เฝ้ากุโบร์อ่านกุรอานให้คนตายได้หรือไม่?


7,999 ผู้ชม

การเฝ้ากุโบร์นั้นไม่เป็นสิ่งที่ถูกร้องขอให้กระทำในศาสนบัญญัติ อันที่จริงสิ่งที่ถูกร้องขอให้กระทำในศาสนบัญญัติคือ การอ่าน อัล - กุรอานใน (ขั้นตอน) ทั้งหมดของการฝังมัยยิต.....


เฝ้ากุโบร์อ่านกุรอานให้คนตายได้หรือไม่?

การเฝ้ากุโบร์เพื่ออ่านกุรอานให้คนตายได้หรือไม่?

ตอบโดย: อ.อาลี เสือสมิง

ชัยคฺ อับดุลกอดิร อัล-มันดีลียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า “การเฝ้ากุโบร์นั้นไม่เป็นสิ่งที่ถูกร้องขอให้กระทำในศาสนบัญญัติ อันที่จริงสิ่งที่ถูกร้องขอให้กระทำในศาสนบัญญัติคือ การอ่าน  อัล - กุรอานใน (ขั้นตอน) ทั้งหมดของการฝังมัยยิต.....” (บิบิรฺอะปอ เมอติยารอ ยังบากูซฺ ลาฆี เอ็นเดาะฮฺ  หน้า 49)
บรรดานักวิชาการฟิกฮฺสังกัดมัซฮับ อัล-หะนะฟียะฮฺ อัล-มาลิกียฺ และ อัช-ชาฟิอียฺ ระบุว่า เป็นที่มักรูฮฺในการค้างแรม (มะบีตฺ) ที่สุสานโดยไม่มีความจำเป็น (เฎาะรูเราะฮฺ) เช่น กลัวจากการขุดสุสาน เป็นต้น เพราะการค้างแรมที่สุสานไม่เป็นที่รู้กันจากสุนนะฮฺและเนื่องจากมีความเปล่าเปลี่ยว (วังเวง) ในการค้างแรมที่สุสาน และบางทีผู้ค้างแรมอาจจะเห็นสิ่งที่ทำให้สติของเขาหมดไป 
(ดู บะดาอิอฺ อัศเศาะนาอิอฺ 1/320 , ชัรหุ ฟัตหิลเกาะดีร 2/142 , อัล-อัคฺติย๊าร 1/97 , มัจญฺมะอฺ อัล-อันฮุ๊ร 1/187 ,  อัล-มุนตะกอ 2/23 , อัล-หาวียฺ อัล-กะบีรฺ 3/238 ,  อัล-มุฮัซซับ 1/139 , อัล-มัจญ์มูอฺ 5/269 , มุฆนียฺ อัล-มุหฺต๊าจฺญ์  /362 เราวฺเฎาะฮฺ อัฏ-ฏอลิบีน 2/143) 
ชัยคฺกะมาลุดดีน อิบนุ อัล-ฮุมาม อัล-หะนะฟียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า และทุกๆ สิ่งที่ไม่เป็นที่รู้กันจากสุนนะฮฺในการเยี่ยมเยียนสุสานย่อมเป็นที่มักรูฮฺ ในการนำสิ่งนั้นมาปฏิบัติ .... และสิ่งที่รู้กันจากสุนนะฮฺไม่ใชอื่นใดนอกเสียจากการเยี่ยมเยียนสุสานและการขอดุอาอฺที่สุสานในสภาพที่ยืน เหมือนอย่างที่ท่านนบี (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) เคยมักกระทำในการออกไปยังอัล-บะเกียอฺ (ชัรหุฟัตหิล เกาะดีร 2/142)
และ อิมาม อัช-ชาฟิอียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า “และฉันไม่ชอบการค้างแรม (มะบีต) ในสุสานเนื่องจากมีความเปล่าเปลี่ยว (วังเวง) ต่อผู้ค้างแรม” (อัล-อุมม์ 1/278) และ อัล-มาวัรฺดียฺ ถ่ายทอดคำกล่าวของอิมาม อัช-ชาฟิอียฺ (ร.ฮ.) นี้ด้วยถ้อยคำอื่น –ดูเหมือนว่าจะอยู่ในต้นฉบับอื่นว่า อิมาม อัช-ชาฟิอียฺ (ร.ฮ.) กล่าวว่า และฉันรังเกียจการค้างแรมที่สุสานเนื่องจากในสิ่งดังกล่าวมีความเปล่าเปลี่ยว(วังเวง) และการรบกวนหัวใจ (วิตกจริต-เสียว) (อัล-หาวียฺ อัล-กะบีร 3/328) 
ชัยคฺ อัล-เคาะฏีบ อัช-ชิรฺบีนียฺ นักวิชาการสังกัดมัซฮับ อัช-ชาฟิอียฺรุ่นหลัง กล่าวว่า และตีความได้ว่าการค้างแรมในสุสานไม่เป็นที่มักรูฮฺ เมื่อหลุมสุสานนั้นอยู่ในบ้านที่มีคนอาศัยอยู่แตกต่างกับกรณีที่สุสานนั้นอยู่ในทะเลทรายก็ถือว่าเป็นที่มักรูฮฺ... 
การแยกประเด็นระหว่างสุสานที่อยู่ในบ้านและสุสานที่อยู่ในทะเลทรายนั้นชัดเจนยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นสุสานส่วนใหญ่มีผู้คนอาศัยอยู่ จึงน่าจะไม่เป็นที่มักรูฮฺในกรณีนี้ และถูกเอามาจากการให้เหตุผลในกรณีมักรูฮฺว่า : แท้จริงคำพูด (ที่ว่ามักรูฮฺ) นั้น กรณีเมื่อผู้นอนอยู่คนเดียว ส่วนเมื่อพวกเขามีกันหลายคนอย่างที่เกิดขึ้นส่วนมากในปัจจุบันกรณีการค้างแรมในค่ำวันศุกร์เพื่ออ่านอัล-กุรอานหรือซิยาเราะฮฺสุสานก็ไม่มีการเป็นมักรูฮฺแต่อย่างใดในกรณีดังกล่าว” 
(มุฆนียฺ อัล-มุหฺต๊าจญ์ 1/362)
สรุปได้ว่า การนอนค้างแรมในสุสานหรือที่เรียกว่า “เฝ้ากุโบร์” นั้น นักวิชาการฟิกฮฺส่วนใหญ่เห็นว่า "เป็นมักรูฮฺ" โดยให้เหตุผลว่า...

