เวลาที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม


104,898 ผู้ชม

เป็นสิ่งน่ารังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวทางเพศในระหว่าง 3 คืนของ แต่ละเดือนคือคืนแรก คืนสุดท้าย และคืนที่15 กล่าวกันว่า


ความสัมพันธ์ทางเพศ มีบทบาทสำคัญยิ่งในชีวิตสมรส ถือเป็นหน้าที่ที่สามีและภรรยาจะต้องไม่ละเลยที่จะเรียนรู้ การหาความรู้ก่อนที่จะสมรส และในช่วงที่สมรสแล้ว หากว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของเพศสัมพันธ์ทั้งเหตุและผลอย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ชีวิตสมรสมีความสุข อันจะทำให้ความรักและชีวิตสมรสชองเรายืนยงตลอดไป


เวลาที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม

เวลาที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม

ผู้เขียนอิห์ยากล่าวว่า:  เป็นสิ่งน่ารังเกียจที่จะยุ่งเกี่ยวทางเพศในระหว่าง 3 คืนของ แต่ละเดือนคือคืนแรก คืนสุดท้าย และคืนที่15 กล่าวกันว่า ชัยฏอนออกเร่ร่อนในค่ำคืนเหล่านี้ เรื่องนี้ได้บอกกล่าวไว้โดยฮัซรัตอะลี ฮัซรัตมุอาวิยฮ์ และฮัซรัตอบูหุร็อยเราะห์ (ร.ฎ.)
 

ผู้เขียนริฟาอะตุมุสลิมีน กล่าวเกี่ยวกับเรื่องข้างต้นว่า คืน วันพุธ และกลางคืนของทั้งสองวันอีด ควรจะหลีกเลี่ยงรวมทั้งคืนหลังจากที่บุคคลตั้งใจจะเดินทางในวันรุ่งขึ้น ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ในคืนเหล่านี้อาจจะมีผลต่อลูก
 

รายงานในติบบุนนะบะวีย์ ว่ารอซูลุลลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้แนะนำ ฮัซรัตอะลี (ร.ฎ.) ว่า  "อย่าได้มีเพศสัมพันธ์ในคืนที่สิบห้าเนื่องจากชัยฏอน (ชะยาฎีน) ปรากฏขึ้นจำนวนมากในคืนนี้"
 

ในฟุตโน๊ตของชะมาอีลติรมีซี กล่าวว่า "หากมีการตั้งครรภ์ขึ้นในระหว่างเวลาละหมาด (โดยละเลยการทำละหมาด) ผลก็คือเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟัง"

การเตรียมตัวเตรียมใจ
สิ่งนี้ได้กล่าวมาแล้วในเรื่องการเตรียมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อแนะนำของ อัลละมะฮ์อินุลเญาซี (รอฮมะฮุมุลลอฮ์) ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องนี้ยิ่งกว่านั้นฮัซรัต อิบนุอับบาส (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) กล่าวว่า

"ข้าพเจ้ารักที่จะแต่งตัวให้งดงามเพื่อสตรี (ภรรยา) ของข้าพเจ้ามากเท่าที่ข้าพเจ้าหวังว่า เธอจะแต่งตัวของเธอให้งามสำหรับข้าพเจ้า" นี่แสดงให้เห็นการเตรียมตัวทางด้านจิตใจจากทั้ง สองฝ่าย
การเล้าโลมก่อนมีเพศสัมพันธ์
การเล้าโลมเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับความสุขและชีวิตแต่งงานที่ไม่ควรถูกละเลย เป็นเรื่อง สำคัญอย่างแท้จริงว่า สามีควรปลุกเร้าทางเพศแก่ภรรยาของเขาโดยผ่านการเล้าโลมก่อนที่จะหาความสำราญในการร่วมเพศความจริงแล้วเป็นความเห็นแก่ตัวและโหดร้าย ที่ผู้ชายสำเร็จความใคร่ทางเพศของเขาเหมือนสัตว์ โดยที่ผู้หญิงยังไม่มีอารมณ์แต่อย่างใด สิ่งนี้เป็นความไร้ศีลธรรมต่อผู้หญิงอย่างที่สุด และจะมีผลอันยุ่งยากตามมาสำหรับการเป็นสามีภรรยาและการแต่งงาน ดังนั้นสามีภรรยาจะต้องยุ่งยากสักหน่อย ในการสำรวจตรวจตราว่า ตรงไหนของร่างกายของคู่รัก ที่จะปลุกความปรารถนาและทำให้ความสำราญเพิ่มขึ้น บริเวณเหล่านี้เรียกว่า "จุดปลุกเร้าทางเพศ" จุดเหล่านี้แตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วจะมุ่งไปที่บริเวณส่วนบนของร่างกายและบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าสะดือ หลังเข่าและที่ปาก ฯลฯ จุดเหล่านี้หากถูกลูบไล้อย่างอ่อนโยนจะก่อให้เกิดความปรารถนาทางเพศขึ้นและจุดอารมณ์ขึ้นมาแม้แต่ในเรื่องนี้เราจะพบคำสอนอันงดงามของรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) อันเป็นทางนำให้แก่เรา
ด้วยพฤติกรรมอันลึกซึ้งท่านได้ประทับความคิดลงบนสาวก (ร.ฎ.) ของท่านถึงความสำคัญและความจำเป็นในการเล้าโลมก่อนร่วมเพศกับภรรยา ตัวอย่างเช่น
 

