อัลลอฮฺ ตะอาลา พระเจ้าองค์เดียว นบีทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่นบีอาดัมเป็นต้นมา ได้บอกให้ผู้คนในสมัยของท่านได้รู้ว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา...
อัลลอฮฺ ตะอาลา พระเจ้าองค์เดียว
"อัลลอฮฺ" الله Allah เป็นคำภาษาอาหรับที่มีลักษณะแปลกไปจากคำอื่นๆ ในภาษาอาหรับ คำนี้เป็นเอกพจน์ตลอดกาล ไม่มีพหูพจน์และไม่มีเพศ ในขณะที่คำอื่นๆจะมีพจน์และเพศอยู่ในตัว ถึงแม้คนอาหรับสมัยก่อนอิสลามจะมีเทวรูปสักการะ(อิลาฮฺ) จำนวนนับหลายร้อยชิ้น แต่ก็ไม่มีเทวรูปองค์ไหนที่พวกอาหรับเรียกว่า"อัลลอฮฺ"
นบีทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่นบีอาดัมเป็นต้นมา ได้บอกให้ผู้คนในสมัยของท่านได้รู้ว่าอัลลอฮฺ ตะอาลา คือพระเจ้าสูงสุดที่แท้จริงแต่เพียงพระองค์เดียวที่พวกเขาจะต้องเคารพสักการะ แต่พอสิ้นสมัยของแต่ละนบี ผู้คนก็อุปโลกน์สิ่งอื่นๆขึ้นมาเป็นสื่อติดต่อกับอัลลอฮฺ ตะอาลา อีก และด้วยความหลงผิดนานวันเข้ามนุษย์ก็ตั้งสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาเป็นพระเจ้า และเคารพสิ่งนั้นแทนพระองค์ คัมภีร์อัลกุรอานบอกให้เราทราบว่า ในยามที่เป็นปกติสุข คนอาหรับก่อนหน้าอิสลามจะเคารพบูชาวิงวอนขอความช่วยเหลือต่อบรรดาเทวรูปทั้งหลาย แต่พออยู่ในภาวะวิกฤตจวนเจียนจะตาย พวกเขาจะวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺตะอาลา ดังอัลกุรอานความว่า
10:22 "พระองค์ผู้ทรงให้พวกท่านเดินทางโดยทางบกและทางทะเลจนกระทั่งเมื่อพวกท่านอยู่ในเรือและมันได้นำพวกเขาแล่นไปด้วยลมที่ดี และพวกเขาดีใจกับมัน ทันใดนั้นลมพายุได้พัดกระหน่ำและคลื่นก็ชัดเข้ามายังพวกเขาจากทุกด้าน และพวกเขาคิดว่า แท้จริงพวกเขาถูกล้อมด้วยสิ่งเหล่านี้ พวกเขาจึงวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ว่า หากพระองค์ทรงให้พวกเราพ้นจากภยันตรายนี้ โดยแน่นอนยิ่ง พวกเราจะอยู่ในหมู่ผู้กตัญญูทั้งหลาย"
6:41 "มิได้ เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกท่านจะวิงวอนขอ แล้วพระองค์ก็จะทรงปลดเปลื้องสิ่งที่พวกท่านวิงวอนให้ช่วยเหลือ หากพระองค์ทรงประสงค์และพวกเจ้าก็จะลืมสิ่งที่พวกเจ้าให้มีภาคีขึ้น (ในขณะที่พวกเจ้าอยู่ในภาวะคับขันนั้น พวกเจ้าจะลืมสิ่งที่พวกเจ้าให้มีภาคีขึ้น แต่เมื่อปลอดภัยแล้วก็ให้มีภาคีแก่อัลลอฮฺ ตะอาลา ดังเดิมอีก)"
6:63 "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า ใครเล่าจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากบรรดาความมืดของทางบก (ในเวลาค่ำคืนเดือนมืด ขณะหลงทาง) และทางทะเล(ในขณะที่มีมรสุมอันรุนแรง หรือในยามค่ำคืนอันมืดมิด โดยที่ไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปทางทิศใด โดยที่พวกเจ้าวิงวอนขอต่อเขาด้วยความนอบน้อม และแผ่วเบาว่าถ้าหากพระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากสิ่งนี้แล้ว แน่นอนพวกข้าพระองค์ก็จะเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้กตัญญูรู้คุณ"
