นางมาซีเตาะฮฺ ชื่อของหญิงคนหนึ่งที่มีอีม่าน เธอดำรงชีวิตกับครอบครัวของเธอภายใต้ปกครองของฟาโรห์ ซึ่งอ้างตัวเป็นพระเจ้า สามีเธอเป็นคนใกล้ชิดของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์)
นางมาซีเตาะฮฺ หญิงรับใช้ฟาโรห์
นางมาซีเตาะฮฺ ชื่อของหญิงคนหนึ่งที่มีอีม่าน เธอดำรงชีวิตกับครอบครัวของเธอภายใต้ปกครองของฟาโรห์ ซึ่งอ้างตัวเป็นพระเจ้า สามีเธอเป็นคนใกล้ชิดของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) แต่เธอเป็นคนรับใช้และผู้ดูแลบุตรสาวของฟาโรห์ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงประทานความแน่นแฟ้นแห่งความศรัทธาเหนือสามีของเธอ และตัวของเธอจนกระทั่งฟาโรห์ทราบว่าสามีเธออีม่านต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) จึงได้ฆ่าสามีของเธอ
ส่วนตัวเธอก็ยังคงทำหน้าที่เป็นคนรับใช้และหวีผมให้แก่บุตรสาวของฟาโรห์ พร้อมยังเลี้ยงดูลูกของเธออีก5 คน เธอได้นำอาหารมาให้ลูกของเธอเหมือนกับแม่นกที่ให้อาหารลูกๆ ที่อยู่ในรัง ในขณะที่เธอหวีผมให้แก่ลูกสาวของฟาโรห์ในวันหนึ่ง บังเอิญหวีหลุดจากมือเธอ เธอก็กล่าวว่า :
บิสมิ้ลละห์ (بسم الله) ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ ลูกสาวฟาโรห์ ได้กล่าวว่าบิดาของข้าคือพระเจ้า มาซีเตาะฮฺ ส่งเสียงร้องว่า หาเป็นเช่นนั้นไม่ อัลลอฮฺ ซบ. คือพระเจ้าของข้าพเจ้าและของเธอและเป็นพระเจ้าของพ่อของเธอ ลูกสาวฟาโรห์เกิดความไม่พอใจที่มาซีเตาะฮฺกราบไหว้สิ่งอื่นจากบิดาของเธอ เธอนำเรื่องดังกล่าวไปทูลต่อบิดาของเธอ ฟาโรห์ เกิดแปลกใจว่ายังมีคนในพระราชวังที่กราบไหว้สิ่งอื่นจากเขากระนั้นหรือจึงให้ทหารไปนำมาซีเตาะฮฺมา
และฟาโรห์ ก็กล่าวแก่เธอว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า มาซีเตาะฮฺ ตอบว่า พระเจ้าของข้าพเจ้าและของท่านคือ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) และขู่บังคับให้มาซีเตาะฮฺละทิ้งจากศาสนา และนำไปกักขังพร้อมกับลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี แต่ก็ไม่ทำให้เธอละทิ้งจากศาสนาของเธอ ฟาโรห์ได้มีคำสั่งใช้ให้เหล่าทหารนำหม้อที่ทำจากทองเหลือง ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำมันตั้งบนกองไฟจนเดือดจัด และนำเธอมายืนอยู่ต่อหน้าหม้อน้ำมันที่เดือดนั้น มาซีเตาะฮฺเมื่อเธอแลเห็นการทรมานทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเธอชีวิตเดียวที่ต้องจากไป และก็จะได้พบกับอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ความตายไม่ได้ทำให้เธอขาดอีม่านเลย
