ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง


14,473 ผู้ชม

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง จากอัลกุรอาน มีดังนี้...


ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง

ในสมัยที่นบียูซุฟ เป็นผู้ปกครอบอียิปต์ พวกลูกหลานอิสรออีล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมาย

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีชาวอียิปต์ อีกเป็นจำนวนมากที่หันรับนับถือฮ์ประพระเจ้าตามนบียูซุฟ ในสมัยฟาโรห์รามเสสที่ 2 ปกครอบอียิปต์นั้น ฟาโรห์เสสต้องการที่กำจัดพวกอิสรออีลไปสมทบกับศัตรูของเราพวกเราก็จะต้องถูกขับไล่ออกไปจากแผ่นดินอีก ชาวอิสรออีลกลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ถ้าหาดพวกเจ้าไปทำคลอดผู้หญิงชาวอิสรออีล และพบว่าเด็กออกมาเป็นผู้ชาย จงฆ่าเด็กนั้นเสีย

แต่ถ้าหากว่าเด็กผู้หญิง ก็ปล่อยไว้ให้มีชีวิต แต่เนื่องจากตำแยเป็นพวกอิสรออีล นางจึงหลีกเลี่ยงที่จะทำตามโดยแก้ตัวด้วยเหตุผลต่างๆ ในที่สุด เมือฟาโรห์เห็นว่าแผนการดังกล่าวไม่ได้ผล เขาจึงสั่งให้กำจัดเด็กทารกชายของชาวอิสรออีลทุกคนที่เกิดมาในช่วงเวลานี้เองที่มูซาได้ถือกำเนิดมา

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง

ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

เนื่องจากฮ์ทรงประสงค์ที่จะเลือกมูซาให้เป็นนบี ดังนั้น เมื่อมูซาคอลดออกมาได้ไม่กีวัน ฮ์จึงได้ทรงดลใจแม่ของท่านว่า จงเอาทารกคนนี้ไปใส่ไว้ในลังไม้แล้วลอยเขาไปในแม่น้ำ แม่น้ำจะพาเขาไปบนฝั่งและศัตรูของฉันจะเก็บเขาไป แม่ของมูซาจึงทำตามที่นางได้รับการดลใจ

หลังจากนั้น ลังไม้ที่ใส่มูซาก็ลอยไปตามแม่น้ำและไปติดบนฝั่งในวังฟาโรห์ เมือมูซาเข้าสู่วัยหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี วันหนึ่ง เขาได้เข้าเมืองเห็นผู้ชายสองคนต่อสู้กันอยู่ คนหนึ่งเป็นชาวอิสรออีล อีกคนหนึ่งเป็นชาวอียิปต์ ชาวอิสรออีลมูซาจึงร้องออกมาด้วยความตกใจว่า นั่นเป็นงานของมาร้ายชัยฏอนแน่ๆ มันเป็นศัตรูของมนุษย์ ทำให้คนหลงผิด มูซาเดินอยู่ในเมืองด้วยความหวาดระแวง

ทันใดนั้น เขาก็เห็นชายที่ขอความช่ายเหลือเขาอีก มูซาจึงกล่าวว่า เจ้ามันคนหลงผิดชัดๆ แล้วมูซาก็ตรงเข้าไปหาชายผู้นั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น มูซาจึงรีบหนีออกจากเมืองด้วยความหวาดกลัวและได้วิงวอนต่อฮว่า โอ้ พระผู้อภิบาล ขอพระองค์ทรงคุ้มครองฉันจากคนชั่วด้วยเถิด เมื่อถึงพ่อของผู้หญิงทั้งสองได้ให้การต้องรับมูซาเป็นอย่างดี