อัลลอฮฺ ตะอาลา จะทรงให้ทุกคนกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
36:79 "จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด พระผู้ทรงให้กำเนิดมันครั้งแรกนั้น ย่อมจะทรงให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีก และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้การบังเกิดทุกสิ่ง (มุฮัมมัด จงตอบกาฟิรผู้นี้และพวกกุฟฟารทั้งหลายว่า พระองค์ทรงสร้างมันจากไม่มีอะไรเลย และทรงประดิษฐ์มันเป็นครั้งแรกจากไม่มีอะไรเลย ดังนั้นผู้ที่ทรงให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก แน่นอนพระองค์ทรงสามารถจะให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากตายไปแล้ว)"
16:38 "และพวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮฺ ด้วยการสาบานอย่างแข็งขันว่าอัลลอฮฺจะไม่ทรงให้ผู้ตายฟื้นขึ้นมาอีก มิใช่เช่นนั้น สัญญานั้นย่อมเป็นจริงแก่พระองค์เสมอ (คือพระองค์จะทรงให้พวกเขากลับพื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน) แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้"
การหลงผิดของมนุษย์ด้วยการปฏิเสธความเมตตาของพระเจ้า
6:137 "และในทำนองนั้นแหละ บรรดาภาคีของพวกเขา (หมายถึง พวกญินที่พวกเขาให้เป็นภาคีแก่อัลลอฮ) นั้น ได้ทำให้สวยงามแก่จำนวนมากมายในหมู่มุชริกีน ซึ่งการฆ่าลูกๆ ของพวกเขาเพื่อที่จะทำลายพวกเขา และเพื่อที่จะให้สับสนแก่พวกเขาซึ่งศาสนา (หมายถึง แนวทางของพวกเขาที่เคยปฏิบัติกันมาในอดีต นั่นคือการเอ็นดูเมตตาแก่ลูกๆ มิใช่ฆ่าลูกๆ เพราะกลัวความจน) ของพวกเขา และแม้ว่าอัลลอฮฺประสงค์ (คือประสงค์มิให้พวกเขาทำโดยใช้อำนาจบังคับ แต่ที่พระองค์ทรงปล่อยให้พวกเขาทำกันนั้นเนื่องจากพระองค์ทรงให้อิสระแก่มนุษย์ที่จะทำอะไรได้ตามความต้องการ แต่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาได้กระทำ) แล้วพวกเขาย่อมไม่กระทำมัน เจ้า (หมายถึงนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม)จงปล่อยพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาอุปโลกน์ความเท็จกันเถิด"
เมื่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เผยแผ่อิสลาม สิ่งแรกที่ท่านปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ ตะอาลาเหมือนกับที่นบีคนก่อนๆ ได้ปฏิบัติก็คือ การประกาศแก่ผู้คนทั่วไปว่า "ไม่มีพระเจ้า (อิลาฮฺอื่นใดที่คู่ควรแก่การเคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺ ตะอาลา" คำประกาศดังกล่าวสร้างความเคียดแค้นให้แก่ชาวอาหรับในมักกะฮฺเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศออกไปนั้นเป็นการทำลายความเชื่อของผู้คนที่สืบทอดกันมา และเป็นการทำลายรากฐานวิถีการดำรงชีวิตของพวกเขาทั้งหมด