แต่กระนั้น ฟาโรห์ รู้ดีว่า สิ่งที่เธอรักนั้นคือลูกๆ ของเธออีก 5 คน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่เธอต้องเลี้ยงดูอยู่ ความชั่วร้ายของฟาโรห์ทำให้ฟาโรห์มีความปราถนาเพิ่มการทารุณโดยใช้ให้ทหารไปนำลูกทั้ง 5 คน ของเธอมาด้วยน้ำตาของลูกกำพร้าทั้ง 5 คน ไหลรินและไม่ทราบว่าจะถูกลากไปไหน เมื่อลูกกำพร้า ทั้ง 5 คน แลเห็นมารดาของเธอก็ได้เข้ามากอดเธอพร้อมกับสภาพที่น้ำตายังอาบแก้ม มาซีเตาะฮฺก้มลงจูบและหอมลูกๆ ของเธอ พร้อมกับร้องให้ เธอได้อุ้มลูกคนเล็กที่สุดไว้ในอ้อมอก และให้นมจากทรวงอกของเธอ
เมื่อฟาโรห์เห็นสภาพดังกล่าว ได้ใช้ให้บรรดาทหารลากลูกคนโตสุด โยนลงไปในหม้อน้ำที่เดือด เสียงเด็กร้องหาแม่และขอความช่วยเหลือ บรรดาทหารขอความเมตตาจากฟาโรห์ แต่ก็ไม่ได้รับความปราณีแม้แต่นิดเดียว ลูกของเธอที่เหลืออยู่ก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับตีทหารด้วยกับสองมือเล็กๆ สภาพที่ทหารกระชากลูกๆ ของเธอและเธอก็ยืนมองแบบอำลา อาลัย ลูกของเธอก็ถูกโยนไปในหม้อน้ำมันที่เดือดเธอไม่สามารถขัดขวางได้ นอกเสียจากการร้องให้และยืนมอง ส่วนลูกที่เหลืออยู่ของเธอก็เอามืออันเล็กปิดตา จนกระทั่งเนื้อในหม้อน้ำมันที่เดือดละลาย กระดูกที่มีสีขาวลอยขึ้นสู่ผิวน้ำมันที่เดือด
ฟาโรห์ได้มองมายังมาซีเตาะฮฺและบังคับให้เธอปฏิเสธอัลลอฮฺ ซบ. ความมีศรัทธามั่นทำให้เธอยืนหยัด ซึ่งสร้างความโกรธให้แก่ฟาโรห์เป็นทวีคูณ จึงได้ให้ทหารกระชากลูกคนที่สองรองลงมาออกจากอกแม่ ขณะเสียงของลูกเรียกหาแม่และขอความ ช่วยเหลือ จนกระทั่งถูกโยนลงไปในหม้อน้ำมันที่เดือด เธอมองด้วยหัวใจที่สลาย กับเนื้อของลูกที่ละลาย กระดูกที่ขาวลอยขึ้นมาปะปนกับกระดูกของลูกชายคนโต มาซีเตาะฮฺ ยังคงยืนหยัดต่อศาสนาของเธอ มั่นใจต่อการพบพระเจ้าของเธอ ฟาโรห์ได้ทำเช่นนี้กับคนที่ 3-4 และก็ไม่ทำให้อีม่านของมาซีเตาะฮฺลดหย่อนไปเลย สายตาของเธอมองไปยังหม้อน้ำมันที่เดือด เนื้อหนังของลูกๆ ละลาย เสียงร้องให้สิ้นสุด เธอเพียงแต่ได้กลิ่นของเนื้อและเห็นกระดูกเล็กๆ ลอยเหนือน้ำมันที่เดือด
เธอคือแม่ที่มองกระดูกของลูกๆ ความจริงลูกๆ ของเธอจากเธอไปสู่อีกโลกหนึ่ง เธอร้องให้จนน้ำตาจะเป็นสายเลือด เพราะการจากไปของลูกๆ เธอสิ้นหวังแล้วจากการนำลูกสู่ทรวงอกของเธอ และให้นมจากทรวงอกของเธอและเธอหมดหวังแล้วจากการอดหลับอดนอนเมื่อลูกๆ ของเธอตื่น และสิ้นหวังแล้วที่จะร้องให้ จากการร้องให้ของลูกๆ ขณะนั้นลูกคนเล็กของเธอกำลังดื่มนมจากทรวงอกของเธอ ทหารของฟาโรห์ ที่ชั่วร้ายได้กระชากลูกของเธอออกจากทรวงอกเสียงร้องดังขึ้นจากเด็กที่ไร้เดียงสา และเสียงร้องอันเจ็บปวด
จากหญิงที่น่าสงสารที่หัวใจแตกสลาย
