คุตบะห์ สุดท้ายของท่านนบี ณ อารอฟะห์ ได้กล่าวเรื่องใดไว้บ้าง มุสลิมทุกคนนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม แต่ละคนและบรรดามุสลิมนั้นได้สถาปนาความเป็นพี่น้องต่อกันขึ้นมา....
คุตบะห์ สุดท้ายของท่านนบี
- ไม้ตุก๊ะ ถือขึ้นคุตบะห์ เป็นซุนนะห์หรือไม่?
- การละหมาดวันศุกร์ตามอัลกุรอาน ระบุไว้ว่าอย่างไร?
- ทำไมวันศุกร์ถึงสำคัญสำหรับมุสลิม?
- ประวัติ ทุ่งอารอฟะห์
คุตบะห์นี้ ได้ถูกกล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 9 ของเดือนซุลฮิจญะฮฺ ฮ.ศ.10 ในหุบเขาอุรอนะฮฺแห่งทุ่งอารอฟะห์ หลังจากการกล่าวสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ ท่านศาสนทูต (ซล) กล่าวว่า....
“โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย จงฟังถ้อยคำของฉัน เพราะฉันไม่รู้ว่า หลังจากที่ปีนี้ได้ผ่านพ้นไป ฉันจะได้อยู่ร่วมกับพวกท่านอีกหรือไม่ ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ฉันกำลังจะกล่าวต่อ
พวกท่านด้วยความตั้งใจเถิด และจงนำเอาถ้อยคำของฉันไปบอก กล่าวต่อบรรดาผู้ที่มิได้อยู่ ณ ที่นี่ใน วันนี้"
“โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย เดือนนี้ วันนี้ และเมืองนี้ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชีวิตและทรัพย์สินของมุสลิม ทุกคนนั้นต่างก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน (อันเป็นสิ่งหวงห้ามต่อการละเมิดซึ่งกันและกัน)จงคืนสิ่งของให้แก่เจ้าของด้วยความชอบธรรม จงปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความยุติธรรม เพื่อที่จะไม่มีผู้ใดปฏิบัติต่อท่านด้วย ความอยุติธรรม
จงรำลึกเถิดว่าแท้จริงนั้น ท่านจะได้พบกับพระเจ้าของท่าน และพระองค์จะทรงคิดคำนวณการงานทั้งหลายของท่าน”
อัลลอฮฺทรงห้ามท่านจากการกินดอกเบี้ย (ริบาอฺ) ดังนั้น “ริบาอฺ” ทั้งหลายจำต้องถูกยกเลิกจากวันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม “ทรัพย์สินของท่าน” นั้นเป็นส่วนของท่านที่ท่านจำต้องรักษา ท่านจะสร้างความเสียหายหรือสร้าง
ความเจ็บปวดต่อผู้ใดโดยปราศจากความยุติธรรม อัลลอฮฺทรงตัดสินว่าจะต้องไม่มี “ริบาอฺ” ใดๆ หรือ ริบาอฺของอับบาส อิบนุ อับดุลมุฏฏอลิบ จำต้องถูกยกเลิกทั้งหมด จากนี้เป็นต้นไป
ทุกๆ สิทธิที่เคยได้รับการละเมิดจากการถูกฆ่าในยุคก่อนอิสลาม (ญาฮิลิยะฮฺ) จะได้รับการอภัยโทษ และผู้แรกที่จะได้รับการอภัยโทษนั้นคือการละเมิดของนักฆ่า รอบีอะฮฺ อิบนุฮาริษ อิบนุอับดุลมุฏฏอลิบ
โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย บรรดาผู้ปฏิเสธต่างหมกมุ่นอยู่กับเดือนต้องห้ามเพื่อที่จะทำให้สิ่งที่อัลลอฮฺทรงสั่งห้ามกลายเป็นที่อนุมัติ และทำให้สิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ด้วยอัลลอฮฺ บรรดาเดือนทั้งหลายนั้นมีจำนวน ทั้งหมด 12 เดือน และ มีอยู่ 4 เดือนที่เป็นเดือนต้องห้าม 3 เดือนในนั้นติดต่อกัน (ซุลเกะอฺดะฮฺ ซุลฮิจญะฮฺ และมุฮัรรอม) และ มีเดือนหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างญุมาดากับ ชะอฺบาน (รอญับมุฎ็อร) พึงระวังบรรดาชัยตอนมารร้าย เพื่อความปลอดภัยต่อศาสนาของท่าน มันได้สูญสิ้นซึ่งความหวังในการที่นำพวกท่านออกนอกหนทางด้วยสิ่งที่เป็นบาป ใหญ่ ดังนั้นจงระวังการล่อลวงของมัน ที่จะนำท่านไปสู่สิ่งที่เป็นบาปเล็กทั้งหลาย
โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงแล้วท่านต่างมีสิทธิ์เหนือบรรดาภรรยาของท่าน หากแต่พวกนางก็มีสิทธิ์เหนือพวกท่านด้วยเช่นกัน พึงรำลึกเถิดว่า..ท่าน ได้นำเอาพวกนางมาเป็นภรรยาของท่านภายใต้การมอบหมายของท่านต่ออัลลอฮฺและด้วย การอนุมัติของพระองค์ หากพวกนางเชื่อฟัง ปฏิบัติตามสิทธิ์ของท่าน