หลังจากที่คุยกันได้ไม่นาน มูซาก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้งมากับเขาให้แก่ชายชราผู้นั้นฟ้งจนหมดสิ้น เมื่อชายชรากล่าวจบลูกคนหนึ่งของเขาก็เอ่ยขึ้งมาว่า พ่อค่ะ พ่อจ้างเขามาเป็นผู้รับใช้เราเถอะค่ะ เพราะเขาเป็นคนแข็งแรงและน่าไว้วางใจ หลังจากที่ปฏิบัติตามสัญญาครบแล้ว มูซาก็รู้สึกคิดถึงบ้าน เพราะเขาจากครอบครัวมานานแล้ว เขาจึงอยากกลับอียิปต์ครั้งหนึ่ง ระหว่างทางที่มุ่งไปยังภูเขาฏูร มูซาได้บอกแก่ครอบครัวของเขาว่า หยุด พักตรงนี้ก่อน ฉันเห็นแสงไฟข้างหน้า ฉันจะไปที่นั้นเพือถามอะไรบาง

แต่เมือไปถึงบริเวณที่เขาเห็แสงไฟ เขาก็ไม่พบใครอยู่ตรงนั้น แต่กลับมีเสียงก้องออกมาจากต้นไม้ตรงฟื้นที่มาแสงไฟว่า มูซา ฉันคือ ฮ พระอภิบาลแห่งสากลจักรวาล ถอดรองเท้าของเจ้าออกเสีย เพราะตอนนี้เจ้าอยู่หุบเขาฏูวาอันศักดิ์สิทธิ์ มูซาจึงตอบว่า ไม้เท้าของฉัน ฉันเอาไว้ยันกายของฉันหรือไม่ก็ใช้ตีใบไม้ให้สัตว์เลี้ยงกินและใช้ประโยชน์อื่นๆอีก จงโยนมันลงไปบนพื้นซิ มูซา เป็นเสียงบัญชาจากฮ เมือเห็นเช่นนั้น มูซาก็ตกใจหนีและไม่หันมองมา มูซาปฏิบัติตามงูนั้นก็กลับกลายเป็นไม้เท้าดังเดิน

หลังจากนั้นก็เสียงบัญชาอีกว่า ที่นี้ จงเอามือล้วงเข้าไปในอกเสื้อแล้วดึงออกมาแล้วมือเจ้าจะมีแสงสว่างโดยที่เจ้าไม่เจ็ดปวด มูซาจึงกล่าว ข้าแต่ผู้อภิบลา ฉันได้ฆ่าคนของเขาไปคนหนึ่ง ฉันกลัวว่าเขาจะฆ่าฉัน ขอพระองค์ได้ทรงอย่าให้ฉันพูดจาติดขัดและขอพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งฮารูนพี่ชายของฉันมาเป็นผู้ช่วยฉันด้วด้วเถิดเรพาะเขาพูดจากคล่องแคล่ว ด้วยสัญญาของเรา เจ้าและผู้ปฏิบัติตามเจ้าจะได้รับช้ยชนะ นี่เป็นครั้งที่สองที่เราได้ประทานความโปดรปรานแก่เจ้า เราเป็นรอซูลจากพระอภิบาลของท่าน และความสันติจะมีแก่ผู้ปฎิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็แล้วคนรุ่นก่อนนี้เป็นอย่างไรเล่า ฟาโรห์ย้อนถาม พระเจ้าของฉันทรงรู้ดี พระองค์ทรงกำหนดไว้แล้ว พระเจ้าของฉัน ฉันไม่ทรงผิดผลาดและไม่ทรงลืม นบีมูซากล่าวตอบ ฟาโรห์กล่าวด้วยความโกรธว่า มูซา

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง

เจ้าไม่ได้เติมโตขึ้นมาในบ้านของเราหรือ เจ้าอยู่กับเราเป็นเวลาหลายปี แล้วเจ้าก็ก่อเรื่องขึ้น เจ้ามันคนเนรคุณชัดๆ นบีมูซาจึงตอบว่า ฉันทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วฉันก็หนีไปจากท่านเพราะความกลัว แต่ฮก็ทรงประทานความรู้และอำนาจแก่ฉันและทรงแต่งตั้งให้ฉันเป็นรอซูลคนหึ่ง ฉันก็คงไม่ต้องมาอยู่ในการดูแลของท่าน พระเจ้าของเจ้าคือใคร ฟาโรห์ ถามพระผู้อภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสรรพสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองนี้ ถ้าหากว่าท่านจะศรัทธา เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฟาโรห์ จึงหันไปยังข้าทาสบริวารและเสนาบดี ทั้งหลายพร้อมกับกล่าวออดมาด้วยเสียงอันดังว่า พวกเจ้าไอ้ยินไหม