นอกจากนั้นแล้ว พวกอาหรับในเวลานั้นก็ไม่เข้าใจว่า อัลลอฮฺ ตะอาลามีลักษณะรูปร่างอย่างไร เพราะนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม เองก็ไม่สามารถนำร่างของอัลลอฮ ตะอาลา มาตั้งแสดงให้เห็นเหมือนกับเทวรูปที่คนเหล่านั้นสักการบูชาได้ ขณะเดียวกัน ชาวคัมภีร์บางกลุ่มก็เข้าใจผิดคิดว่า อัลลอฮฺ ตะอาลา เป็นพระเจ้าหนึ่งในสามตามหลักความเชื่อในตรีเอกานุภาพ และเข้าใจพระองค์อย่างผิดๆ อีกในหลายเรื่อง ด้วยเหตุนี้ อัลกุรอานจึงได้บอกถึงคุณลักษณะต่างๆ ของ อัลลอฮ ตะอาลา (ศิฟาตุลลอฮ ไว้มากมาย โดยท่านนบีได้ชี้ให้คนเหล่านั้นพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติรอบตัว และที่อยู่ในตัวของเขาเองเป็นข้อพิสูจน์ ดังอัลกุรอานความว่า
112:4 "และไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ (ไม่มีผู้ใดหรือสิ่งใดเสมอเหมือนหรือเทียบเท่ากับพระองค์ ไม่ว่ารูปร่างหรือคุณลักษณะ หรือการกระทำของพระองค์อิบนุกะชีรกล่าวว่า และทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้น จะมีผู้ใดหรือสิ่งใดที่พระองค์ทรงสร้างเสมอเหมือนหรือเทียบเท่ากับพระองค์ได้อย่างไร "ไม่มีสิ่งใดมาเป็นภาคีหรือหุ้นส่วนร่วมกับพระองค์"
6:164 "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ที่ฉันจะแสวงหาพระเจ้าทั้งๆ ที่พระองค์นั้นเป็นพระเจ้าของทุกสิ่ง และแต่ละชีวิตนั้นจะไม่แสวงหาสิ่งใด นอกจากจะเป็นภาระแก่ชีวิตนั้นเองเท่านั้น และไม่มีผู้แบกภาระคนใดจะแบกภาระของผู้อื่นได้ แล้วยังพระเจ้าของพวกเจ้านั้น คือการกลับไปของพวกเจ้านั้น แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน"
10:31 "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่มาจากฟากฟ้าและแผ่นดินแก่พวกท่าน (ชัยยิด กุฎบ ได้กล่าวไว้ในหนังสือตัฟซีร "ฟีชิลาลิลกุรอาน" เกี่ยวกับอายะฮฺนี้ไว้ว่า "มนุษย์ยังค้นคว้าต่อไปตราบใดที่พวกเขาพบช่องทางที่จะนำไปสู่กฎเกณฑ์ของจักรวาล ในเรื่องของรีซกีหรือปัจจัยยังชีพทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน บางครั้งก็นำเอาไปใช้ในทางที่ดีมีประโยชน์ ทั้งนี้ เนื่องจากริซกีของอัลลอฮฺนั้นย่อมนำไปเป็นประโยชน์ได้ทุกอย่างสำหรับมนุษย์ จะเห็นได้ว่าบนแผ่นดินหรือใต้พื้นดินก็ดี หรือบนพื้นน้ำก็ดี หรือใต้พื้นน้ำก็ดี หรือจากรัศมีของดวงอาทิตย์ หรือจากแสงจันทร์ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นริชกีของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ้นแม้กระทั่งการเน่าเปื่อยของแผ่นดิน