บุรอก ความจริง กับ ภาพบิดเบือน บางคนอาจเคยเห็นรูปนี้ คือรูป ตัวเป็นม้า หัวเป็นคน(ผู้หญิง) และศาสนิก ออกมาโจมตีอิสลามว่า ตัวนี้หรือที่นบีขึ้นไปรับการละหมาด...
บุรอก ความจริงกับภาพบิดเบือน
บางคนอาจเคยเห็นรูปนี้ คือรูป “ ตัวเป็นม้า หัวเป็นคน(ผู้หญิง) ” และศาสนิก (ชาวพุทธและกลุ่มคนไม่มีศาสนา) ออกมาโจมตีอิสลามว่า ตัวนี้หรือที่นบีขึ้นไปรับการละหมาด
บุรอก ความจริงกับภาพบิดเบือน อยากบอกว่า บุรอกในความจริงกับจินตตนาการณ์(รูป)มันต่างกัน บุรอกไม่ใช่ผู้หญิง และไม่ใช่อย่างที่เห็นในรูป ควรระวังในเรื่องอะกีดะฮ์เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ซึ่งเราจะเห็นรูปนี้ ติดอยู่ตามผนังบ้านของมุสลิมหลายคน(ตั้งแต่เด็กๆ) ซึ่งถือว่ารูปเช่นนี้ไม่ควรที่จะมีไว้แปะผาผนังตามบ้านโดยเฉพาะมุสลิม เนื่องจาก...
1. ถือว่า ไม่มีหลักฐานว่ารูปร่างแบบนี้ หากไม่มีหลักฐานในเรื่องอะกีดะฮ์ ก็ไม่สามารถยึดถือเชื่อมันได้เพราะอาจำให้เพี้ยน หรือบิดเบือนในความเชื่อ(อะกีดะฮ์)ได้
2. แม้แต่รูปผีเสื้อที่ม่าน นบียังให้ภรรยาท่านเอาออกเลยนับประสาอะไรกับรูปแบบนี้
3. บุรอก คือ สัตว์ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างสีขาวและลำตัวยาวคล้ายกับม้า ลำตัวของมันจะใหญ่กว่าลา แต่จะเล็กกว่าล่อ “บุรอก” คือสัตว์เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางอิสรออฺและมิอฺรอจญ์ของท่านนบี
บุรอก ความจริงกับภาพบิดเบือน
บุรอก เป็นสัตว์ที่เคยเป็นพาหนะของนบีท่านก่อนๆมาแล้ว (ดู สีเราะฮฺอิบนุฮิชาม, เล่ม 1 หน้า 397, อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ, เล่ม 3 หน้า 109, ฟัตหุลบารีย์, เล่ม 7 หน้า 205) มันสามารถก้าวเท้าแต่ละก้าวได้ไกลจนสุดสายตา (เศาะหีหฺอัลบุคอรีย์ เล่ม 4 หน้า 248, เล่ม 8 หน้า 207, เศาะหีหฺมุสลิม, เล่ม 1 หน้า 147)
บุรอก มาปรากฏตัวในสภาพที่มีพร้อมทั้งอานนั่งและสายบังเหียน ตอนแรกมันแสดงอาการพยศและลำบากในการขับขี่ ดังนั้นญิบรีลจึงกล่าวแก่มันว่า “บุรอกเอ๋ย! ทำไมเจ้าจึงเป็นอย่างนี้? ข้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า แท้จริงยังไม่เคยมีมัคลูกท่านใดขับขี่เจ้าที่จะมีเกียรติในทัศนะของอัลลอฮ์ยิ่งไปกว่าเขาผู้นี้” หลังจากนั้นมันจึงเชื่องลง
(ดู มุสนัดอะหมัด, เล่ม 3 หน้า 164, สุนันอัตติรมิซีย์, เลขที่ 5138, เป็นหะดีษหะสัน เฆาะรีบ และอิบนุหิบบานถือว่าเป็นหะดีษที่เศาะหีหฺ)
4. หลักฐานเกี่ยวกับบุรอกในหะดีษมีบอกกล่าวแค่ดังนี้
จากอะนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ แท้จริงท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« أُتِيتُ بِالْبُرَاقِ وَهُوَ دَابَّةٌ أَبْيَضُ طَوِيلٌ فَوْقَ الْحِمَارِ وَدُونَ الْبَغْلِ يَضَعُ حَافِرَهُ عِنْدَ مُنْتَهَى طَرْفِهِ قَالَ فَرَكِبْتُهُ حَتَّى أَتَيْتُ بَيْتَ الْمَقْدِسِ قَالَ فَرَبَطْتُهُ بِالْحَلْقَةِ الَّتِي يَرْبِطُ بِهِ الْأَنْبِيَاءُ قَالَ ثُمَّ دَخَلْتُ الْمَسْجِدَ فَصَلَّيْتُ فِيهِ رَكْعَتَيْنِ ثُمَّ خَرَجْتُ فَجَاءَنِي جِبْرِيلُ عَلَيْهِ السَّلَام بِإِنَاءٍ مِنْ خَمْرٍ وَإِنَاءٍ مِنْ لَبَنٍ فَاخْتَرْتُ اللَّبَنَ فَقَالَ جِبْرِيلُ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ اخْتَرْتَ الْفِطْرَةَ ثُمَّ عَرَجَ بِنَا إِلَى السَّمَاءِ فَاسْتَفْتَحَ جِبْرِيلُ فَقِيلَ مَنْ أَنْتَ قَالَ جِبْرِيلُ قِيلَ وَمَنْ مَعَكَ قَالَ مُحَمَّدٌ قِيلَ وَقَدْ بُعِثَ إِلَيْهِ قَالَ قَدْ بُعِثَ إِلَيْهِ فَفُتِحَ لَنَا فَإِذَا أَنَا بِآدَمَ فَرَحَّبَ بِي وَدَعَا لِي بِخَيْرٍ ثُمَّ عَرَجَ بِنَا إِلَى السَّمَاءِ الثَّانِيَةِ ............ قَدْ رَجَعْتُ إِلَى رَبِّي حَتَّى اسْتَحْيَيْتُ مِنْهُ ». متفق عليه
ความว่า “ญิบรีลได้นำบุรอกมาให้ฉัน บุรอกเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง สีขาว มีลำตัวยาวกว่าลาแต่สั้นกว่าล่อ มันสามารถกระโดดได้ไกล ฉันได้ขี่สัตว์ดังกล่าวไปถึงบัยตุลมักดิส และได้ผูกไว้กับหลักซึ่งบรรดานบีเคยใช้เป็นหลักผูกพาหนะของตน ฉันได้เข้าไปในมัสยิดและละหมาดสองร็อกอะฮฺเสร็จแล้วฉันได้ออกจากมัสยิด ญิบรีลได้นำภาชนะสองใบมาให้ฉันเลือก ใบหนึ่งบรรจุสุราและอีกใบหนึ่งบรรจุน้ำนมฉันได้เลือกใบที่บรรจุน้ำนม ญิบรีลกล่าวว่า ท่านเลือกสิ่งที่บริสุทธิ์
หลังจากนั้นฉันถูกนำไปสู่ฟ้า ญิบรีลได้เรียกให้เปิดประตู ได้มีผู้ถามว่า ท่านเป็นใคร ญิบรีลตอบว่า ฉันคือญิบรีล มีคำถามอีกว่า ที่มากับท่านนั้นเป็นใคร ญิบรีลตอบว่า มุฮัมหมัด มีคำถามอีกว่า แล้วเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นเราะซูลหรือยัง ญิบรีลตอบว่า เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นเราะซูลแล้ว จากนั้นประตูจึงเปิดให้กับเรา เมื่อเขาไปฉันได้พบกับนบีอาดัม ท่านได้กล่าวต้อนรับฉันและขอดุอาอ์เพื่อให้ฉันประสบแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วฉันขึ้นไปยังฟ้าชั้นสอง ท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า "ฉันได้กลับไปยังพระผู้อภิบาลของฉันจนกระทั่งละอายต่อพระองค์เสียแล้ว"
(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ : 7517 และมุสลิม : 162) / หะดีษจริงยาวกว่านี้
สรุป คือ ไม่ใช่ดั่งที่รูปวาดไว้ และบุรอกไม่ใช่เพศหญิงหรือมีหัวเป็นคน เพราะไม่มีปรากฏเช่นนั้น ส่วนรูปคือจินตนาการณ์ที่บิดเบือน
เครดิต: อาบู อับดุลบัร