นบีมูซาจึงได้กล่าวออกมาทักทีว่า พระองค์เป็นพระผู้ทรงอภิบาลของท่านและของบรรพบุรุษของท่านที่ล่วงลับไปแล้วด้วย

ร่อซูลคนนี้ของพวกเจ้าบ้าแน่ๆ ฟาโรห์กล่าวพร้อมกับหันไปทางข้าทาสริวาร ฟาโรห์จึงกล่าวกับคนของเขาที่อยู่ที่นั่นว่า ถ้าหากพวกเจ้าถือเอาใครอื่นนอกจากฉันเป็นพระเจ้าแล้ว ฉันจะโยนพวกเจ้าเข้าคุก แม้ฉันจะเอาหลักฐานมายืนยันกระนั้นหรือ นบีมูซาถามเอาเลย นำมาให้ข้าเห็นซิ ถ้าหากเจ้าแน่จริง ฟาโรห์ท้า ดังนั้น นบีมูซาจึงโยนไม้เท้าลงไปบนฟื้น ทันใดนั้น ไม้เท้าของนบีมูซาก็กลายเป็นงู

หลังจากนั้น นบีมูซาก็เอามือล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วดึงออกมามีแสงสว่างนวลให้คนได้เห็น เสนาบดีคนหนึ่งจึงได้แนะนำว่า ปล่อยเขากับพี่ชายไว้สักพักหนึ่งก่อนหลังจากนั้นค่อยปล่อยประกาศหานักมายากลที่มีฝีมือมาประลองวิชามายากลกับเขา เอาวันเทศกาลที่มีผู้คนมาชุมนุมกันมากๆและในตอนกลางวันด้วย

นบีมูซากล่าวตอบ ฟาโรห์เป่าประกาศหานักมายากลที่เก่งกาจทั่วอียิปต์ ข่าวคราวเรื่องการประลองวิชามายากลก็ได้แพร่สะพัดออกไปเป็นที่สนใจของปีชาชนจนหลายคนตัดสินใจว่าถ้าฝ่ายใดชนะก็จะยอมนับถือฝ่ายนั้น เมื่อวันประลองฝีมาถึง พวกนักมายากลที่มีฝีมือสุดยอดทีสุดของอียิปต์ก็ได้มาชุมนุมกันในที่ที่ได้นัดหมายกันไว้ถ้าเราชนะ เราจะได้รางวัลไหม นักมายากลถามฟาโรห์ แน่นอนและพวกเจ้าจะได้เป็นผู้ใกล้ชิดข้าด้วย ฟาโรห์ตอบให้กำลังใจนักมายากล เมื่อทั้งสองฝ่ายพร้อม

นบีมูซาได้กล่าวเดือนนักมายากลเหล่านั้นว่า บรรดาผู้น่าสงสารทั้งหลาย อย่าคิดว่าฮเป็นเรื่องเท็จและคิดว่าปาหาริย์ของพระองค์เป็นมายากล มิฉะนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกท่าน ในที่สุดก็มีบางคนตัดสินใจกล่าวออกว่า สองคนนี่มิได้เป็นอะไรมากไปกว่านักมายากลเขาต้องการที่จะขับ ไล่พวกเจ้าออกจากแผ่นดินโดยใช้มายากลของเขาและทำลายวิถีชีวิตของพวกเจ้า เราจะต้องร่วมกัน วันนี้ใครชนะ คนนั้นก็ประสบผลสำเร็จ

มูซาท่านจะโยนของท่านก่อน หรือจะให้เราโยนก่อน ไม่ พวกท่านโยนก่อน นบีมูซากล่าวตอบ นักมายากลหันไปทางฟาโรห์และกล่าวว่า ด้วยเกียรติยศของฟาโรห์ เราชนะแน่ เมื่อกล่าวจบ นักมายากลก็โยนไม้เท้าและเชือกของพวกตนลงไปบนพื้น ทันใดนั้น ทั้งไม้เท้าและเชือกของนักมายากลก็กลายเป็นงูเลื้อยไปมานบีมูซาตกใจกลัวเมื่อเห็นเช่นนั้น แต่ฮได้ทรงบัญชาท่านว่า อย่ากลัว เจ้าจะชนะ จงโยนสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้าลงไป

