การอาบน้ำศพ(มัยยิด)นั้น ถือว่าเป็นฟัรดูกีฟายะห์ จำเป็นจะต้องมีคนๆหนึ่งจากชนกลุ่มนั้นปฎิบัติ เพื่อที่จะให้ปล่อยจากหูกุมวายิบดั่งกล่าว ถึงแม้นว่าศพนั้นจะตายในสภาพจมน้ำก็ตาม
การระลึกถึงความตาย ศาสนาส่งเสริม (สุนัต) ให้มนุษย์ทุกคนรำลึกถึงความตายมาก ๆ เพราะหะดีษที่ว่า
((أَكْثِرُوا مِنْ ذِكْرِ هَاذِمِ اللَّذَّاتِ )) رواه ابن حبان وغيره
“ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงสิ่งที่จะมาตัดความสุขต่าง ๆ ให้มากเถิด” กล่าวคือ สิ่งที่จะมาตัดความสุขนั้นหมายถึงความตายนั่นเอง บันทึกโดย อิบนุฮิบบานและท่านอื่น ๆ
คนต่างศาสนิก อาบน้ำให้ศพมุสลิม ใช้ได้หรือไม่? สงสัย
การอาบน้ำศพ(มัยยิด)นั้น ถือว่าเป็นฟัรดูกีฟายะห์ จำเป็นจะต้องมีคนๆหนึ่งจากชนกลุ่มนั้นปฎิบัติ เพื่อที่จะให้ปล่อยจากหูกุมวายิบดั่งกล่าว ถึงแม้นว่าศพนั้นจะตายในสภาพจมน้ำก็ตาม ก็จำเป็นจะต้องทำการอาบน้ำศพเช่นกัน หรือว่า มีใครสักคนเห็นว่ามีมาลาอิกะห์มาอาบน้ำให้ศพดังกล่าว ก็ถือว่ายังไม่ปล่อยฟัรดู กล่าวคือจำเป็นจะต้องอาบน้ำให้ศพนั้นใหม่
แต่ถ้าหากว่า ผู้ที่อาบน้ำให้ศพเป็นญิน ปัญหานี้นักวิชาการมีความเห็นต่างกัน สองทัศนะ คือ
ท่าน อิบนุ หาญัร อัลหัยตะมีย์ มีความเห็นว่า ใช้ไม่ได้
แต่ท่าน เชค รอมลีย์ มีความเห็นว่า ใช้ได้ และท่านเชคอิบนุกอเซ็ม อัลอุบบาดีย์ ก็กล่าวเช่นนี้ด้วย
ส่วนประเด็นคนกาเฟรอาบน้ำศพมุสลิมนั้นถือว่า ใช้ได้ ถ้าหากกาเฟรดังกล่าวได้อาบน้ำให้ศพอย่างถูกต้อง (ระดับขั้นต่ำๆ คือ อาบให้ทั่วร่างกาย) เพราะเป้าหมาย (คือการทำความสะอาด) ได้เกิดขึ้นแล้วด้วยกับการกระทำของคนกาเฟร ถึงแม้นว่าคนกาเฟรจะไม่มีคุณสมบัติต่อการเนียตก็ตาม เพราะการเหนียตของผู้อาบน้ำศพนั้น ไม่ได้เป็นเงื่อนไขแต่อย่างใด ตามทัศนะที่มีน้ำหนักที่สุด
อ้างอิง หาชียะตุ อิอานะตุฎฎอลิบีน เล่ม 2 หน้า 108 -109
ประพันธ์โดยท่าน ซัยยิด อบีบักร ถูกกล่าวขานเลื่องลือในนาม อัซซัยยิด อัลบักรีย์ บุตรของ อัซซัยยิดมุฮัมมัด ชาฎอ อัดดุมยาฎีย์ อัลมีซรีย์
islamhouse.muslimthaipost.com