เพิ่มเติม
อัลอิสร็ออฺและอัลมิอร็อจญ์
ประวัติศาสตร์ของอัลอิสร็ออและอัลมิอร็อจญ์ ได้เกิดขึ้นกับท่านนบี หลังจากที่ อบีฏอลิบ ผู้เป็นลุง และค่อดียะฮ์ รอฎิยัลลอฮู่อันฮา ผู้เป็นภรรยา ได้เสียชีวิตแล้ว ผลสืบเนื่องต่อการจากไปของลุงและภรรยาของท่านนบี คือบรรดามุชริกีนได้ทวีความรุนแรงในการ่อต้านท่าน การอัลอิสร็ออและอัลมิอร็อจญ์ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้ท่านนะบี มีความแข้มแข็งและมีความอดทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอสรุปสิ่งที่เป็นปฏิหาริย์นี้ว่า แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงให้นะบี ของพระองค์เดินทางในเวลากลางคืน จากมัสญิดอัลฮะรอมที่นครมักกะฮ์ไปยังมัสญิดอัลอักซอ ที่ประเทศปาเลสไตน์ โดยมีสัตว์เป็นพาหนะชื่อว่า “อัลบุรอก” ซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้ท่านนบี และจากมัสญิดอักซอ ท่านได้ถูกนำขึ้นสู่ฟากฟ้าทั้งเจ็ดชั้น
และท่านนบีได้พบปะกับบรรดานบี อะลัยฮิมุสลาม ที่ชั้นฟ้านั้นๆด้วย และได้เห็น “ซิดร่อตุลมุนตะฮา” (ชื่อต้นไม้ต้นหนึ่ง) และได้เห็นสภาพต่างๆที่เป็นความสุขในสวนสวรรค์ที่พระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงจัดเตรียมไว้ให้แก่ชาวสวรรค์ และเช่นเดียวกันท่านร่อซูล ได้เห็นสภาพต่างๆในนรกที่มีผู้ถูกทรมานในนั้นอีกด้วย และที่นั่นการละหมาดทั้งห้าเวลาได้ถูกกำหนดขึ้น หลังจากนั้น ท่านนบี ได้ลงมายัง “บัยติลมักดิส” และท่านได้ละหมาดที่นั่นกับบรรดานบี ทั้งหลาย และท่านจึงกลับไปยังนครมักกะฮ์
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อถึงเวลาเช้าท่านได้เล่าถึงการเดินทางให้พวกกุเรซที่ปฏิเสธศรัทธาฟัง พวกเขากลับยิ่งทวีความรังเกียจ โดยอ้างว่าต้องการหลักฐานที่สัมผัสได้(มองเห็น) ท่านร่อซูล จึงได้เล่าถึงลักษณะของมัสญิดอัลอักซอให้แก่พวกเขาฟัง พวกเขารู้ดีว่าท่านนบี ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน และในหมู่ของพวกเขามีผู้ที่เคยไปมัสญิดอัลอักซอ พวกนั้นต่างยอมรับว่าทุกสิ่งเป็นจริงตามที่ท่านร่อซูล ได้บอกกล่าวถึงลักษณะต่างๆให้ฟัง
ในทำนองเดียวกัน ท่านได้เล่าให้พวกเขาฟังถึงสิ่งที่ท่านพบเห็นตามหนทางที่กองคาราวานสินค้าที่มุ่งมาจากประเทศชาม ขณะที่ท่านได้พบเห็นพวกเขาในระหว่างเดินทางและท่านก็ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองคาราวานนั้น เมื่อกองคาราวานสินค้ามาถึง พวกเขาได้สอบถามผู้ที่มากับกองคาราวานนั้น พวกที่เดินทางมาต่างก็ตอบว่าเป็นเรื่องจริง แต่ทว่าบรรดาผู้ที่ปฏิเสธก็ไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ท่านร่อซูล ได้บอกกล่าว
ที่มา: islamhouse.com