ภรรยาในสวรรค์ อัลลอฮ์ทรงดำรัสไว้อย่างไร? ในสวรรค์จะมีน้ำหอมและกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของสถานะบุคคล ตำหนักสถานพำนัก และระดับขั้นของพวกเขา...
ภรรยาในสวรรค์ อัลลอฮ์ทรงดำรัสไว้อย่างไร?
ลักษณะนางงามในสวนสวรรค์
1. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : จงกล่าวเถิด (มุหัมมัด) ว่าจะให้ฉันบอกแก่พวกท่านถึงสิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นไหม คือสำหรับบรรดาผู้ยำเกรงนั้น ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่าง โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นไปตลอดกาล อีกทั้งยังจะได้รับคู่ครองที่บริสุทธิ์และความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงรู้แจ้งเห็นจริงในปวงบ่าวของพระองค์ (อาละอิมรอน : 15)
2. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : แท้จริง เราได้สร้างพวกนางขี้นอย่างสุดพิเศษยิ่ง แล้วเราได้ทำให้พวกนางเป็นสาวพรหมจรรย์ เป็นที่น่ารักน่าชื่นชมแก่คู่ครอง เป็นสาวในวัยเดียวกันทั้งหมด เพื่อเป็นรางวัลสำหรับชาวมือขวา (กลุ่มผู้ได้รับคำพิพากษาด้วยมือขวา ซึ่งเป็นกลุ่มชาวสวรรค์) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นชนรุ่นก่อน ๆ และอีกส่วนหนึ่งเป็นชนรุ่นหลัง ๆ (อัลวากิอะฮฺ : 35-40)
3. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : และ ณ พวกเขา จะมีสาวงามบริสุทธิ์ผู้เจียมใจลดสายลงต่ำ มีดวงตางดงามยิ่ง เธอสวยงามราวกับฟองไข่ที่ถูกทะนุถนอมปกปิด (อัลศอฟาต : 48-49)
4. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : และนางงามตาหวาน สวยงามดั่งไข่มุกที่ถูกทะนุถนอมปกปิดไว้ เป็นรางวัลสำหรับสิ่งที่เขาได้ปฏิบัติมา (อัลวากิอะฮฺ : 22-24)
5. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : ในสวรรค์นั้นมีนางงามผู้เจียมใจลดสายตาลงต่ำที่ไม่มีมนุษย์หรือญินใด ๆ เคยแตะต้องพวกนางมาก่อนพวกเขา (สามีของนาง) ดังนั้น ด้วยบุญคุณของพระเจ้าของพวกเจ้าทั้งสองอันใดเล่าที่พวกเจ้าทั้งสองปฏิเสธ พวกนางนั้นสวยเพริดพราวราวกับทับทิบและปะการัง (อัลร็อหฺมาน : 56-58)
6. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : ในสวนสวรรค์เหล่านั้น มีหญิงสาวที่มีมารยาทดีสวยงามยิ่ง ดังนั้น ด้วยบุญคุณของพระเจ้าของพวกเจ้าทั้งสองอันใดเล่าที่พวกเจ้าทั้งสองปฏิเสธ นางคือสาวงามผิวขาวผ่องตาหวานที่ถูกเก็บตัวไว้ในกระโจม (เพื่อสามีเท่านั้น) (อัรเราะหฺมาน : 70-72)
7. มีรายงานจากอนัส (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
وعن أنس بن مالك رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «لَرَوْحَةٌ فِي سَبِيلِ الله٬ أَوْ غَدْوَةٌ خَيْرٌ مِنَ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا، وَلَقَابُ قَوْسِ أَحَدِكُمْ مِنَ الجَنَّةِ، أَوْ مَوْضِعُ قِيْـدٍ -يَـعْنِي سَوْطَهُ- خَيْرٌ مِنَ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا، وَلَوْ أَنَّ امْرَأةً مِنْ أَهْلِ الجَنَّةِ اطَّلَعَتْ إلَى أَهْلِ الأَرْضِ لأَضَاءَتْ مَا بَيْنَـهُـمَا، وَلملأَتْـهُ رِيحاً، وَلَنَصِيفُهَا عَلَى رَأْسِهَا خَيْرٌ مِنَ الدُّنْيَا وَمَا فِيهَا». متفق عليه أخرجه البخاري برقم (2796)، واللفظ له، ومسلم برقم (1880).