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง

ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

แล้วมันจะกลืนสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นมา เพราะมันเป็นแค่กลลวงของพวกมันมายากลเท่านั้น และนักมายากลไม่มีวันที่จะประสบผลสำเร็จไม่ว่าเขาจะเก่งอย่างไรก็ตาม

ดังนั้น นบีมูซาจึงปฏิบัติตามคำบัญชาของฮ์ เมื่อไม้เท้าของนบีมูซาถูกโยนลงไปบนพื้น ไม้เท้านั้นก็กลายเป็นงูใหญ่เลื้อยเข้ากลืนงูเล็กๆของพวกนักมายากลจนหมดสิ้น พวกเจ้าศรัทธาในมูซาก่อนที่ข้าจะอนุญาตกระนั้นหรือ ฟาโรห์ร้องตะโกนออกมา เขาคงเป็นครูสอนมายากลพวกเจ้าสลับกัน และจะเอาพวกเจ้าไปตรึงไว้บนต้นปาล์ม แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าการลงโทษของใครรุนแรงน่ากลัวกว่า

เสนาบดีคนหนึ่งจึงได้กล่าวว่า ท่านฟาโรห์ ท่านจะปล่อยให้มูซาและคนของเขาก่อการเสียหายในแผ่นดินและละทิ้งการเคราพราบไห้วเทพเจ้าของท่านกระนั้นหรือ ดีละ เราจะเข่นฆ่าพวกมัน ฟาโรห์กล่าวความโกรธ นบีมูซาจึงได้แต่ปลอบใจคนเหล่านั้นว่า จงอดทนและขอความช่วยเหลือต่อฮไม่ช้า ฮจะทำลายศรัตรูของพวกท่าน เมือฟาโรห์ไม่ยอมศรัทธาในฮทั้งๆที่ได้เห็นสัญญาณที่นบีมูซานำมาแสดงให้เห็นแล้ว ฮก็ทรงลงโทษฟาโรห์และชาวเมืองด้วยองค์ยังได้พายุ ตั๊กแตน เห็บ เหา กบและตัวเรือดให้มาแพร่บาดไปทั่วอียิปต์ด้วยทั้งนี้เพื่อให้ฟาโรห์ได้เห็นถึงอานุภาพของพระองค์ มูซา ช่วยวิงวอนพระเจ้าของท่านให้ขจัดโรคระบาดให้พันไปจากประเทศของเราหน่อยเถิด

นบีมูซาจึงได้วิงวอนต่อฮให้ แต่เมือโรคระบาดหมดไปแล้วพวกเสนาบดีก็ผิดสัญญาอีก วันหนึ่ง ฮจึงได้ทรงมีบัญชาแก่นนบีมูซาว่า จงพาพวกบนีอิสรออีลออกจากอียิปต์ในต่อนกลางคืน เมือฟาโรห์รู้ เขาได้ระดมผู้คนและกองทหารออกติดตามพวกนบีอิสรออีลทันทีและตามมาทันทีขบวนอพยพที่ตรงริมฝั่งทะเลแดง

พวกนบีอิสรออีลได้ร้องเอะอะโวยวายด้วยความกลัวเมื่อเห็นฟาโรห์ยกกองทัพติดตามมา นบีมูซาจึงได้กล่าวว่า พวกท่านไม่ต้องกลังฮทรงกับฉัน พระองค์จะทรงนำทางฉัน แล้วท่านก็ได้รัยบัญชาจากฮว่า จงใช้ไม้เท้าฟาลงไปที่ทะเล เมื่อนบีมูซาพาคนของท่านข้ามทะเลไปหมดแล้วท่านได้ถูกบัญชาให้ปล่อยทะเลไว้อย่างนั้นเพราะพระองค์จะทรงให้ฟาโรห์และคนของเขาจมน้ำตาย เมื่อกองทหารของฟาโรห์มาถึงกลางทะเล

