เคยถามคนแก่ ว่าทำไมชอบอ่านยาซีนคืนวันศุกร์ เขาบอกว่า เพราะโต๊ะครูบอกว่า ใครอ่านยาซีนนคืนวันศุกร์ อัลลอฮ์จะอภัยโทษแก่เขาและรอดพ้นจาก...
คืนวันศุกร์ของอิสลาม ทำไมชอบอ่านยาซีนคืนวันศุกร์
เคยถามคนแก่ ว่าทำไมชอบอ่านยาซีนคืนวันศุกร์ เขาบอกว่า เพราะโต๊ะครูบอกว่า ใครอ่านยาซีนนคืนวันศุกร์ อัลลอฮ์จะอภัยโทษแก่เขาและรอดพ้นจาก "ปือซากอยังปาปอ" ไม่รู้แปลเป็นไทยว่างัย น่าจะหมายถึง "ความหายนะ"
ทำไมชอบอ่านในวันศุกร์หรือคืนวันศุกร์ เพราะท่านนบี (ซล.) กล่าวว่า:
"วันที่เลิศที่สุด ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น คือวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่นบีอาดัมถูกสร้าง ถูกนำเข้าสรวงสวรรค์และถูกนำออกจากสวรรค์" รายงานโดยมุสลิม
และเป็นที่ทราบดีว่าวันศุกร์มีความประเสริญมากกว่าวันอื่น ๆ ดังนั้นตอนกลางคืนของวันศุกร์ก็เช่นเดียวกัน เพราะกลางคืนย่อมตามความประเสริฐของกลางวัน
รายงานจากท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ผู้ใดอ่านยาซีนในค่ำคืนใดคืนหนึ่ง เขาจะถูกอภัยโทษให้ และผู้ใดที่อ่านซูเราะฮ์อัดดุคอนในคืนวันศุกร์ เขาจะถูกอภัยโทษให้"
ฮะดิษนี้ท่านอิบนุเญาซีย์ กล่าวว่า "ในฮะดิษนี้มี มุฮัมมัด บิน ซะการียา ซึ่งเขากุฮะดิษ" และท่านอิมามอัสสะยูฏีย์ โต้คัดค้านว่า "ฮะดิษนี้มีสายรายงานมากมายจาก อบูฮุร๊อยเราะฮ์ ซึ่งสายรายงานบางส่วนนั้น อยู่บนเงื่อนไขที่ซอฮิห์ ที่ท่านอัตติรมีซีย์ได้นำเสนอรายงาน และท่านอัลบัยฮะกีย์ได้นำเสนอรายงานไว้ใน หนังสือชะอฺบุนอีหม่านไว้หลายสายรายงานด้วยกัน" (ดู หนังสือ อันนุกัตอัลบะดีอาต หน้า 58 - 59 ของท่านอิมามอัสสะยูฏีย์)
ท่านอิมามชาฟีอีย์(ร.ฏ.) ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอุม ว่า "ได้รับทราบถึงเราว่า แท้จริงดุอาอ์จะถูกตอบรับ(เป็นพิเศษ) ในห้าคืน คือ คืนวันศุกร์ คืนอีดอัฏฮา คืนอีดฟิตร์ คืนแรกของเดือนระญับ และคืนนิสฟูชะอฺบาน" ดู 2 /264
เป็นที่ทราบกันดีว่า ยาซีนนั้น พี่น้องจะถนัดอ่านกันมาก และเป็นซูเราะฮ์ไม่ยาวมากนัก แต่เราก็จะพบว่า พี่น้องที่อ่านยาซีนไม่ได้นั้น ผู้รู้จะแนะนำให้อ่าน กุลฮุวัลลอฮ์ ทดแทน เพื่อเป็นความสะดวกแก่เขาในการทำอิบาดะฮ์
ท่านอิบนุอับบาสรายงานว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "หรือว่าคนใดจากพวกท่านไม่มีความสามารถอ่านเศษหนึ่งส่วนสามของอัลกุรอานในค่ำคืนหนึ่ง? บรรดาซอฮาบะฮ์กล่าวถามว่า เขาจะอ่านเศษหนึ่งส่วนสามจากอัลกุรอานได้อย่างไร? ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "กุลฮุวัลลอฮุอะฮัด" เท่ากับเศษหนึ่งส่วนสามของอัลกุรอาน" รายงานโดยมุสลิม
ส่วนซูเราะฮ์อัลกะฮ์ฟีนั้น เป็นซูเราะฮ์ที่ยาว คนส่วนมากอ่านไม่ค่อยชำนาญ แต่สำหรับผู้ที่อ่านอัลกุรอานได้ถูกต้องและมีความชำนาญ ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะอ่านซูเราะฮ์ อัลกะฮ์ฟีในวันศุกร์ เพราะมีฮะดิษซอฮิห์ได้ระบุไว้ว่า