- ไม่เป็นที่รู้กันว่าเป็นซุนนะฮฺให้กระทำ

-ไม่ใช่สิ่งที่ถูกเรียกร้องให้กระทำตามบัญญัติของศาสนา

-การค้างแรมในสุสานก่อให้เกิดความเปล่าเปลี่ยว (วิหฺชะฮฺ) และผู้ค้างแรมอาจจะเห็นสิ่งที่ทำให้เสียสติได้
ส่วนกรณีมีความจำเป็น (เฎาะรูเราะฮฺ) ที่จะต้องนอนค้างแรมในสุสานเพื่อป้องกันมิให้สัตว์ร้ายมาขุดศพหรือขโมยที่จะมาขุดศพแล้วเอากะฟั่นไป หรือมีเหตุผลจำเป็นอื่นๆ ที่จำต้องเฝ้าสุสานก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้ และไม่เป็นที่มักรูฮฺแต่อย่างใด 
ส่วนกรณีที่ชัยคฺ อัล-เคาะฏีบ (ร.ฮ.) กล่าวเอาไว้นั้นเป็นการวิเคราะห์เหตุผลตามสภาพความเป็นจริงที่รู้กันในประเทศอียิปต์ เช่น ที่สุสานใหญ่ในไคโร เชิงเขาอัล-มุก็อฏฏอมซึ่งเรียกกันว่า “เกาะรอฟะฮฺ อัล-กุบรอ” ที่นั่นเป็นสุสานขนาดใหญ่มีการสร้างบ้านเรือนที่ครอบพื้นที่สุสานเอาไว้ และมีคนอาศัยอยู่ ซึ่งลักษณะเช่นนี้ไม่มีปรากฏในบ้านเมืองของเรา แม้เหตุผลที่ตีความว่า ถ้าอยู่กันหลายคนก็ไม่เป็นที่มักรูฮฺนั้น ก็ยังคงไม่พ้นประเด็นที่นักวิชาการฟิกฮฺส่วนใหญ่ให้เหตุผลเอาไว้อยู่ดี 
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่สมควรหลีกห่างในการนอนค้างแรมในสุสาน ส่วนการอ่านอัล-กุรอานนั้นก็ไม่เข้าข่ายว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด (เฎาะรูเราะฮฺ) ที่จะนอนค้างแรมที่สุสานเพื่ออ่านอัล-กุรอานที่นั่น เพราะสามารถอ่านที่บ้านหรือที่มัสญิดก็ได้โดยไม่ต้องค้างแรมที่สุสาน


والله اعلم بالصواب

ที่มา: alisuasaming.org


อัพเดทล่าสุด