วิทยาการก็ยังนำเอาไปค้นคว้าเพื่อที่จะนำเอามาเป็นยารักษาโรค และยาสำหรับแก้ยาพิษ) หรือใครเป็นเจ้าของการได้ยินและการมอง และใครเป็นผู้ให้มีชีวิตหลังจากการตาย และเป็นผู้ให้ตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเป็นผู้บริหารกิจการ แล้วพวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺ ดังนั้น จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พวกท่านไม่ยำเกรงหรือ"
10:32 "นั่นแหละอัลลอฮฺ พระเจ้าที่แท้จริงของพวกท่าน ฉะนั้นหลังจากความจริงแล้วจะมีอะไรอีกเล่านอกจากความหลงผิดเท่านั้น (เป็นคำถามเชิงปฏิเสธคือหลังจากจริงก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว นอกจากการหลงผิดและความเท็จเท่านั้น) แล้วทำไมเล่าพวกท่านจึงถูกให้หันเหออกไปอีก (คือทำไมพวกท่านจึงหันเหออกไปจากการเคารพหลักการ อัลลอฮฺ ตะอาลา เล่าว่า โดยไปเคารพสักการะผู้ที่มิได้ให้บังเกิด มิได้ให้ปัจจัยยังชีพ มิได้ให้มีชีวิต และมิได้ให้ตาย)"
10:33 "เช่นนั้นแหละ ลิขิตของพระเจ้าของเจ้าย่อมเป็นจริงแก่บรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนว่า แน่แท้พวกเขาจะไม่ศรัทธา"
10:34 "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) มีใครบ้างในหมู่ภาคีของพวกท่าน ที่เป็นผู้เริ่มแรกในการให้บังเกิดแล้วให้มันบังเกิดอีก จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) อัลลอฮฺทรงเริ่มแรกในการให้บังเกิดแล้วทรงให้มันบังเกิดอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ทำไมพวกท่านจึงหันเหออกจากความจริงไป (สู่ความเท็จ) เล่า"
10:35 "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) มีใครบ้างในหมู่ภาคีของพวกท่าน เป็นผู้ชี้แนะทางสู่สัจธรรม จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) อัลลอฮฺทรงชี้นำทางสู่สัจธรรม ดังนั้นผู้ที่ชี้แนะทางสู่สัจธรรมสมควรกว่าที่จะได้รับการปฏิบัติตาม (อิบาดะอ) หรือว่าผู้ที่ไม่อาจจะชี้แนะผู้อื่นได้ เว้นแต่จะถูกชี้แนะ ทำไมพวกท่านจึงตัดสินใจเช่นนั้น"
เนื่องจากความเชื่อในอัลลอฮฺ ตะอาลา ว่าทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวถือเป็นแกนหลักของอิสลาม ดังนั้นภารกิจสำคัญของทุกนบี คือการเรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ให้เคารพสักการะและเชื่อฟังพระองค์ ดังนั้น คัมภีร์อัลกุรอานจึงได้กล่าวถึงคุณลักษณะของอัลลอฮ ตะอาลา ไว้มากมาย ทั้งนี้ ก็เพื่อที่จะบอกให้มนุษย์ได้รู้ว่า พระเจ้าที่แท้จริงจะต้องมีคุณสมบัติคือ ทรงเอกะ เป็นหนึ่งเดียว ทรงเป็นที่พึ่งเสมอ พระองค์ไม่ทรงมีบุตร และพระองค์มิได้ถูกบังเกิด ไม่มีสิ่งใดจะเสมอเหมือนหรือเทียบเท่าพระองค์ หากสิ่งใดหรือผู้ใดไม่มีคุณลักษณะดังกล่าวหรือมีไม่ครบ สิ่งนั้นหรือผู้นั้นก็มิใช่พระเจ้าที่มนุษย์จะต้องเคารพสักการบูชาหรือยอมตาม