ดังนั้น พวกนางก็คู่ควรที่จะได้รับสิทธิ์แห่งการดูแลด้วยอาหารและอาภรณ์ด้วย ความเมตตาของท่าน จงปฏิบัติต่อภรรยาของท่านด้วยดีและเมตตาต่อพวกนางเถิด เพราะพวกนางคือคู่ครองของท่านและเป็นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนท่าน มันเป็นสิทธิ์ของท่านและพวกนางจะไม่คบค้าสมาคมกับผู้ใดที่ท่านไม่พึงประสงค์ เช่น เดียวกับการมิให้พวกนางทำสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์
โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย พึงฟังฉันด้วยความตั้งใจเถิด จงทำการสักการะต่ออัลลอฮฺ (ผู้ทรงสร้างจักรวาลนี้) จงทำการละหมาดห้าเวลาประจำวัน (ศอลาฮฺ) จงถือศีลอดในเดือนรอมาฎอน และจงบริจาคซะกาตจากทรัพย์สินของท่านและจงทำฮัจญฺหากท่านมีความสามารถ
มนุษย์ทั้งหลายนั้นเกิดจากอดัมและฮาวา..ชนอาหรับมิได้เหนือกว่าชนที่มิใช่อาหรับหรือชนที่มิใช่อาหรับก็มิได้เหนือกว่าชนอาหรับและชนผิวขาวก็มิได้เหนือกว่าชนผิวดำหรือชนผิวดำก็มิได้เหนือกว่าชนผิวขาว เว้นแต่บรรดาผู้ที่มีศีลธรรมและผู้กระทำความดีงาม พึงตระหนักเถิดว่า
มุสลิมทุกคนนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม แต่ละคนและบรรดามุสลิมนั้นได้สถาปนาความเป็นพี่น้องต่อกันขึ้นมา ไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิมที่จะทำการละเมิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นของพี่น้องมุสลิมของเขา เว้นเสียแต่ว่า มันได้ถูกมอบให้แก่เขาด้วยความเต็มใจ ดังนั้น จงอย่ากระทำในสิ่งที่ไม่ยุติธรรมต่อตัวของท่านเองเถิด
พึงรำลึกเถิดว่า วันหนึ่งท่านจะปรากฎอยู่หน้าพระพักตร์ของอัลลอฮฺและท่านจำต้องตอบคำถามเกี่ยวกับการงานทั้งหลายของท่าน พึงระวังเถิด..จงอย่าหันเหออกจากหนทางแห่งคุณธรรมหลังจากที่ฉันได้จากไปแล้ว
โอ้ มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย แท้จริงแล้วจะไม่มีซึ่ง “นบี” หรือ “รอซูล” อื่นใดจะมายังพวกท่านหลังจากฉัน และจะไม่มี “ความศรัทธาใหม่” ใดๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ จงใช้สติของพวกท่านอย่างดีเถิด
ดังนั้น โอ้ บรรดามนุษย์ทั้งหลาย จงทำความเข้าใจต่อถ้อยคำที่ฉันนำมายังท่านฉันกำลังจะจากท่านไปโดยทิ้งไว้แก่ท่าน ซึ่ง “พระคัมภีร์แห่งอัลลอฮฺ” (อัลกุรอาน) และสุนนะฮฺของฉัน (การดำเนินชีวิต และความประพฤติอันเป็นแบบอย่างของท่านศาสนทูต มูหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยวะซัลลัม) หากท่านดำเนินชีวิตของท่านตามสองสิ่งนี้ท่านย่อมไม่มีทางที่จะหันเหออกจากหนทางนี้
บรรดาผู้ที่ฟังฉันทั้งหลายเอ๋ย จงนำถ้อยคำของฉันไปบอกกล่าวต่อผู้คนและจงให้พวกเขาเหล่านั้นบอกกล่าวต่อผู้อื่นด้วยเถิด และขอให้บรรดาคนในช่วงสุดท้าย (แห่งดุนยานี้) จงเข้าใจต่อถ้อยคำของฉันดียิ่งกว่าผู้ที่รับฟังจากฉันโดยตรงด้วยเถิด โอ้ อัลลอฮฺ โปรดเป็นสักขีพยานแก่ฉัน ว่าฉันได้ถ่ายทอดสารของพระองค์ให้แก่มวลมนุษย์แล้ว
สุนทรพจน์ (คุตบะห์) ครั้งสุดท้ายของท่านศาสนทูต ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัมลัม หรือ “คุตบะตุลวะดาอฺ” ได้ถูกกล่าวไว้ในหนังสือรายงานฮะดีษทั้งหมด
ในฮะดีษศอเฮียฮฺ อัลบุคอรีย์ได้กล่าวถึงคุตบะห์ดังกล่าวไว้ส่วนหนึ่ง (อัลบุคอรียฺ เลขที่ 1623, 1626, 6361)
ในฮะดีษของอีม่ามมุสลิมได้กล่าวถึงคุตบะห์นี้ในฮะดีษเลขที่ 98 อีม่ามอัตติรฺมิซียฺกล่าวถึงฮะดีษบทนี้ในฮะดีษเลขที่ 1628, 2046, 2085 และอีม่ามอะหมัด บิน ฮันบาล ได้รายงานไว้ยาวที่สุด และอาจถือว่าเป็นคุตบะห์ฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดในมุสนัดของท่าน ฮะดีษเลขที่ 19774)