ประชาชาติที่ไม่กินหมู


10,183 ผู้ชม

ไม่เพียงแต่มุสลิมเท่านั้นที่ถูกห้ามในการบริโภคสุกร แต่ยังมีข้อห้ามในการบริโภคสุกรในบทบัญีติของศาสนาต่างดังนี้


ประชาชาติที่ไม่กินหมู

นอกเหนือจากอิสลามที่ไม่กินหมูแล้ว ยังมีศาสนาอื่นที่ห้ามกินเนื้อหมูอีกไหม?

ไม่เพียงแต่มุสลิมเท่านั้นที่ถูกห้ามในการบริโภคสุกร แต่ยังมีข้อห้ามในการบริโภคสุกรในบทบัญีติของศาสนาต่างดังนี้

ศาสนาฮินดู 

ผู้นับถือศาสนาฮินดูถูกห้ามกินเนื้อหมูด้วยเช่นกัน คนฮินดไม่สามารถบอกได้ว่าตรงไหนของคัมภีร์ที่ห้ามกินหมู คนในวรรณะจัณฑาลของอินเดียจะไม่เลือกกินอาหาร แต่คนในวรรณะอื่นถือว่าการกินเนื้อหมูเป็นเรื่องน่าอาย ความจริงแล้ว คนฮินดูทุกคนจะเป็นนักมังสวิรัติโดยเฉพาะวรรณะพราหมณ์ 

อย่างไรก็ตาม ได้พบบันทึกต่อไปนี้ในคัมภีร์ษุกัลเปียมของชาวฮินดู บทที่ 163 ที่กล่าวว่า 

"วันหนึ่งเมื่อมาณิกาวัสสะกามกราบไหว้พระศิวะแล้ว เขาก็ได้เอาเนื้อหมูป่าที่เพิ่งล่ามาใหม่ ๆ มาถวายพระศิวะ ทันใดนั้น เขาก็เห็นเลือดซึมออกมาจากดวงตาของรูปปั้นพระศิวะ หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงกล่าวว่า "เจ้าผู้ที่กินเนื้อได้ทำบาป" นี่คือ ทั้งหมดที่ข้าพเจ้าอ้างเกี่ยวกับเรื่องการกินเนื้อหมูชองชาวฮินดู

เกี่ยวกับเรื่องการห้ามกินเนื้อวัวนั้น ผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนได้กล่าวว่าไม่มีคัมภีร์ฮินดูเล่มใดที่อ้างอิงถึงเรื่องนี้ มันเป็นเพียงขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาโดยผู้คนตั้งแต่ยุคก่อน

ดังที่กล่าวมาแล้ว ผู้ที่ไม่บริโภคสุกรหรือไม่กินหมูนั้นหาใช่แขกตามที่เข้าใจผิดๆ กันแต่ประการใดไม่ หากแต่เป็น “มุสลิม” อันหมายถึงผู้ที่ศรัทธา-นับถือในระบอบศาสนาอิสลาม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นชาติใด-เผ่าพันธุ์ใดก็ตาม เมื่อเขาเป็นมุสลิมเขาก็ต้อง งดเว้นในการบริโภคสุกรหรือกินหมูตามบัญญัติที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ อัล-กุรอ่าน 

ศาสนายูดาย และศาสนาคริสต์

่ชาวยิวและชาวคริสต์ก็ได้ถูกห้ามไว้เช่นกันดังปรากฏจากพระคัมภีร์ไบเบิลทั้งฉบับเดิมและฉบับใหม่ดังนี้ 

11: 7-8 : และตัวหมู เพราะหมูมีกีบแยกออกเป็นสองแต่บดเอื้องไม่ได้ก็เป็นสัตว์ไม่สะอาดแก่ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าได้กินหรือถูกต้องสัตว์เหล่านี้เลย เป็นสัตว์ไม่สะอาดแก่ท่านทั้งหลาย 
ในพระคริสต์ธรรมใหม่ฉบับขององค์การเดียวกันนี้ “มาระโก” 5 หน้า 103 (พระเยชูทรงขับผีโสโครกออก) ปรากฏในบัญญัติ 

11-13 มีใจความว่าเหล่าปิศาจร้ายวอนจากพระเยชูให้มันได้สิงสู่อยู่ในเรือนร่างของหมูแทนการอัปเปหิออกจากเมืองไป ซึ่งพระเยชูก็อนุมัติ ดังนั้น-หมูจึงเป็นรูปกายที่มีวิญญาณร้ายครองอยู่ ย่อมเป็นพิษ-เป็นภัยแก่ผู้คลุกคลีและบริโภคมัน หมูจึงเป็นสัตว์ต้องห้ามของชาวคริสต์ 

