แบบฉบับแห่งความซื่อสัตย์ของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ)


5,644 ผู้ชม

เวลารุ่งสางก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) นั่งอยู่ในกระโจมที่พักโดยมีบรรดาสาวกนั่งล้อมสนทนาอยู่กับท่าน


แบบฉบับแห่งความซื่อสัตย์ของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)

 


เวลารุ่งสางก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) นั่งอยู่ในกระโจมที่พักโดยมีบรรดาสาวกนั่งล้อมสนทนาอยู่กับท่าน ทันใดนั้นมีเงาดำเด่นชัดมาแต่ไกล ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เงาดำนั้นได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งสาวกของท่านศาสดาจำใบหน้าที่ดำคล้ำของเขาผู้นั้นได้ เขาก็คือชายเลี้ยงแกะที่นำแกะของชาวยิวไปกินหญ้าและจะนำไปคืนเจ้าของก่อนตะวันตกดินทุกวัน การที่เขามาหาท่านศาสดา(ศ็อลฯ)เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อย เพราะเขาไม่ได้นับถืออิสลาม แล้วก็ไม่ใช่ผู้ที่มีบทบาทสำคัญของชาวยิวที่จมาในฐานะเป็นตัวแทนของพวกเขาเหล่านั้น จึงไม่น่าจะมีความจำเป็นที่เขาจะมาหาท่านศาสดา (ศ็อลฯ)


ชายเลี้ยงแกะกำลังครุ่นคิดว่าเขาจะพูดถึงเจตนารมณ์ของเขาต่อท่านศาสดา (ศ็อลฯ) อย่างไรดี แต่ทว่าก่อนหน้าเขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เขาจึงได้เดินเข้าไปหากลุ่มสาวกของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ครั้นเมื่อได้เห็นท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เขาได้มุ่งไปหาท่านศาสดา (ศ็อลฯ) อย่างไม่ลังเล และได้กล่าวสลามแด่ท่าน ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้ตอบรับสลามของเขาอย่างอบอุ่น พร้อมกับหาที่นั่งให้กับเขาโดยนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เหงื่อได้ไหลท่วมใบหน้าของเขาเนื่องจากความอาย ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้ถามทุกข์สุขของเขาอย่างเป็นกันเอง และเขาก็ได้กล่าวตอบแก่ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ท่ามกลางบรรยากาศของการสนทนาที่เป็นกันเองทำให้เขาซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงกล้าที่จะกล่าวขึ้นว่า : “โอ้ศาสนทูตที่เคารพ ! ฉันอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว ฉันสนใจในตัวท่านและศาสนาของท่านเป็นพิเศษ ตอนนี้ฉันได้มาหาท่านเพื่อที่จะเข้ารับอิสลาม หากท่านเห็นว่าฉันมีความคู่ควร...”

 
ชายเลี้ยงแกะไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า ใบหน้าของท่านนบี (ศ็อลฯ) ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเบิกบาน ท่านได้ส่งยิ้มให้เขา แล้วได้กล่าวเงื่อนไขในการเข้ารับอิสลามแก่เขาและในที่สุดเขาก็ได้กล่าวปฏิญาณตนเข้ารับอิสลาม...

 
เขารู้สึกอิ่มเอิบ, มีชีวิตชีวาและอยากจะอยู่เคียงข้างกับท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ทุก ๆ ชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาได้นึกถึงบางสิ่งขึ้นมา เขาได้กล่าวว่า : “โอ้ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ฝูงแกะที่ท่านเห็นอยู่นี่เป็นของชาวยิว และฉันมีหน้าที่พาพวกมันไปกินหญ้าทุกวัน” ทันใดนั้นเขาได้นึกถึงความอดอยากและความหิวโหยของชาวมุสลิมขึ้นมา เขาจึงกล่าวต่ออีกว่า : “ในเมื่อตอนนี้มุสลิมตกอยู่ในความยากลำบากและต้องการเสบียงอาหารเป็นอย่างมาก ฉันจะขอมอบแกะเหล่านี้ให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากมันเพื่อจะได้รับชัยชนะจากสงครามเร็วยิ่งขึ้น” เพราะขณะนั้น กองทัพของมุสลิมได้ปิดล้อมป้อมปราการ “คอยบัร” ของชาวยิวอยู่กดดันให้พวกเขายอมแพ้ ซึ่งทหารของมุสลืมเองก็อ่อนล้าจากสงคราม อีกทั้งยังขาดแคลนเสบียงอาหาร

 
หลังจากที่เขาได้กล่าวคำพูดนี้ออกไป เขาคิดว่าเขาสามารถที่จะมีส่วนร่วมในชัยชนะของมุสลิมได้ด้วยกับการเสนอแนะในครั้งนี้ 


แต่ทว่าคำดำรัสของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ทำให้ความคิดของเขาต้องหยุดชงักลง ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) กล่าวด้วยคำพูดที่นุ่มนวลอย่างช้า ๆ แต่ชัดท้อยชัดคำว่า : “ฝูงแกะนี้ถูกฝากให้เจ้าเลี้ยง แม้ว่ามันจะเป็นของชาวยิวก็ตาม การคดโกงต่อสิ่งที่ถูกฝากไว้นั้น ในศาสนาของเราเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นเจ้าจำเป็นที่จะต้องเอาแกะเหล่านี้ไปคืนแก่เจ้าของของมัน”


ชายเลี้ยงแกะไม่อาจจะกล่าวอะไรต่อไปอีก เขาครุ่นคิดด้วยความงุนงง แต่เมื่อเขาได้เห็นท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ทำในสิ่งที่ตัวของท่านเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ดวงใจของเขากลับเจิดจ้าด้วยกับรัศมีดั่งกับแสงตะวันที่เจิดจ้าพร้อมกับทำให้เขามีความดื่มดำและเชื่อมั่นต่อศาสนาอิสลามมากขึ้น


เขาได้ขออนุญาตท่านศาสดา (ศ็อลฯ) เพื่อนำฝูงแกะไปคืนให้กับเจ้าของ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้กลับมายังกองทัพของอิสลามอีกครั้ง


หลังจากนั้น ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ได้ยินเสียง ๆ หนึ่ง เป็นเสียงที่บ่งบอกว่าเป็นพระวจนะที่ถูกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้าที่กำลังตรัสกับท่านว่า :


“แท้จริงอัลลอฮ์ทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินความระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮ์ทรงแนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและทรงเห็น” (นิซาอ์ / 58)


ชายเลี้ยงแกะรู้สึกสบายใจ และภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาอยู่ภายใต้ศาสนาอิสลาม...

ที่มา:   quran-admin.blogspot.com

อัพเดทล่าสุด