การรู้จักคุณลักษณะของอัลลอฮฺ ตะอาลา จะทำให้มนุษย์ได้รู้จักว่า ใครคือพระเจ้าที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้มนุษย์เคารพสักการะพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง คัมภีร์อัลกุรอานหลายตอนได้กล่าวว่า ความวิบัติหายนะของหมู่ชนก่อนหน้าสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น เกิดจากการที่หมู่ซนเหล่านั้นยึดสิ่งอื่นเป็นพระเจ้าแทนอัลลอฮฺ ตะอาลา แต่สิ่งเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะให้ทางนำในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องแก่พวกเขาได้ ดังนั้น เมื่อมนุษย์ดำเนินไปในทางที่ผิด มนุษย์จึงหลงทางและถูกทำลายในที่สุด
99 พระนามอันวิจิตรซึ่งเป็นคุณลักษณะของอัลลอฮฺตะอาลา
1. อัรเราะฮฺมาน ผู้ทรงกรุณา
2. อัรร่อฮีม ผู้ทรงเมตตา
3. อัลมาลิก ผู้ทรงอำนาจยิ่ง
4. อัลกุดดูส ผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง
5. อัสสะลาม ผู้ทรงสันติ (ศานติ)
6. อัลมุอุมิน ผู้ทรงให้ความปลอดภัย
7. อัลมุฮัยมิน ผู้ทรงคุ้มครอง
8. อัลอะซีซ ผู้ทรงเดชานุภาพ
9. อัลญับบารุ ผู้ทรงอานุภาพ
10. อัลมุตะกับบิรุ ผู้ทรงเกรียงไกร
11. อัลคอลิก ผู้ทรงบังเกิด
12. อัลบาริอุ ผู้ทรงให้บังเกิด
13. อัลมุเศาวิรฺ ผู้ทรงรังสรรค์
14. อัลฆ็อฟฟารฺ ผู้ทรงอภัย
15. อัลเกาะหฺฮารุ ผู้ทรงมีอำนาจเหนือ
16. อัลวะหฺฮาบ ผู้ทรงให้
17. อัลร็อซซาก ผู้ทรงให้ปัจจัยยังชีพ
18. อัลฟัตตาฮฺ ผู้ทรงเปิด
19. อัลอะลีม ผู้ทรงรอบรู้
20. อัลกอบิฎ ผู้ทรงยับยั้ง
21. อัลบาซิฏ ผู้ทรงแผ่ขยาย
22. อัลคอฟิฏ ผู้ทรงทําให้ตกต่ำ
23. อัลรอฟิอฺ ผู้ทรงให้สูง
24. อัลมุอิซซฺ ผู้ทรงให้เกียรติ
25. อัลมุซิลลฺ ผู้ทรงลดเกียรติ
26. อัลสะมีอุ ผู้ทรงได้ยิน
27. อัลบะซีรฺ ผู้ทรงเห็น
28. อัลฮะกัน ผู้ทรงตัดสิน
29. อัลอัดลุ ผู้ทรงเที่ยงธรรม
30. อัลละฏีฟ ผู้ทรงอ่อนโยน
31. อัลเคาะบีรฺ ผู้ทรงตระหนักรู้
32. อัลฮะลีม ผู้ทรงละเอียดละออ
33. อัลอะซีม ผู้ทรงยิ่งใหญ่
34. อัลเฆาะฟูรฺ ผู้ทรงให้อภัย
35. อัลซะกูรฺ ผู้ทรงขอบคุณ
36. อัลอะลียฺ ผู้ทรงสูงสุด
37. อัลกะบีรฺ ผู้ทรงยิ่งใหญ่
38. อัลฮะฟีช ผู้ทรงพิทักษ์
39. อัลมุกีต ผู้ทรงดูแล
40. อัลฮะซีบ ผู้ทรงคิดบัญชี
41. อัลญะลีล ผู้ทรงสูงส่ง
42. อัลกะรีม ผู้ทรงมีเกียรติ
43. อัรร่อกีบ ผู้ทรงเฝ้าดูแล
44. อัลมุญีบ ผู้ทรงตอบสนอง
45. อัลวาซิอฺ ผู้ทรงกว้างขวาง
46. อัลฮะกีม ผู้ทรงเฉลียวฉลาด
47. อัลวะดูด ผู้ทรงรักใคร่
48. อัลมะญีด ผู้ทรงรุ่งโรจน์
49. อัลบาอิซ ผู้ทรงให้ฟื้นคืนชีพ