"ผู้ใดที่อ่านซูเราะฮ์อัลกะฮ์ฟีในวันศุกร์ รัศมีจะแผ่คลุมแก่เขาในระหว่างสองวันศุกร์" รายงานโดยติรมีซีย์ ฮะดิษซอฮิห์
ดังนั้น การอ่านซูเราะฮ์ยาซีนกับซูเราะฮ์อัลกะฮ์ฟีย์นั้น มิใช่บ่งชี้ว่าอ่านซูเราะฮ์ยาซีนวันศุกร์เป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลงตกนรกส่วนซูเราะฮ์กะฮ์ฟีย์นั้นเป็นซุนนะฮ์โดยห้ามอ่านซูเราะฮ์อื่น เพราะการอ่านซูเราะฮ์ยาซีนและอัลกะฮ์ฟีล้วนมีหลักซุนนะฮ์มารับรอง แต่ทว่าเป็นความแตกต่างในเรื่องของความดีเลิศ ดังนั้น หากพิจารณาถึงในแง่การอ่านอัลกุรอาน แ่น่นอนว่าการอ่านซูเราะฮ์กะฮ์ฟีในวันศุกร์ย่อมดีเลิศกว่าการอ่านยาซีน แต่หากคนเอาวามทั่วไปอ่านกะฮ์ฟีไม่ได้หรือไม่ค่อยชำนาญ แน่นอนว่า การอ่านซูเราะฮ์ยาซีนย่อมดีเลิศสำหรับตัวเขายิ่งกว่าการไม่ได้อ่านอัลกุรอานเลย
และอีกอย่างหนึ่งคนแก่เขาเชื่อว่าคืนวันศุกร์วิญญาณของญาติๆจะมาวนเวียนที่บ้าน เพื่อมาดูความทุกข์สุขของญาติๆ จึงจำเป็นต้องอ่านยาซีนอุทิศกุศลให้
เรื่องวิญญาณของญาติ ๆ มาวนเวียนเพื่อมาดูแลความทุกข์สุขของญาติ ๆ พี่น้องที่มีชีวิตอยู่นั้น ไม่พบหลักฐานแน่ชัด แต่การอ่านอัลกุรอานและซิกรุลลอฮ์แล้วขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิดนั้น ให้กระทำได้ โดยไม่ได้วางเงื่อนไขว่าทำวันศุกร์หรือไม่ใช่วันศุกร์ แต่หากทำวันศุกร์ก็ไม่ผิดอันใด
ท่านอิมามมาลิก บิน อะนัส กล่าวว่า "ได้ทราบมาถึงฉันว่า แท้จริงวิญญาณของบรรดามุอ์มินนั้น จะถูกปล่อย(ให้เป็นอิสระ) ซึ่งวิญญาณจะไปสถานที่ใดก็ได้ตามต้องการ" ซึ่งอิมามอัศศะยูฏีย์ ได้กล่าวบันทึกไว้ในหนังสือ ฟัตวาของท่าน ที่ชื่อ อัลหาวีย์ ลิลฟะตาวา และหนังสือ อัรรั๊วะห์ ของท่านอิบนุก๊อยยิม
ท่านอิมามชาฟีอีย์(ร.ฏ.) ได้กล่าวไว้ในหนังสืออัลอุม ว่า "ได้รับทราบถึงเราว่า แท้จริงดุอาอ์จะถูกตอบรับ(เป็นพิเศษ) ในห้าคืน คือ คืนวันศุกร์ คืนอีดอัฏฮา คืนอีดฟิตร์ คืนแรกของเดือนระญับ และคืนนิสฟูชะอฺบาน" ดู 2 /264
ท่านอิมาม อันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ เราเฏาะฮ์ อัตตอลิบีน ว่า "ได้รับทราบถึงเราว่า แท้จริงดุอาอ์จะถูกตอบรับ(เป็นพิเศษ) ในห้าคืน คือ คืนวันศุกร์ คืออีดอัฏฮา คืนอีดฟิตร์ คือแรกของเดือนระญับ และคืนนิสฟูชะอฺบาน และและอิมามชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า "ข้าพเจ้ารัก(ที่จะให้กระทำ)กับทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รายงานเกี่ยวกับบรรดาคืนเหล่านี้ โดยที่ไม่ใช่เป็นฟัรดู" ดู 2/75
การได้รับผลบุญ ไม่ใช่หมายถึงวิญญาณของพ่อแม่ต้องเดินทางกลับมาเยื่ยมเพื่อมารับผล การที่บิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วหรือพี่น้องมุสลิมที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น พวกเขาจะได้รับผลบุญที่คนเป็นได้มอบ(ฮะดียะอ์)ให้ โดยที่คนตายอยู่ในกุบูร และบรรดาผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็สามารถรับรู้สถานะภาพและพฤติกรรมของคนเป็นได้ โดยสิ่งดังกล่าวจะถูกนำเสนอให้พวกเขาได้รับทราบ
