ชีวประวัติ นบียูนุส ปลาที่กลืนนบียูนุส แบบย่อ นบียูนุส เป็นที่จักในฉายาว่า “ซุนนูน” อัลลอฮฺได้ทรงกล่าว เกี่ยวกับผู้คนของท่านว่า....
นบียูนุส เป็นที่จักในฉายาว่า “ซุนนูน” อัลลอฮฺได้ทรงกล่าว เกี่ยวกับผู้คนของท่านว่า :
“มีตัวอย่างของเมือง (ชุมชน) ใดบ้างไหม ที่เชื่อ (หลังจากได้เห็นการลงโทษ) และความศรัทธาของชุมชน (ในขณะนั้น) ได้ช่วยเหลือชุมชนนั้น ไว้ (จากการลงโทษ) ? (คำตอบคือไม่มี) ยกเว้นแต่หมู่ชนของยูนุส เมื่อพวกเขาศรัทธา เราจึงได้ปลดเปลื้องการลงโทษ อันน่าอับอายออกไป จากพวกเขาในชีวิตโลกนี้ และได้ให้พวกเขา ใช้ปัจจัยทั้งหลาย แห่งชีวิต ชั่วเวลาหนึ่ง” (กุรอาน 10:98)
ครั้งหนึ่ง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนิเนเวห์ เป็นผู้บูชาเทวรูปที่ใช้ชีวิต โดยไม่มีความละอาย ดังนั้น นบียูนุสจึงได้ถูกลงมา สอนผู้คนเหล่านั้น ให้หันมาเคารพสักการะอัลลอฮฺ แต่ผู้คนไม่ชอบให้เขา ไปก้าวก่ายการเคารพสักการะเทวรูปของตน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงโต้แย้งว่า “เราและบรรพบุรุษ เคารพกราบไห้วพระเจ้าเหล่านี้ มาเป็นเวลานานแล้ว และไม่เห็นมีโทษอะไร เกิดขึ้นกับเรา”
ถึงแม้นบียูนุส พยายามจะชี้ให้เห็นว่า การเคารพกราบไห้วเทวรูป ต่างๆ เป็นเรื่องเขลา งมงายและกฎหมายของอัลลอฮฺ เป็นสิ่งที่ดีงาม แต่ผู้คนก็ไม่สนใจท่าน ลงโทษของอัลลอฮฺ ก็จะมายังพวกเขา แต่แทนที่จะกลัวอัลลอฮฺ ผู้คนได้บอกนบียูนุสว่า พวกเขาไม่กลัวคำข่มขู่ของท่าน ท่านว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะปล่อยให้พวกท่าน ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนกันเอง” หลังจากนั้น ท่านก็ออกจากเมืองนิเนเวห์ ไปด้วยความกลัวอัลลอฮฺ จะทรงกริ้ว ในไม่ช้า
“และจงนึกถึงซุนนูน เมื่อเขาหนีไปด้วยความโกรธ เพราะเขาคิดว่า เราจะไม่เอาความผิดเขา แต่หลังจากนั้น เขาก็วิงวอนต่อเรา จากท่ามกลางความมืด โดยกล่าว ‘ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ แท้จริง ฉันอยู่ในหมู่ผู้ทำผิด” (กุรอาน 21:87)
แต่ยังไม่ทันที่นบียูนุสออกไปจากเมือง ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี ที่เหมือนไฟกำลังไหม้ ผู้คนต่างพากันตกใจกลัว เมื่อเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีเช่นนั้น และนึกถึงการถูกทำลายของชาวอ๊าด ชาวษะมูดและผู้คนของนูฮฺ หลายคนถามตัวเองว่า จะประสบชะตากรรมเดียวกัน หรือไม่ ? แต่แล้วความศรัทธาก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจ ของพวกเขา อย่างช้าๆ หลังจากนั้น ผู้คนทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันแอยู่บนภูเขา และวิงวอนขอความเมตตา และการอภัยโทษต่ออัลลอฮฺ บนภูเขาที่มีเสียงร้องไห้ของพวกเขา ก้องกังวานไปทั่ว นั่นเป็นช่วงเวลา ที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิด อย่างแท้จริงใจ
ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ทรงคลายความกริ้ว ของพระองค์ และประทานความจำเริญแก่พวกเขา อีกครั้งหนึ่ง เมื่อพายุร้ายผ่านไป พวกเขาก็วิงวอนขอให้นบียูนุส กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้มาชี้นำพวกเขา
