู้กับดัจญาล
นั่นคือ การที่มันได้ล่อลวงผู้คนจำนวนมากมาย(ให้หลงเชื่อตามมัน)ในสิ่งที่มันได้บอกเล่าเรื่องราวที่เร้นลับให้แก่พวกเขา
- บททดสอบของอำนาจการปกครองกับดัจญาล
นั่นคือ การที่มันได้ทำให้ส่วนใหญ่ของพื้นแผ่นดินเป็นของมัน ยกเว้นเมืองมักกะฮฺกับเมืองมะดีนะฮฺ ซึ่งมันไม่สามารถเข้าไปมีอำนาจหรือปกครองในนั้นได้
โดยแน่แท้ สูเราะฮฺนี้ได้อธิบายให้แก่เราในตอนท้ายของทุกเรื่องราวถึงวิธีการที่จะทำให้รอดพ้นจากการตกอยู่ท่ามกลางบททดสอบต่างๆ ซึ่งมีดังนี้
- อายะฮฺที่ 28-29
หลังจากที่ได้นำเสนอเรื่องราวของชาวถ้ำแล้ว (อายะฮฺข้างต้น)ก็ได้ให้คำอธิบายถึงการรอดพ้นจากบททดสอบในเรื่องของศาสนานั้นคือ “การคบหากับคนดีและการรำลึกถึงวันอาคิเราะฮฺ”
- อายะฮฺที่ 45-46
หลังจากที่ได้นำเสนอเรื่องราวของเจ้าของสวนทั้ง 2 แห่งแล้ว (อายะฮฺข้างต้น)ก็ได้ให้คำอธิบายถึงการรอดพ้นจากบททดสอบของทรัพย์สินเงินทองนั้นคือ “การเข้าใจในแก่นแท้ของชีวิตแห่งโลกนี้และการรำลึกถึงวันอาคิเราะฮฺ”
- อายะฮฺที่ 69
หลังจากที่ได้นำเสนอเรื่องราวของท่านนบีมูซาและท่านอัลคิฎรฺแล้ว (อายะฮฺข้างต้น)ก็ได้ให้คำอธิบายถึงการรอดพ้นจากบททดสอบของความรู้ ซึ่งแนวทางของมันนั้นคือ “การถ่อมตน”
- อายะฮฺที่ 103-104
หลังจากได้ที่ได้นำเสนอเรื่องราวของท่านซิลก็อรนัยนฺแล้ว (อายะฮฺข้างต้น)ก็ได้ให้คำอธิบายถึงการรอดพ้นจากบททดสอบของอำนาจการปกครองนั้นคือ “การให้มีความบริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺในการงานที่ได้ทำ และการรำลึกถึงวันอาคิเราะฮฺ”
และการมาของอายะฮฺสุดท้ายคืออายะฮฺที่ 110 ก็เพื่อเน้นย้ำถึงการรอดพ้นจากบททดสอบต่างๆนั้นคือ “การทำอามัลที่ดีและมีความบริสุทธิ์ใจในทุกการงานเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา” ซึ่งอุละมาอ์ได้กล่าวว่า เงื่อนไขที่จะทำให้การงานเป็นที่ตอบรับนั้นคือ การงานนั้นต้องมีความถูกต้องตามแบบฉบับของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม และต้องมีความบริสุทธิ์ใจในเจตนาเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา
เช่นเดียวกันในอายะฮฺที่ 50 ซึ่งเป็นอายะฮฺที่อยู่ตอนกลางของซูเราะฮฺนี้ หลังจาก(ที่อายะฮฺ)ได้กล่าวถึงสองเรื่องราวแรกไปแล้ว ก็ตามมาด้วยการกล่าวถึงชัยฎอนและเรื่องราวของมัน เพราะชัยฏอนนั้นคือผู้ที่ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆที่แท้จริง ซึ่งบททดสอบใดก็ตาม(ที่เราได้ประสบ)ก็จำเป็นที่ต้องให้ความตระหนักและพยายามรักษาไม่ให้ตกอยู่ในอิทธิพลของมัน(ชัยฏอน)
ซูเราะฮฺนี้ถูกตั้งชื่อว่า “อัลกะฮฺฟิ” เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าผู้ใดที่ได้มอบหมายแด่อัลลอฮฺและยึดมั่นในบทบัญญัติของพระองค์และศาสนาของพระองค์แล้วไซร้ อัลลอฮฺก็ย่อมอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุนเขาอย่างแน่นอน ซึ่งชายหนุ่มเหล่านั้นได้หนีออกไป(จากบ้านเมืองของตน)ก็เพื่อศาสนาของพวกเขา ดังนั้นอัลลอฮฺจึงได้คุ้มครองพวกเขา และทรงให้ถ้ำอันมืดมิดได้เป็นที่พำนักของพวกเขา ซึ่ง(พวกเขา)อยู่(ในนั้น)ได้อย่างปลอดภัย ใช่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงประทานแสงสว่างให้แก่พวกเขาเพื่อขจัดความมืดมิดและความเงียบเหงาให้ออกไป “ดังนั้นผู้ใดที่ได้มอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็ทรงเป็นผู้พอเพียงสำหรับเขา”
ที่มา: มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน
islamhouse.muslimthaipost.com