อาจมีข้อแตกต่างที่สามารถมองเห็นได้ชัดอยู่ประการหนึ่ง นั้นคือ ทั้งชาวคริสต์และมุสลิมซึ่งต่างก็ถูกห้ามกินหมูโดยคัมภีร์ที่ประชาชาติทั้งสองต่างศรัทธา-ยึดมั่นเท่าเทียมกัน เหตุไฉนชาวคริสต์จึงยังมีการกินหมูกันอยู่ ในขณะที่มุสลิมงดเว้นตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด เป็นเพราะมุสลิมงมงายต่อคัมภีร์จนเลยเถิดกระนั้นหรือ? หามิได้ ! ในการคลี่คลายกรณีผิดแผกกันในเรื่องนี้อยากจะหยิบยกเอากฎหมายของบ้านเมืองมาเป็น อาทิ เพราะการที่ประชากรสองคนหรือสองกลุ่มมีการปฏิบัติไม่ตรงกันในตัวบทกฎหมายในลักษณะเดียวกัน โดยฝ่ายหนึ่งละเมิดต่อกฎหมาย แต่อีกฝ่ายหนึ่งประพฤติ-ปฏิบัติไปตามตัวบทกฎหมาย ไม่มีคนสติครบสมบูรณ์คนใดมีความเห็นว่าฝ่ายหลังงมงายต่อกฎหมาย ส่วนฝ่ายใดจะตกอยู่ในสภาพใดนั้นขอให้วิจารณญาณชี้ชัดเอาเองเถิด 

อุปมาฉันใด-ก็อุปไมฉันนั้น ไม่ต้องรอคำตอบจากสวรรค์ไม่ว่าชั้นใด เชื่อว่าคงเป็นที่เข้าใจกันอยู่แก่ใจแล้วเป็นอย่างดี การที่มุสลิมยึดมั่นต่อพระบัญชาของพระผู้อภิบาลหรือพระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระนามว่า อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะ ตะอาลา (อัลลอฮฺ สุบหฺฯ) อย่างเคร่งครัดคงเส้น-คงวา และมั่นคงนั้นเห็นจะเป็นเพราะหลักเบื้องต้นของความศรัทธาคือ คำปฏิญาณของการเป็นมุสลิม ที่ว่า 

คำอ่าน : อัชฮาดุ อัน ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ วะอัชฮะดุ อันนะมุฮัมมะดัรฺ-เราะสูลุลลอฮฺ 

แปลว่า : ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และฉันขอปฏิญาณว่า (นบี)มุหัมมัดเป็นผู้สื่อ (เราะสูล) ของอัลลอฮฺ 

เมื่อมุสลิมปฏิเสธพระเจ้าจอมปลอมอื่นๆหมดเกลี้ยงเสียก่อน ก่อนที่จะยอมรับการเป็นพระเจ้าอย่างเที่ยงแท้ เพียงพระองค์เดียว “อัลลอฮฺ” (ชาวคริสต์เรียกนามพระองค์ว่า “ยะโฮวา”) การศรัทธา (อีม่าน) ต่อพระองค์จึงเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และจริงจังอันใดเป็นพระบัญชาห้าม-ใช้ของพระองค์ มุสลิมย่อม ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วยสำนึกอันนอบน้อม

ดังกล่าวนี้อง ได้สืบสัมพันธ์มายังคำปฏิญาณช่วงหลัง ดังนั้น-วจนะและจริยวัตรของท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลฯ. จึงเป็นสิ่งที่มุสลิมยึดมั่นปฏิบัติตามอย่างจริงจังด้วยความสมัครใจดังกล่าวบัญญัติอันเป็นหลักการของอิสลาม จึงไม่มีวันเป็นหมันหรือมีสภาพตายซากโดยขาดการแยแสในการยึดถือปฏิบัติจากมุสลิมผู้มีสำนึกในความเป็นมุสลิมอย่างครบถ้วนและถูกต้อง

และบัดนี้เราได้ทราบแล้วว่าประชาชาติที่ไม่กินหมูตามหลักสรณะอันเป็นธรรมนูญประจำชีวิตนั้นมิใช่มีแต่มุสลิมเท่านั้น เพระแม้แต่ชาวคริสต์แล้วชาวฮินดูวรรณะสูงๆ ชาวจีนที่เชื่อลัทธิขงจื๊อ และชาวโซโรแอสเทรียนก็ไม่กินหมู สำหรับชาวพุทธนั้นไม่พูดถึงเพราะการปรินิพานของพระพุทธองค์เนื่องจากการฉันท์เนื้อสุกรนั้น แม้ว่านักปราชญ์ชาวพุทธบางท่านจะมีทัศนะว่า สุกรที่ว่า“ปาณาปาติบาตร”นั้นเป็นเรื่องที่ชาวพุทธจะได้ใคร่ครวญกันเอง กระนั้นก็ดีสมควรที่เราจะได้ทำความรู้จักกับ “หมู” หรือ “สุกร”

ให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะก้าวไปสู่ปัญหาที่ต้องการทราบ

ข้อมูลอ้างอิง: เรื่อง สาเหตุที่มุสลิมไม่กินหมู ตอน ประชาชาติที่ไม่กินหมู 

ดาบแห่งอัลเลาะห์ แอนตี้ไซออนิสต์

อัพเดทล่าสุด