ความว่า : แท้จริง การได้ออกไปในหนทางของอัลลอฮฺเพียงเช้าเดียวนั้น ย่อมดีกว่าทั้งโลกนี้และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด และพื้นที่ขนาดเท่าคันธนูของพวกท่านในสวรรค์ หรือขนาดเท่าไม้เรียวนั้นย่อมดีกว่าทั้งโลกนี้และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด อีกทั้งหากหญิงสาวชาวสวรรค์นางหนึ่งชะโงกแง้มดูชาวโลกนี้ มันย่อมจะสว่างไสวเจิดจ้าไปทั่วระหว่างทั้งสอง (ตัวนางกับโลก)และมันย่อมเต็มไปด้วยกลิ่นหอม และแท้จริงแล้ว เพียงแค่ผ้าคลุมที่อยู่บนศรีษะของนางนั้นย่อมดีกว่าโลกนี้และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด
(มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ตามสำนวนนี้ หมายเลข 2796 และมุสลิม หมายเลข 1880)
8. มีรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
وعن أبي هريرة رضي الله عنه عن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال: «إنَّ أَوَّلَ زُمْرَةٍ تَدْخُلُ الجَنَّةَ عَلىَ صُورَةِ القْمَرِ لَيْلَةَ البَدْرِ، وَالَّتِي تَلِيهَا عَلَى أَضْوَءِ كَوْكَبٍ دُرِّيٍّ فِي السَّمَاءِ، لِكُلِّ امْرِئٍ مِنْـهُـمْ زَوْجَتَانِ اثْنَتَانِ، يُرَى مُـخُّ سُوقِهِـمَا مِنْ وَرَاءِ اللَّحْـمِ، وَمَا فِي الجَنَّةِ أعْزَبٌ». متفق عليه. أخرجه البخاري برقم (3246)، ومسلم برقم (2834)، واللفظ له.
ความว่า : แท้จริง กลุ่มคนแรกที่ได้เข้าสวรรค์นั้น (มีความงดงาม) ดั่งภาพของดวงเดือนในคืนจันทร์เพ็ญ จากนั้นกลุ่มถัดจากพวกเขา (จะมีความงดงาม) เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาวที่ทอแสงประกายบนท้องฟ้า พวกเขาแต่ละคนจะมีภรรยาสองคนที่มองเห็นความขาวผ่องของเนื้อแข้งผ่านผิวนอก และในสวรรค์นั้นจะไม่มีคนโสดที่ไร้คู่ครอง
(มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หมายเลข 3246 และมุสลิมตามสำนวนนี้ หมายเลข 2834)
น้ำหอมและกลิ่นในสวรรค์
ในสวรรค์จะมีน้ำหอมและกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไปตามความแตกต่างของสถานะบุคคล ตำหนักสถานพำนัก และระดับขั้นของพวกเขา
1. มีรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า
عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قال رسول الله صلى الله عليه وسلم:«إنَّ أوَّلَ زُمْرَةٍ يَدْخُلُونَ الجَنَّةَ عَلَى صُورَةِ القَمَرِ لَيْلَةَ البَدْرِ، ثُمَّ الَّذِينَ يَلُونَـهُـمْ عَلَى أشَدِّ كَوْكَبٍ دُرِّيٍّ فِي السَّمَاءِ إضَاءَةً، لا يَبُولُونَ وَلا يَتَغَوَّطُونَ، وَلا يَتْفِلُونَ وَلا يَـمْتَـخِطُـونَ، أمْشَاطُهُـمُ الذَّهَـبُ، وَرَشْحُهُـمُ المِسْـكُ، وَمَـجَامِرُهُـمُ الأُلُـوَّةُ -الألَنْجُوجُ، عُودُ الطِّيبِ- وَأزْوَاجُهُـمُ الحُورُ العِينُ، عَلَى خَلْقِ رَجُلٍ وَاحِدٍ، عَلَى صُورَةِ أبِيهِـمْ آدَمَ، سِتُّونَ ذِرَاعًا فِي السَّمَاءِ». متفق عليه أخرجه البخاري برقم (3327) واللفظ له، ومسلم برقم (2834)
ความว่า : กลุ่มคนแรกที่ได้เข้าสวรรค์นั้น (มีความงดงาม) ดั่งภาพของดวงเดือนในคืนจันทร์เพ็ญ จากนั้นผู้ถัดจากพวกเขา (จะมีความงดงาม) เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาวที่ทอแสงประกายบนท้องฟ้า
พวกเขาไม่ถ่ายปัสสาวะ ไม่ถ่ายอุจจาระ ไม่ถ่มน้ำลาย ไม่สั่งน้ำมูก หวีของพวกเขาเป็นหวีทอง เหงื่อของพวกเขาเป็นน้ำหอมมิสกฺ ไม้หอมที่พวกเขาจุดเป็นควันคือไม้อุลวะฮฺ (ไม้หอมอินเดีย)
คู่ครองของพวกเขาคือนางงามแห่งแดนสวรรค์ สัดส่วนเรือนร่างพวกเขาเป็นสัดส่วนของชายคนเดียว คืออยู่ในรูปทรงเรือนร่างของอาดัม บิดาของพวกเขา สูงหกสิบศอก
(มุตตะฟัก อะลัยฮฺ บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ตามสำนวนนี้ หมายเลข 3327 และมุสลิม หมายเลข 3834 )
2. มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ บินอัมรฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา) ว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม)ได้กล่าวว่า :
وعن عبدالله بن عمرو رضي الله عنهما أن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «مَنْ قَتَلَ مُعَاهَداً لَـمْ يَرَحْ رَائِحَةَ الجَنَّةِ، وَإنَّ رِيحَهَا يُوجَدُ مِنْ مَسِيرَةِ أَرْبَـعِينَ عَاماً». أخرجه البخاري برقم (3166)
ความว่า : "ผู้ใดฆ่าชาวกาฟิรมุอาฮัด เขาจะไม่ได้ดมกลิ่นสวรรค์ ซึ่งกลิ่นของมันจะจะดมได้จากระยะทางสี่สิบปี" (บันทึกโดยอัลบุคอรียฺ หมายเลข 3166)
3. และในอีกสำนวนหนึ่ง มีระบุว่า
وفي لفظٍ: «وَإنَّ رِيحَهَا لَيُوجَدُ مِنْ مَسِيرَةِ سَبْـعِينَ خَرِيفاً». أخرجه الترمذي وابن ماجه. صحيح / أخرجه الترمذي برقم (1403)، وأخرجه ابن ماجه برقم (2687).
ความว่า : " และกลิ่นของมันจะจะดมได้จากระยะทางเจ็ดสิบปี " (เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลติรมิซียฺ หมายเลข 1403 และอิบนุมาญะฮฺ หมายเลข 2687)
เพลงขับกล่อมของภรรยาชาวสวรรค์
มีรายงานจากอิบนุอุมัร (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุมา) ว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
ความว่า : แท้จริง บรรดาภรรยาของชาวสวรรค์นั้นต่างร้องเพลงขับกล่อมสามีของนางด้วยเสียงที่ไพเราะหวานซึ้งที่ไม่มีผู้ใดเคยได้ยินเลยในโลกนี้ ซึ่งบางตอนของเนื้อเพลงที่นางขับร้องคือ "เราเป็นสาวรูปงามรวยจรรยา เป็นคู่ครองภรรยาชนมีเกียรติ"
ซึ่งต่างมองด้วยดวงตาอันชื่นบาน และบางตอนของเนื้อเพลงที่นางขับร้อง คือ
"เราเป็นสาวนิรันดร พระองค์ไม่ทำให้เราสิ้นใจ เราเป็นสาวผู้ซื่อสัตย์ พระองค์ไม่ปิดบังเราสิ่งใด ๆ เราเป็นสาวมีถิ่นฐาน พระองค์ไม่ร่อนเร่เรา"
(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลเฏาะบาเราะนียฺ ในหนังสืออัลเอาส็อฏ หมายเลข 4917 ดู เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ หมายเลข 1561)
การร่วมหลับนอนกับภรรยาของชาวสวรรค์
1. อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : แท้จริงแล้ว ชาวสวรรค์ในวันนี้ต่างเพลิดเพลินหมดเวลาไปกับการดื่มด่ำความสุข พวกเขาและบรรดาภรรยาต่างนอนนั่งอิงเอนบนพนักพิงใต้ร่มเงา (ยาซีน : 56-57)
2. มีรายงานจากซัยดฺ บินอัรก็อม (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
ความว่า : "ผู้ชายชาวสวรรค์แต่ละคนนั้น จะได้รับพลังแรงเท่ากับหนึ่งร้อยคนในการกิน การดื่ม การมีอารมณ์ทางเพศ และการร่วมหลับนอนกับภรรยา"
แล้วชายชาวยิวคนหนึ่งก็กล่าวว่า "แต่คนที่กินดื่มนั้นเขาจะต้องมีการเศษมูลขับถ่ายนี่"
ท่านตอบว่า" เศษมูลขับถ่ายของแต่ละคนคือหยาดเหงื่อที่ไหลออกตามผิวหนัง แล้วท้องของเขาก็ทรุดโล่งย่อยสลาย "
(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลเฏาะบาเราะนียฺ ในหนังสืออัลมุญัม อัลกะบีร ตามสำนวนนี้ และบันทึกโดยอัลดาริมียฺ หมายเลข 2721 ดู เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ หมายเลข 1627)
3.อบูฮุร็อยเราะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) เล่าว่า :
وعن أبي هريرة رضي الله عنه قال: قيل يا رسول الله: هل نصل إلى نسائنا في الجنة؟ فقال: «إنَّ الرَّجُلَ لَيَصِلُ فِي اليَوْمِ إلَى مِائَةِ عَذْرَاءَ». أخرجه الطبراني في الأوسط وأبو نعيم في صفة الجنة. صحيح / أخرجه الطبراني في الأوسط برقم (5263)، وأخرجه أبو نعيم في صفة الجنة برقم (373)، انظر السلسلة الصحيحة رقم (367)
ความว่า : " มีคนถามว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ในสวรรค์นั้นเราสามารถร่วมหลับนอนกับภรรยาของเรารวดเดียวกันทั้งหมดเลยหรือเปล่า?"