ท่านอิมาม อัสศะยูฏีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ได้กล่าวไว้ในหนังสือฟัตวาของท่านว่า
"ถูกรายงานจากมุฮัมมัด บิน วาเซี๊ยะอ์ เขากล่าวว่า ได้ทราบถึงฉันว่า แท้จริงบรรดาผู้ตายสามารถรู้ได้ถึงบรรดาผู้ที่ไปเยี่ยมเยือน(กุบูร)ของพวกเขาในวันศุกร์ และวันก่อนจากนั้น(คืนวันศุกร์ค่ำลง)และวันหลังจากนั้น(คืนวันเสาร์ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น) , ได้รายงานจากท่านอัฏฏ่อห์ฮาก ซึ่งเขากล่าวว่า ผู้ใดที่เยี่ยมกุบูรใน(คืน)วันเสาร์ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น ผู้ตายก็จะรู้ถึงการเยี่ยมเยือนของเขา จึงถูกตั้งคำถามขึ้นว่า ดังกล่าวมันเป็นอย่างไรหรือ? ท่านอัฏฏ่อห์ฮากกล่าวว่า เพราะมันอยู่ในตำแหน่งของวันศุกร์"
ท่านอิมามอะห์มัดได้รายงานไว้ในหนังสือมุสนัดของท่าน จากท่านอะนัสบินมาลิก ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "บรรดาอะมัลของพวกท่าน จะถูกนำเสนอแก่บรรดาเครือญาติของพวกท่าน และพวกพร้องของพวกท่านจากบรรดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น หากมันเป็นความดีงาม พวกเขาจะปลื้มปิติยินดี และหากไม่เช่นนั้น พวกเขาก็จะกล่าวว่า โอ้ อัลเลาะฮ์ พระองค์โปรดอย่าให้พวกเขาตาย จนกระทั่งพระองค์ทรงชี้นำพวกเขา เสมือนกับที่พระองค์ทรงชี้นำต่อพวกเราด้วยเถิด" (หะดิษนี้ซอฮิห์ - แม้ว่าอัลบานีย์(ร.ฮ.)เองเคยฮุกุมว่าหะดิษนี้ฏออีฟ แต่เขาได้ยกเลิกทัศนะดังกล่าวแล้ว ดู อัซซัลซิละฮ์ อัซซ่อฮิฮะห์ ของ อัลบานีย์ เล่ม 6 หน้า 605)
ท่านอัตติรมีซีย์ อัลหะกีม ได้กล่าวรายงานไว้ใหนหนังสือ นะวาดิร อัลอุซูล จากหะดิษของอับดุลฆ่อฟูร บิน อับดุลอะซีซ จากบิดาของเขา จากปู่ของเขา ว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "บรรดาอะมัลจะถูกนำเสนอต่ออัลเลาะฮ์ในวันจันทร์และวันพฤหัสบดีและบรรดาอะมัลจะถูกนำเสนอแก่บรรดานบีและบรรดาบิดามารดา ในวันศุกร์ ดังนั้น พวกเขาจะมีความปิติยินดี ด้วยบรรดาความดีงามต่าง ๆ ของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขาจะมีสีขาวและเปล่งประกาย ดังนั้น พวกท่านจงยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์ และพวกท่านจงอย่าสร้างความเดือนร้อนกับบรรดาผู้ตาย" ดู หนังสือ อัลฮาวีย์ ลิลฟาตาวา ของท่านอิมามอัศศะยูฏีย์ เล่ม 2 หน้า 206 ดารุลฟิกร์
จากสิ่งดังกล่าว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่พี่น้องมุสลิมจะอิจญฺฮาดขยันมั่นเพียรกระทำอิบาดะฮ์และซิกรุลลอฮ์ต่าง ๆ แล้วมอบฮะดียะฮ์ผลบุญแก่ผุ้ล่วงลับไปแล้วในวันศุกร์และอื่นจากวันศุกร์
ที่มา: www.sunnahstudent.com