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้มีบัญชาให้เด็กน้อยพูดได้โดยเด็กน้อยกล่าวแก่ผู้เป็นแม่ว่า
يا اماه إصبر ي فانك على الحق
ความว่า : " โอ้แม่สุดที่รัก เธอจงอดทนเถิด แทัจริงเธออยู่บนสัจธรรมแล้ว "
เมื่อสิ้นสุดเสียงของลูกเธอ เธอก็เพียงแต่เห็นว่าลูกเธอคนเล็กถูกโยนไปในหม้อน้ำ มันที่เดือดเหมือนกับพี่น้อง ทั้งๆ ที่ในปากของลูกคนเล็กยังมีน้ำนมของเธออยู่ และในมือยังมีเส้นผมจากเส้นผมของเธอและคราบน้ำตาของลูกยังคงติดที่เสื้อผ้าของเธอ ลูกทั้ง 5 คนได้จากเธอไปแล้ว เธอผู้น่าสงสารมองไปยังกระดูกของลูกๆ ที่ลอยในน้ำมันประดุจดังวิญญาณ ของเธอที่กำลังจะล่องลอยออกจากเรือนร่าง เธอไม่สามารถแม้แต่เพียง เช็ดน้ำตาให้ลูกแม้แต่ครั้งเดียขณะเดียวกันเธอสามารถที่จะปกป้องลูกได้โดยการเพียงพูดเป็นประโยคสั้นเพียงประโยคเดียวให้ฟาโรห์ได้ยินว่า...เธอปฏิเสธอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แต่เธอก็ไม่กระทำ
เพราะเธอทราบดีว่า ณ. ที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) นั้นคือ ความดีตอบแทนและคงทนถาวรเวลาไม่ได้ผ่านไปนานเท่าใดเลย เหล่าทหารของฟาโรห์ได้จู่โจมและลากเธอเหมือนกับหมาบ้า เมื่อเหล่าทหารได้ลากเธอเพื่อจะโยนเธอไปในหม้อน้ำมันที่เดือด เธอได้มองไปยังกระดูกของลูกๆของเธอ เธอนึกได้ว่าเธอจะใช้ชีวิตพร้อมกับลูกๆ ของเธอในโลกหน้าแล้ว เธอได้เหลียวมองไปยังฟาโรห์ และกล่าวว่า....
โอ้ฟาโรห์ ข้ามีความปราถนาจากท่านฟาโรห์ได้ส่งเสียงอันดังว่า เธอต้องการอะไร ? มาซีเตาะฮฺ กล่าวว่า
ให้ท่านเอากระดูกของข้าพเจ้าและกระดูกของลูกๆ ข้าพเจ้ารวมกันและฝังมันในหลุมเดียวกันเธอปิดสองสายตาของเธอและถูกโยนลงในหม้อน้ำมันที่เดือด เนื้อหนังของเธอไหม้เกรียม กระดูกสีขาวลอยเหนือปากหม้อ
●● ความยืนหยัดของเธอช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินและผลบุญของเธอก็มากมาย
ท่านบี (ซ.ล.) ได้แลเห็นในคืนอิสรออฺเสี้ยวหนึ่งจากความผาสุขของนางมาซีเตาะฮฺ จึงได้เล่าให้บรรดาซอฮาบะฮฺฟังโดยมีบันทึกจากท่านบัยฮะกี ว่า
ความว่า : "เมื่อข้าพเจ้าได้ถูกนำพา(อิสรออฺ และเมี๊ยะรอจ) ได้มีกลิ่นหอมอบอวลผ่านมายังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ถามว่านี้คือกลิ่นอะไรกัน ? จึงมีคำตอบแก่ข้าพเจ้าว่า.. นี้คือกลิ่นหอมของนางมาซีเตาะฮฺและลูกๆ ของนาง "
ท่านพี่น้องร่วมศรัทธาที่รัก
ท่านจงเหน็ดเหนื่อยและอดทนในวันนี้ท่านจะได้พักผ่อนในวันพรุ้งนี้ แท้จริงชาวสวรรค์จะถูกล่าวแก่พวกเขาในวันกิยามะฮว่า
●●● ความว่า : ความสันติจงมีแด่ท่านเถิด เนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน มันชั่งดีเสียนี้กระไรกับที่พำนักบั้นปลายนี้
เครดิต สมชาติ กาวีเกต