ท่านตอบว่า "แท้จริงแล้ว ผู้ชายในสวรรค์นั้น ในหนึ่งวัน เขาสามารถร่วมหลับนอนกับสาวพรหมจรรย์ถึงหนึ่งร้อยคน"
(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลเฏาะบาเราะนียฺ ในหนังสืออัลเอาส็อฏ หมายเลข 5263 และบันทึกโดยอบู นุอัยม์ ในหนังสือ ศิฟัต อัลญันนะฮฺ หมายเลข 373 ดู อัลสิลสิละฮฺ อัลเศาะฮีหะฮฺ หมายเลข 367)
บุตรในสวรรค์
มีรายงานจากอบีสะอีด (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
ความว่า : "คนมุมินนั้น เมื่อเกิดความต้องการมีบุตรในสรวงสวรรค์ การตั้งท้อง การกำเนิด และการเติบใหญ่จะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันสมดั่งใจหวัง"
(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัหมัด หมายเลข 1179 และบันทึกโดยอัลติรมิซียฺ หมายเลข 2563)
ความสุขสบายที่เป็นนิรันดรของชาวสวรรค์
เมื่อชาวสวรรค์เข้าไปในสวนสวรรค์ เหล่ามะลาอิกะฮฺต่างพากันมาต้อนรับพวกเขาพร้อมกับแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับความสุขสบายและการคงอยู่ตลอดไปในสวรรค์ ซึ่งเป็นการแจ้งข่าวดีอย่างที่พวกเขาได้ไม่เคยได้ยินก่อนเลย
1.อัลลอฮฺตะอาลาได้มีดำรัสว่า :
ความว่า : อุปมาสวนสวรรค์ซึ่งถูกสัญญาแด่บรรดาผู้ยำเกรงก็คือ มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านเบื้องล่าง ผลไม้และร่มเงาของมันมีอยู่ตลอดกาล นั้นคือบั้นปลายชีวิตของบรรดาผู้ยำเกรง ส่วนบั้นปลายชีวิตของบรรดาผู้ปฏิเสธคือไฟนรก (อัรเราะอฺด์ : 35)
2. มีรายงานจากอบูฮุร็อยเราะฮฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) ว่าท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม) ได้กล่าวว่า :
ความว่า : "จะมีผู้ประกาศมาประกาศว่า แท้จริง พวกท่านจะมีสุขภาพดีไม่เจ็บป่วยตลอดไป พวกท่านจะอายุยืนไม่เสียชีวิตแล้วไปตลอดกาล พวกท่านจะเป็นหนุ่มไม่แก่ชราอีกแล้วตลอดไป และพวกท่านจะมีความสุขไม่เบื่อหน่ายอีกแล้วไปตลอดกาล"
ซึ่งนั้นแหล่ะคือคำดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
وَنُودُوا أَنْ تِلْكُمُ الْجَنَّةُ أُورِثْتُمُوهَا بِمَا كُنْتُمْ تَعْمَلُونَ
(แปลว่า "พวกเขาจะได้รับการเป่าร้องว่า นั้นแหล่ะคือสรวงสวรรค์ที่พวกท่านจะได้เป็นเจ้าของด้วยเพราะการงานที่พวกท่านได้กระทำไป)" (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 2837)
3. ญาบิรฺ (เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ) เล่าว่า :
وعن جابر رضي الله عنه قال: قيل يا رسول الله: هل ينام أهل الجنة؟ قال: «لا، النَّوْمُ أَخُو المَوْتِ». أخرجه البزار. صحيح / أخرجه البزار -كشف الأستار- برقم (3517)، انظر السلسلة الصحيحة رقم (1087).
ความว่า : "มีคนถามว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ชาวสวรรค์นั้นพวกเขานอนหลับกันหรือเปล่า? ท่านตอบว่า"ไม่" เพราะการนอนหลับนั้นเป็นมิตรของการตาย"
(เศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัลบัซซาร ในหนังสือกัชฟุ อัลอัชตาร หมายเลข 3517 ดู อัลสิลสิละฮฺ อัลเศาะฮีหฺะฮฺ หมายเลข 1087)
ที่มา: www.islammore.com