เหตุใดศพฟิรเอาน์ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตั้งแต่สมัยศาสดามูซา


16,270 ผู้ชม

เหตุใดศพของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) องค์นี้ถึงยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ถึงเพียงนี้ทั้งๆที่พระองค์สิ้นพระชนน์มานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ตั้งแต่ในยุคของท่านศาสดามูซา...


เหตุใดศพฟิรเอาน์ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตั้งแต่สมัยศาสดามูซา

เหตุใดศพของฟาโรห์ (ฟิรเอาน์) องค์นี้ถึงยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ถึงเพียงนี้ทั้งๆที่พระองค์สิ้นพระชนน์มานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ตั้งแต่ในยุคของท่านศาสดามูซา หรือ โมเซส (อ.ล.)?

พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน บทที่ 20 ซูเราะห์ยูนุส โองการที่ 90-92 อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงดำรัสว่า :

وَجَاوَزْنَا بِبَنِي إِسْرَائِيلَ الْبَحْرَ فَأَتْبَعَهُمْ فِرْعَوْنُ وَجُنُودُهُ بَغْيًا وَعَدْوًا حَتَّىٰ إِذَا أَدْرَكَهُ الْغَرَقُ قَالَ آمَنتُ أَنَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا الَّذِي آمَنَتْ بِهِ بَنُو إِسْرَائِيلَ وَأَنَا مِنَ الْمُسْلِمِينَ 

ความว่า: "และเราได้ให้บนีอิสรออีลข้ามทะเลพ้นไป ดังนั้น ฟิรเอาน์และพลพรรคของเขาได้ติดตามพวกเขา (บนีอิสรออีล) ไปโดยอธรรมและเป็นศัตรู จนกระทั่งเมื่อการจมน้ำมาถึงเขาแล้ว เขากล่าวว่า “ฉันศรัทธาแล้วว่า แท้จริงไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากผู้ซึ่งบนีอิสรออีลได้ศรัทธาต่อพระองค์ และฉันคือคนหนึ่งในหมู่ผู้นอบน้อม” (ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 90)

آلْآنَ وَقَدْ عَصَيْتَ قَبْلُ وَكُنتَ مِنَ الْمُفْسِدِينَ 

ความว่า:  "บัดนี้ และแน่นอนเจ้าเป็นผู้ทรยศก่อนหน้านี้ และเจ้าเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย" (ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 91)

فَالْيَوْمَ نُنَجِّيكَ بِبَدَنِكَ لِتَكُونَ لِمَنْ خَلْفَكَ آيَةً وَإِنَّ كَثِيرًا مِّنَ النَّاسِ عَنْ آيَاتِنَا لَغَافِلُونَ

ความว่า:  "ดังนั้น วันนี้เราจะให้ร่างของเจ้าออกจากทะเล เพื่อจักได้เป็นสัญญาณแก่ชนรุ่นหลังจากเจ้า และแท้จริงส่วนใหญ่ของมนุษย์เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆ ของเรา" (ซูเราะห์ยูนุส อายะห์ที่ 92)

เหตุใดศพฟิรเอาน์ อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตั้งแต่สมัยศาสดามูซา

นักโบราณคดี และนักอียิปต์วิทยา ได้ค้นพบศพของฟาโรห์รามเซส ที่ 2 (Pharaoh Ramses II) ณ สุสานของพระองค์ ในหุบเขาแห่งกษัตริย์ Valley of Kings ในปี ค.ศ.1975 แต่เป็นที่น่าประหลาดใจยิ่งนักว่าเหตุใดศพของฟาโรห์ซึ่งสิ้นพระชนน์ไปแล้วกว่าสามพันปีจึงยังคงอยู่ในสภาพดีและไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพแต่อย่างใดเลย

เรื่องที่น่าสนใจ

ต่อมาในปี 2010 ศพของฟาโรห์รามเซส ที่ 2 องค์นี้ได้ถูกส่งไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเพื่อทำการศึกษา ภายใต้การดูแลของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Dr. Maurice Bucaille ภายหลังจากทำการวิจัยในห้องทดลองพิเศษหลายชั่วโมงด้วยกัน ดร.มอริส ได้ค้นพบว่ามีเกลือสมุทรอยู่ในร่างกายของฟาโรห์เป็นจำนวนมาก

ซึ่งการค้นพบนี้ได้ยืนยันต่อทฤษฎีที่ว่า ฟาโรห์รามเซส ที่ 2 สิ้นชีวิตในทะเล ตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่านของชาวมุสลิมเมื่อกว่า 1,400 ปีมาแล้ว

ความมหัศจรรย์นี้เป็นเหตุให้ตัวของ ดร.มอริส เองต้องทำการศึกษาคัมภีร์อัลกุรอานอย่างจริงจัง จนต่อมาเขาก็ต้องยอมจำนนต่อศาสนาอิสลามและกลายเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ไปในที่สุด

คำถามคือว่า แล้วคัมภีร์อัลกุรอาน หรือแม้แต่ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) จะรู้ได้อย่างไรว่า ฟาโรห์องค์นี้เสียชีวิตในทะเล และศพของพระองค์จะถูกรักษาเอาไว้ จนมาถูกค้นพบอีกครั้งในอีกสามพันปีหลังจากนั้น หากว่าไม่ใช่เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) นี่คือเครื่องยืนยันว่าคัมภีร์อัลกุรอ่านและศาสนาอิสลามนั้นเป็นสัจธรรมที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง

ขอพระองค์ทรงทำให้หัวใจของเรายึดมั่นในการศรัทธาต่อพระองค์ และทรงนำเรากลับไปยังพระองค์ในสภาพของผู้ได้รับความพึงพอพระทัยจากพระองค์และได้พำนักอยู่ในสวนสวรรค์ของพระองค์พร้อมกับบรรดาคนที่เรารักด้วยเถิด..อามีน

ที่มา: กลุ่มไลน์ muslimthaipost

อัพเดทล่าสุด