มีรายงานจากหลายหะดีษว่าครั้งหนึ่ง รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) มารู้ว่าฮัซรัตญาบิร (ร.ฎ.) ได้แต่งงานกับแม่ม่าย ท่านกล่าวว่า "ทำไมท่านจึงไม่แต่งงานกับหญิงสาวบริสุทธิ์ซึ่งท่านจะหาความสำราญกับเธอก็จะหาความสำราญกับท่าน?" บุคอรี มุสลิม

 นี่เป็นการบ่งบอกอย่างลึกซึ้งถึงการเล้าโลม และเป็นการแสดงความรักระหว่างคู่ชายหญิงยิ่งกว่านั้นความสำคัญของการแสดงออกทางความรักและความรู้สึกต่อกันนั้นสามารถเรียนรู้ได้จากหลายหะดีษของท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) จนมีผลกระทั่งว่าเมื่อสามีหรือภรรยาจ้องมองกันด้วยความรักและความผูกพันธ์อัลลอฮ์ (สุบห์ฯ) จะจ้องมองพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา เมื่อสามีและภรรยาจับมือกันและกันด้วยความรักและความผูกพันธ์ อัลลอฮ์จะยกโทษในบาปของพวกเขาให้ในระหว่างที่ภรรยามีน้ำนมไหลออกมา แต่เกิดมามีเพศสัมพันธ์กับสามีสามีควรระมัดระวังไม่ให้น้ำนมไหลเข้าคอในระหว่างหาความสำราญเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ สำหรับสามีที่จะดื่มนมภรรยาของเขาด้วยความไม่รู้ถ้าบุคคลใดไปละเมิดกฎเกณฑ์ของชะรีอะฮ์เข้า วิธีเดียวที่จะตอบแทนความผิดก็คือการสารภาพโทษ (เตาบะฮ์) อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้มีผลต่อข้อผูกมัดทางการนิกะฮ์ อย่างที่หลายคนมีความเข้าใจผิดแต่อย่างใด
อ่านดุอาอฺ 

เพื่อป้องกันจากชัยฎอนและอันตรายอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องอ่านดุอาอ (การขอพร) มัสนูน ในเวลามีเพศสัมพันธ์ ในหนทางเช่นนี้สามีภรรยาและลูกจะได้รับการปกป้องจากอันตรายที่มีอยู่มากมาย ดุอาอฺที่ดีตามลำดับในโอกาสนี้มีดังต่อไปนี้    (อ่านเพิ่มเติม:  ดุอาอฺเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา)

1. ในเวลาที่เริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์ให้อ่าน :

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ข้าแต่อัลลอฮ์โปรดทรงให้ชัยฏอน (มารร้าย) ห่างไกลจากเรา และโปรดให้ชัยฏอนห่างไกลจาก สิ่งที่พระองค์ให้เป็นริสกีย์แก่เราด้วย

2. ในเวลาหลั่งน้ำอสุจิออกมาให้อ่านว่า:

ข้าแต่อัลลอฮ์ อย่าปล่อยให้ชัยฏอนมีส่วนในสิ่งที่พระองค์ประทานให้เรา


เวลาที่ต้องห้ามมีเพศสัมพันธ์ในอิสลาม

 
***ข้อควรจำ

1. ในเวลาที่หลั่งน้ำอสุจิออกมาควรอ่านดุอาอฺในใจเท่านั้น ไม่ต้องอ่านทางปาก
2. ทั้งสามีและภรรยาควรอ่านดุอาอฺมีรายงานว่าหากบุคคลใดไม่อ่านดุอาอฺเหล่านี้ชัยฏอนจะเข้าร่วมกับเขาในการมีเพศสัมพันธ์นั้น และจะหาความสำราญจากภรรยาของเขาด้วยการไม่อ่านดุอาอฺยังเป็นสาเหตุให้ลูกๆ ดื้อดึงไม่เชื่อฟังอย่างที่ได้เห็นในสมัยของเรา ชาฮ์อับดุลอักเดฮ์ลาวี (รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) ได้กล่าวในเรื่องนี้ไว้ว่า "หากว่าไม่มีการอ่านอ้อนวอนขอในเวลามีเพศสัมพันธ์ โดยมีแต่แรงกระตุ้นทางเพศของเขาเหมือนอย่างสัตว์อย่างเดียวแล้ว ลูกที่เกิดมาจากการรวมตัวกันนี้จะไม่ปลอดภัยจากอิทธิพลอันเลวร้ายของชัยฏอน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าศีลธรรมของคนรุ่นเราไม่ดี" ริฟาอะตุลมุสลีมีนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือการทำซิกร์ (รำลึกถึงอัลลอฮ์) อิสลามนั้นไม่เหมือนกับศาสนาอื่นๆอิสลามถือว่า กิจการทางโลก เป็นการกระทำที่เป็นการภักดี (อิบาดะฮ์) และเป็นการเชื่อฟัง (ฏออัต) หากกระทำตามกฎเกณฑ์ชะรีอะฮ์ และด้วยความตั้งใจที่ถูกต้องและด้วยการรำลึก (ซิกร์) ถึงอัลลอฮ์

ดังนั้น การกระทำที่โดยทั่งไปในศาสนาอื่นคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ได้รับการยอมรับกลับเป็นการกระทำการภักดีที่มีเกียรติยศและเป็นการเชื่อฟังเป็น เป็นการกระทำที่ได้รับรางวัล
ในอิสลาม

 ดุอาอฺเหล่านี้เป็นการพัฒนาความมีสติสำนึกต่ออัลลอฮ์และความมีใจกุศลในมุสลิม เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งว่าสามีภรรยาจะต้องเรียนรู้จดจำ และอ่านดุอาอฺเหล่านี้ในเวลาที่เหมาะสม อาจต้องใช้ความพยายามและการเสียสละสักเล็กน้อย แต่สิ่งที่จะได้กลับมา จะมีผลอีกยาวนานในอนาคต

ท่าที่อนุญาต

ในร่างกายของมนุษย์ตามธรรมชาติที่สุดแล้วมีอยู่สามท่าคือ ยืน นั่ง (หรือนั่งยองๆ) และนอน ในเรื่องท่าทางที่เกี่ยวกับเพศสัมพันธ์นั้น โดยทั่วไปอิสลามจะอนุญาตยกเว้นจะกระทำอย่างผิดธรรมชาติ อย่างเช่น การใช้เว็จมรรค (ทางทวารหนัก หรือประตูหลัง) ดังนั้น จึงยังคงเหลืออยู่สองท่าคือ ท่านั่งหรือท่านั่งยองๆ และท่านอนในเรื่องนี้มีนัยต่างๆที่บ่งบอกไว้ในกุรอานและหะดีษ

"พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างสูเจ้าจากชีวิตหนึ่งและจากนั้นพระองค์ทรงสร้างคู่ของเขาขึ้นมา เพื่อว่าเขาจะได้หาความสำราญจากนางเมื่อเขาอยู่เหนือนาง (มีเพศสัมพันธ์กับนาง) นางก็จะตั้งครรภ์อ่อนๆ"