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง

ภาพไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

ฮ์จึงได้ทรงทำให้น้ำทะเลท่วมทับฟาโรห์และกองทหารของเขาจนจมน้ำตายหมด ฟาโรห์ได้ร้องออกมาว่า ฉันศรัทธาแล้วว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระเจ้าที่พวกลูกหลายของอิสรออีลศรัทธาและฉันขอเป็นผู้หนึ่งที่ยอมจำนน แต่ฮได้ทรวกล่าวว่า ตอนนี้กระนั้นหรือที่สูเจ้าศรัทธาในขณะที่ก่อนหน้านี้สูเจ้าเป็นฝ่าฝืนและเป็นผู้อยู่ในหมู่ผู้ก่อการเสียหาย เราจะรับษาร่างของเจ้าไว้เพียงเพื่อเป็นสัญญาณเตือนสำหรับชนรุ่นหลังเจ้าถึงแม้ว่ามีผู้คนจำนวนมากมายที่ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา

หลังจากนั้น นบีมูซาได้พาพวกบนีอิสรออีลออกเดินทางรอนแรมในถิ่นทุรกันในคาบสมุทรซีนาย และวันหนึ่ง ฮฺได้ทรงเรียกนบีมูวาให้ขึ้นไปยังภูเขา ด้วยความรีบร้อน นบีมูซาได้ขึ้นไปยังภูเขาฏูรตามเวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้ก่อนใคร เมื่อไปถึงที่นั้น ได้มีเสียงถามท่านว่า มูซา อะไรที่ทำให้เจ้ารีบขึ้นมาก่อนคนของเจ้า พวกเขากำลังตามข้าพระองค์มา ข้าพระองค์รีบขึ้นมาหาพระองค์ก่อนก็เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงโปรดปรานข้าพระองค์

นบีมูซาตอบ ฟังให้ดีนะมูซา เราได้ทดลองผู้คนของเจ้าอยู่และพวกซามิรีกำลังทำให้พวกเขาหลงผิด โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ได้ทรงเพิ่มอำนวจการมองเห็นให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิดเพื่อที่ข้าพระองค์จะได้เห็นพระองค์นบีมูซาวิงวอน

เมื่อนบีมูซามองไปยังภูเขาลูกนั้น ก็ปรากฎว่า ภูเขาลูกนั้นได้แตก กระจายเป็นเสี่ยงๆและนบีมูซาลัมสลบแน่นิ่งไป ขณะที่นบีมูซาขึ้นไปบนภูเขาฏูรเป็นเวลา 40 วัน 40 คืนนั้น พวกนบีอิสรออีลได้นำเอาเครื่องประดับทองและเงินที่พวกเขานำติดตัวมาร่วมกันหล่อเป็นเทวรูปโคและสักการะเทวรูปโคนั้นตามคำแนะนำของพวกซามิรี

ฮไม่ได้ทรงแสดงความโปรดปรานแก่พวกเจ้านั้นเกิดขึ้นมานานแล้วจนพวกเจ้าหลงลืม หรือพวกเจ้าอยากจะให้พระองค์ทรงลงโทษ พวกเจ้าจึงได้ผิดสัญญากับพระองค์ ท่านกล่าวกับพวกนบีอิสรออีลอย่างมีอารมณ์โกรธ อย่าดึงเคราและกระชากผมของฉัน มูซา ฉันนึกแล้วว่า เจ้าจะต้องตำหนิฉันว่าสร้างความแตกแยกขึ้นในหมู่ชาวอิสรออีลและไม่ใส่ใจในคำพูดของเจ้า หลังจากนั้น ท่านก็วิงวอนต่อฮ์ว่า ข้าแต่พระผู้อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ได้ทรงโปรดอภัยแก่ฉันและแก่พี่ของฉัน และได้ทรงโปรดรับเราไว้ในความเมตตาของพระองค์ด้วยเถิด

ปาฏิหาริย์ของนบีมูซา ข้ามทะเลแดง จากอัลกุรอาน มีดังนี้...