50. อัชชะฮีด ผู้ทรงเป็นพยาน
51. อัลฮักกุ ผู้ทรงสัจจะ
52. อัลวะกีล ผู้ทรงมอบหมาย
53. อัลเกาะวียุ ผู้ทรงแข็งแรง
54. อัลมะตีน ผู้ทรงแข็งแกร่ง
55. อัลวะลีย ผู้ทรงคุ้มครอง
56. อัลฮะมีด ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญยิ่ง
57. อัลมุหฺซี ผู้ทรงคิดคำนวณ
58. อัลมุบดิอฺ ผู้ทรงเริ่มแรก
59. อัลมุอีด ผู้ทรงให้กลับคืน
60. อัลมุฮฺยี ผู้ทรงทำให้เป็น
61. อัลมุมีต ผู้ทรงทำให้ตาย
62. อัลฮัยยุ ผู้ทรงมีชีวิต
63. อัลก็อยยูม ผู้ทรงดำรงอยู่
64. อัลวาญิด ผู้ทรงค้นพบ
65. อัลมาญิด ผู้ทรงประเสริฐยิ่ง
66. อัลวาฮิด ผู้ทรงเป็นองค์เดียว
67. อัลอะฮัด ผู้ทรงเอกะ
68. อัศเศาะมัดฺ ผู้ทรงเป็นที่พึง
69. อัลกอดิรฺ ผู้ทรงมีอำนาจ
70. อัลมุกตะดิรฺ ผู้ทรงทำให้มีพลัง
71. อัลมุก็อดดิม ผู้ทรงนำมาข้างหน้า
72. อัลมุอัคคิรุ ผู้ทรงทำให้อยู่สุดท้าย
73. อัลเอาวัล ผู้ทรงเป็นองค์แรก
74. อัลอาคิรฺ ผู้ทรงเป็นองค์สุดท้าย
75. อัซซอฮิรฺ ผู้ทรงประจักษ์
76. อัลบาฏิน ผู้ทรงเร้นลับ
77. อัลวาลี ผู้ทรงดูแลปกครอง
78. อัลมุตะอ้าลลี ผู้ทรงสูงยิ่ง
79. อัลบัรุรุ ผู้ทรงคงไว้ซึ่งความดีงาม
80. อัตเตาวาบ ผู้ทรงตอบรับการขออภัย
81. อัลมุนตะกิม ผู้ทรงลงโทษที่เหมาะสม
82. อัลอะฟู่ ผู้ทรงอภัย
83. อัรเราะอูฟ ผู้ทรงเอ็นดู
84. มาลิกั้ลมุลกฺ ผู้ทรงราชันย์
85. ซุลญะลาลิ วัล-อิกรอม ผู้ทรงยิ่งใหญ่และมีเกียรติ
86. อัลมุกซิฏ ผู้ทรงดำรงความยุติธรรม
87. อัลญามิอุ ผู้ทรงรวบรวม
88. อัลเฆาะนีย์ ผู้ทรงร่ำรวย
89. อัลมุฆนี ผู้ทรงทำให้ร่ำรวย
90. อัลมานิอุ ผู้ทรงยับยั้ง
91. อัฏฎอรุรุ ผู้ทรงให้ลำบาก
92. อันนาฟิอฺ ผู้ทรงอำนวยประโยชน์
93. อันนูร ผู้ทรงส่องสว่าง
94. อัลฮาดี ผู้ทรงนำทาง
95. อัลบะดีอฺ ผู้ทรงบันดาล
96. อัลบากี ผู้ทรงอยู่ชั่วนิรินดร์
97. อัลวาริษ ผู้ทรงสืบสวน
98. อัรุเราะชีด ผู้ทรงปรีชาญาณ
99. อัศเศาะบูรฺ ผู้ทรงอดทน
ทั้งหมดนี้เป็นพระนามอันวิจิตร (อัสมาอุ้ลฮุสนา) ของอัลลอฮฺ ตะอาลา
ที่มา: อัลลอฮฺอักบัร ปาฏิหาริย์คัมภีร์อัลกุรอานและ 25 นะบีในอัลกุรอาน อ.ประเสริฐ มัสซารี
https://islamhouse.muslimthaipost.com/article/23695
- โลกหมุนเร็วผิดปกติ ดุลยามันแก่แล้ว ใกล้วันกิยามะห์
- เราจะศรัทธาต่อร่อซูลอย่างไร ?
- บทรําลึกยามเช้าและยามเย็น ตัวบทหลักฐานที่ถูกต้อง
- สิ่งแรกที่บ่าวถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺ
- การศรัทธาต่อคัมภีร์: เราเชื่อได้อย่างไร อัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่ถูกต้อง ไม่บิดเบือน
- ทำไมอิสลามเน้นย้ำให้อ่าน “ซูเราะห์อัลฟาติฮะห์” ให้ผู้ตาย?
- 7 โรคที่หมอรักษาไม่ได้ แต่อัลกุรอานรักษาได้
- สัตว์ที่ถูกกล่าวในอัลกุรอ่าน
- ลบบาปทุกครั้งหลังละหมาด