คือเมื่อภรรยาอยู่ในท่านอนหงาย ร่างกายของผู้ชายวางอยู่เหนือเธอในท่าที่เขาครอบคลุมตัวเธอด้วยร่างกายของเขา ในหะดีษที่อธิบายถึงแบบอย่างของกุซอลนั้น วิธีการมีเพศสัมพันธ์ร่วมกันที่พาดพิงถึง มีดังนี้

" เมื่อใดก็ตามที่พวกท่านนั่งอยู่ระหว่างสี่จุดของฝ่ายหญิง และใช้แรงของ ท่านต่อเธอเกี่ยวกับเรื่อง "สี่จุดของฝ่ายหญิง" นี้มีความคิดต่างกันไปในเรื่องของการตีความ ดูเหมือนว่าจะหมายถึงท่าที่ผู้หญิงยกเข่าขึ้น และผู้ชายสอดใส่ในท่านั่งยองๆทำให้ต้นขาและน่องของผู้หญิงกลายเป็นสี่ส่วน และอัลลอฮ์รู้ดีที่สุด
นอกจา กนั้นท่าทางหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่สามีและภรรยาเลือกนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ ครั้งหนึ่งฮัซรัต อุมัร (รอฎิยัลลอฮุอันฮุม) มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของท่านทางข้าง
หลัง (แต่ไม่ใช่ทางทวารหนัก) ต่อมาท่านมีความคิดว่าท่านได้กระทำสิ่งอันไม่พึงปรารถนาลงไป โดยทันทีท่านได้เร่งรุดออกไปหารอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) โดยร้องว่า

"ข้าพเจ้าแย่แน่แล้ว ข้าพ เจ้าแย่แน่แล้ว!" ท่านถูกถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งท่านได้เล่าเรื่องความกลัวของท่านที่ท่าน ได้กระทำสิ่งมิพึงปรารถนาลงไป รอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) คงนิ่งเฉยและมิได้ตอบอะไรลงไป ต่อมาโองการของอัลกุรอานดังต่อไปนี้ได้ถูกประทานลงมา "ภรรยาของเจ้าคือไร่นาสำหรับเจ้าดังนั้นจงเข้าไปสู่ทุ่งนาของเจ้าตามประสงค์เถิด" 2/223
หลังจากนั้นรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้อธิบายข้อความของโองการนี้ว่า การมีเพศสัมพันธ์นั้นได้รับอนุญาตทุกท่า ไม่ว่าจะทางข้างหน้าหรือทางข้างหลัง ตราบใดที่ไม่มีการใช้ประตูหลังเพราะนั่นเป็นสิ่งหะรอม ตัวอย่างสำหรับผู้หญิงในกุรอานนั้นเป็นเสมือนไร่นา ซึ่งสามารถเข้าไปได้ทุกทิศทางยกเว้นว่าเมล็ดพันธ์ของมันจะถูกหว่านลงใส่ทุ่งนาเท่านั้นไม่ใช่ที่อื่นๆในทำนองเดียวกันวิธีการที่จะเข้าถึงทุ่งนานั้นได้รับอนุญาตไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา ในทางกลับกันไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ จะนอนราบหรือนั่งก็ได้ตราบใดที่ "เมล็ดพันธุ์"ถูกหว่านลงใน "ทุ่งนา" ไม่ใช่ที่อื่นๆ
มีความคิดผิดๆ เกิดขึ้นในเรื่องการสอดใส่ เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ที่ขาดหลักฐาน ว่าได้มีชาวยิวของนครมะดีนะฮ์ ที่หาความสำราญด้วยการสอดใส่ทางข้างหลัง ตามความคิดของพวกเขาการกระทำเช่นนั้น เด็กที่เกิดมาจากการรวมตัวจะตาเหล่ มุสลิมบางคนถูกนำทางผิดๆ ด้วยเรื่องเช่นนี้ของชาวยิว เมื่อโองการจากอัลกุรอานดังกล่าวได้ถูกประทานลงมาความคิดผิดๆ เช่นนั้นก็หมดสิ้นและถูกทำลายไปตลอดกาล

ที่มา:   muslimchiangmai.net
https://islamhouse.muslimthaipost.com


อัพเดทล่าสุด