-" และเราได้โองการให้มูซาออกเดินทาง ในเวลากลางคืนพร้อมกับปวงบ่าวของข้า แท้จริงพวกเจ้ากำลังถูกติดตาม"-

นักธิบายอัลกุรอาน กล่าวว่า วงศ์วานอิสรออีล (อิสราเอล) ที่ร่วมเดินทางไปกับนบีมูซา มีอยู่ประมาณ 70,600 คน

-" และฟิรอาวน์(ฟาโรห์) ได้ส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆให้มาร่วมชุมนุม"-

-" (และว่า) แท้จริงเขาเหล่านั้นเป็นกลุ่มชนส่วนน้อย"-

-" และแท้จริงพวกเขาได้ทำให้เราเกิดโทษะ"-

-" และแท้จริงพวกเราทั้งหมดอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม"-

(อัลกุรอาน 26/52-56)

-" และฟิรอาวน์ได้ติดตามไปทัน วงศ์วานอิสราเอล เมื่อตะวันทอแสง"-

-" ครั้นสองฝ่ายได้มองเห็นกัน พวกพ้องของมูซาได้กล่าวว่า"แท้จริงเราถูกตามทันแล้ว"-

นักอธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า เพราะข้างหน้าของเขาเป็นทะเล

-" เขา(มูซา)กล่าวว่า "ไม่หรอกแท้จริงพระผู้อภิบาลของฉัน ทรงอยู่กับฉัน พระองค์ทรงชี้นำให้แก่ฉัน"-

-" และโดยแน่นอน เราได้โองการแก่มูซาว่า "จงนำปวงบ่าวของข้าเดินทางในเวลากลางคืน แล้วจงฟาด(ไม้เท้า) ลงในทะเล ให้เป็นทางเดินแห้งแก่พวกเขา เจ้าอย่าได้กลัวว่าจะถูกตามทัน และเจ้าอย่าได้กลัวจมน้ำ"-

(อัลกุรอาน 20/77)

-" ดังนั้นเราได้โองการแก่มูซาว่า " จงฟาดไม้เท้าของเจ้า " แล้วมันก็ได้แยกออก แต่ละข้างมีสภาพเหมือนขุนเขาใหญ่"-

นักอธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า ในการฟาดไม้เท้าลงในทะเลนั้นมันได้กลายเป็น 12 ทางเดินซึ่งเป็นทางเดินของแต่ละตระกูลของวงศ์วานอิสรออีล (ประมาณว่าหน้ากระดานเรียงสิบสอง ฉันคิดว่า)

-" และเราได้ให้พวกเขาใกล้ ณ. ที่นั้น"-

(อัลกุรอาน 26/60-64)

นักอธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า ฟิรอาวน์ และพรรคพวกของเขาเข้ามาใกล้จนกระทั่งเดินลงในทะเลตามวงศ์วานอิสรออีล

-"ฟิรอาวน์พร้อมด้วยไพร่พลของเขา ได้ตามมาทันพวกเขา แล้วน้ำจากทะเลได้ท่วม ทำให้พวกเขาจมน้ำ"-

-" และฟิรอาวน์ทำให้กลุ่มชนของเขาหลงผิด และมิได้ชี้แนะทางที่ถูกต้องให้"-

(อัลกุรอาน 20/78-79)

-" และเราได้ให้วงศ์วานของอิสราเอลข้ามทะเลพ้นไป ดังนั้นฟิรอาวน์และพลพรรค์ของเขาได้ติดตามพวกเขาไป โดยอธรรมและเป็นศัตรู จนกระทั่งการจมน้ำได้ประสบกับเขา เขา(ฟาโรห์)กล่าวว่า "ฉันศรัทธาแล้วว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระเจ้าที่วงศ์วานอิสรออีลได้ศรัทธาต่อพระองค์ และฉันคือคนหนึ่งในหมู่ผู้นอบน้อม"-

-" เจ้าศรัทธาในบัดนี้กระนั้นหรือ และแน่นอนเจ้าเป็นผู้ทรยศก่อนหน้านี้ และเจ้าเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย"-

-" ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้าออกจากทะเล(เป็นร่างที่ปราศจากวิญญาณ) เพื่อจะได้เป็นสัญญาณแก่คนรุ่นหลังจากเจ้า และแท้จริงมนุษย์ส่วนใหญ่เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆ ของเรา"-

(อัลกุรอาน 10/90-92)

อัพเดทล่าสุด