ทำไมมุสลิมถึงห้ามเด็กๆ ออกนอกบ้านช่วงตะวันลับขอบฟ้า


9,405 ผู้ชม

ช่วงตะวันลับขอบฟ้า หรือเวลามักริบ คือเวลาของการละหมาดฟัรดู 3 รอกาอัต ในขณะแผ่นดินกำลังจะเปลี่ยนช่วงเวลาจากกลางวันไปสู่กลางคืน เมื่อเข้าเวลามักริบ ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ก็มักจะใช้ให้ลูกหลานเลิกเล่นและรีบกลับเข้าบ้านทันที


ทำไมมุสลิมถึงห้ามเด็กๆ ออกนอกบ้านช่วงตะวันลับขอบฟ้า 

ทำไมมุสลิมถึงห้ามเด็กๆ ออกนอกบ้านช่วงตะวันลับขอบฟ้า

ช่วงตะวันลับขอบฟ้า หรือเวลามักริบ คือเวลาของการละหมาดฟัรดู 3 รอกาอัต ในขณะแผ่นดินกำลังจะเปลี่ยนช่วงเวลาจากกลางวันไปสู่กลางคืน เมื่อเข้าเวลามักริบ ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ก็มักจะใช้ให้ลูกหลานเลิกเล่นและรีบกลับเข้าบ้านทันที

เพราะพวกเขามีความเชื่อว่า ในช่วงเวลามักริบนั้น ชัยตอนและญินกำลังเพ่นพล่านอยู่ตามสถานที่ต่างๆ และหลังจากมักริบพวกเขาถึงจะปล่อยให้ลูกหลานออกจากบ้านได้ ข้อห้ามนี้ได้ถูกห้ามกันมาตั้งแต่โบราณในอดีตกาลจากคนเฒ่าคนแก่จากรุ่นสู่รุ่น โดยที่เราหารู้ไม่ว่า ข้อห้ามเหล่านี้ แท้จริงแล้วได้มีระบุในฮาดีษของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ดังที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้กล่าวไว้ว่า
“ท่านทั้งหลายอย่าได้ปล่อยให้ลูกหลานของท่านอยู่นอกบ้านในขณะที่ดวงตะวันลับขอบฟ้าจนกระทั่งมืดเข้าสู่ยามค่ำคืน เพราะชัยตอนจะแตกเป็นเสี่ยง เมื่อดวงอาทิตย์จะตกจนกระทั่งมืดมิดของเวลากลางคืน” (รายงานโดย มุสลิม)

และท่านร่อซูลุลลอฮ์ยังได้กล่าวไว้ในซอเฮียะห์มุสลิมอีกว่า

“หากช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์จะตกและเริ่มมืด จงดูแลทารกน้อยให้ดี เพราะอิบลีสจะเริ่มการหลอกหลอนในช่วงเวลานั้น หากช่วงเวลาที่ช่วงเวลานั้นผ่านไป ก็จงปล่อยพวกเขา, จงใส่กลอนประตูบ้าน และกล่าวพระนามของอัลลอฮ์ เพราะชัยตอนไม่สามารถเปิดประตูที่ปิดไว้ได้ และจงปิดภาชนะใส่น้ำของท่านทั้งหลายให้สนิท และกล่าวพระนามของอัลลอฮ์ และจงปิดภาชนะอาหารของท่านทั้งหลายพร้อมกับกล่าวพระนามของอัลลอฮ์ แม้ว่าท่านต้องการได้สิ่งนั้นก็ตาม”
ท่าน ศ.ดร. Osly Rachman ได้เขียนไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า “The Science Of Solat” โดยท่านได้ชี้แจงไว้ว่า ในช่วงเวลามักริบ โลกจะเปลี่ยนเป็นแสงสเปกตรัมเป็นสีแดง

แสงนี้จะมีคลื่นรังสี EM (electromagnet) ซึ่งประกอบไปด้วย สเปคตรัมสีต่างๆ และในแต่ละสีของสเปคตรัม ก็จะมีพลังงานคลื่นความถี่ที่แตกต่างกัน โดยในช่วงเวลามักริบ หรือช่วงเวลาที่ดวงตะวันจะลับขอบฟ้านั้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสเปคตรัมคลื่นความถี่ ตามคลื่นความถี่ของอิบลีสและญิน นั่นก็คือ คลื่นความถี่ของสเปคตรัมสีแดง
ในช่วงเวลานี้ ญินและอิบลีส จะมีพลังงานมากเนื่องจากมีได้รับคลื่นความถี่ตรงตามสเปคตรัมของแสงสีแดง ดังนั้นในช่วงเวลามักริบจึงเกิดคลื่นความถี่ที่เป็นสัญญาณทับซ้อน จนบางครั้งอาจก่อให้เกิดภาพหลอนหรือภาพลวงตาได้ในช่วงเวลานั้น
ในอิสลาม, ช่วงเวลามักริบ คือช่วงเวลาที่ชัยตอนกำลังมาพร้อมกับความมืดกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เพื่อหาสถานที่พักพิงและหลบซ่อน เพราะมีชัยตอนบางตัว ก็จะเกิดความกลัวต่อความชั่วร้ายของชัยตอนตัวอื่น จนทำให้พวกมันต้องวิ่งหาสิ่งคุ้มกันหรือเกราะป้องกันพวกมันจากชัยตอนที่ร้ายกาจตัวอื่น
ดังนั้น พวกมันจึงได้คลื่นไหวด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ ชัยตอนบางตัวก็จะหลบซ่อนอยู่ในภาชนะที่ว่างเปล่า หลบซ่อนอยู่ในบ้านร้าง บางตัวก็จะหลบซ่อนอยู่กับกลุ่มคนที่นั่งกระจัดกระจายอยู่ในเวลานั้น
เฉพาะผู้ที่มีพลังความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะปลอดภัยจากการหลบซ่อนของชัยตอนในร่างกาย ดังนั้น ทารกและ เด็กๆที่ยังอ่อนแอ จึงง่ายต่อการที่อิบลีสชัยตอนจะเข้าหลบซ่อนในร่างกาย จึงทำให้เด็กที่ถูกรบกวนจากชัยตอนเกิดอาการต่างๆต่าง ไม่ว่าจะร้องไห้งองแงโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในช่วงเวลามักริบ เรายังถูกใช้ให้ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแมว, นก หรือในขณะขับรถ ก็ควรลดความเร็วลง เนื่องจากในเวลานั้น อาจจะมีสุนัขหรือสัตว์อื่นๆกำลังถูกชัยตอนเข้าสิง จนทำให้พวกมันวิ่งกระจัดกระจายด้วยความกลัว และเช่นกัน ก็ไม่ควรเดินอยู่ตามลำพัง หรือนั่งอยู่คนเดียวในสถานที่เปลี่ยว หรือขว้างปาก้อนหิน เข้าในห้องน้ำ หรือในสวน หรือในทะเล


ที่มา: มัอรูฟ ฮาญีกอซิม
https://islamhouse.muslimthaipost.com

อัพเดทล่าสุด