ในเวลานั้น นบียูนุสได้ขึ้นเรือเล็กๆ ลำหนึ่งไปแล้ว พร้อมกับผู้โดยสารอีกจำนวนหนึ่ง เรือลำนั้นแล่นออกสู่ท้องทะเล อันสงบตลอดทั้งวัน แต่พอกลางคืน ทะเลก็เปลี่ยนแปลง อย่างกระทันหัน พายุร้ายได้หันกระหน่ำ ราวกับว่ามันกำลังจะทำลายเรือ ให้แตกออกเป็นชิ้นๆ คลื่นทะเลที่สูงดังภูเขา และลึกเหมือนหุบเขา ได้โยนเรือลำน้อยไปมา อยู่กลางทะเล ที่โหดร้ายดูน่าร้าย
ขณะเดียวกัน ด้านหลังของเรือ ก็มีปลาวาฬขนาดมหึมาตัวหนึ่ง กำลังพ่นน้ำ และอ้าปากอยู่ อัลลอฮฺได้ทรงบัญชา ให้ปลาวาฬนั้น โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ และตามเรือลำนั้นไป ปลาวาฬตัวนั้น จึงโผล่มาเหนือน้ำ ตามบัญชา และว่ายน้ำตามเรือ ไปด้วยความเชื่อฟัง
ความโกลาหลบนเรือ ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป และผู้คุมเรือ ได้ขอให้ผู้ที่อยู่บนเรือ ช่วยกันทำให้เบาลง ดังนั้น พวกเขาได้โยนสิ่งของ ที่นำมาทั้งหมด ลงทะเลไป แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอ พวกเขาจำเป็นต้องลดน้ำหนัก ของเรือลงอีก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ดังนั้น พวกเขาจึงได้ตัดสินใจกันเองว่า จำเป็นให้ใครคนหนึ่ง ออกจากเรือไป เพื่อที่เรือจะได้เบาลง
กัปตันเรือได้ออกคำสั่งว่า : “เราจะเสี่ยงทาย โดยใช้ชื่อของคน ที่อยู่บนเรือ ถ้าเสี่ยงทายได้ชื่อของใคร คนนั้นจะต้องถูกโยนลงทะเลไป” นบียูนุสรู้ว่า นี่เป็นประเพณีของคนเดินเรือ เมื่อต้องเผชิญภาวะวิกฤต กลางท้องทะเล มันเป็นประเพณีของลัทธิบูชาเทวรูป แต่มันถูกนำมาใช้ในเวลานั้น ด้วยเหตุนี้ วิกฤตของนบียูนุส จึงเริ่มขึ้น
ท่านเป็นนบี แต่ต้องตกอยู่ภายใต้กฎ ของลัทธิเชื่อถือโชคลาง ของผู้บูชาเทวรูป ที่ว่าทะเล และ ลม มีเทพเจ้าที่สร้างความปั่นป่วน กัปตันเรือต้องเอาใจเทพเจ้าเหล่านี้ นบียูนุสไม่อยากที่จะเข้าไปร่วม ในการเสี่ยงทายนี้ แต่ชื่อของท่านก็ได้ถูกรวม ไว้กับชื่อของผู้โดยสารท่านอื่นๆ แล้ว และเมื่อมีการเสี่ยงทาย ก็ได้ปรากฏว่า ได้ชื่อของ “ยูนุส” ขึ้นมา
เนื่องจากผู้โดยสารรู้ว่า ท่านเป็นผู้มีเกียรติสูงสุด ในหมู่พวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อยากที่จะโยนท่าน ลงไปในทะเล ที่กำลังโกรธกริ้ว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงตัดสินใจ ที่จะทำการเสี่ยงทายอีกครั้งหนึ่ง
นบียูนุสรู้ดีว่า นี่คือพระประสงค์ของอัลลอฮฺ เพราะท่านได้ทิ้งภารกิจของท่าน มา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบ จากอัลลอฮฺ ดังนั้น การเสี่ยงทายจึงจบลง และทุกคนเห็นว่า นบียูนุสควรจะกระโดด ลงทะเลไปเอง นบียูนุสได้ปีนขึ้นไปบนกราบเรือ และมองไปที่ทะเลในยามกลางคืน ที่มืดมิด และไม่มีดวงจันทร์ ดวงดาวก็ถูกบดบังด้วยหมอกหนา แต่ก่อนที่จะกระโดดลงไปในทะเล นบียูนุสได้กล่าวพระนามของอัลลอฮฺ หลังจากนั้น ท่านก็กระโดดลงไปในทะเล ที่กำลังบ้าคลั่ง และหายไปภายใต้คลื่นใหญ่
ปลาวาฬ เห็นนบียูนุส ลอยอยู่บนคลื่นต่อหน้ามัน ดังนั้น มันจึงได้กลืนนบียูนุสเข้าไป ในท้องของมัน และปิดปากที่มีฟัน เหมือนงาช้าง ขังท่านไว้ราวอยู่ในคุก หลังจากนั้น ปลาวาฬก็ดำสู่ก้นทะเล ที่เต็มไปด้วยความมืด
นบียูนุสถูกความมืดครอบคลุมไว้ ถึงสามชั้น ความมืดชั้นแรก คือท้องของปลาวาฬ ความมืดชั้นที่สอง คือความมืดของท้องทะเล ความมืดชั้นที่สาม คือความมืดของกลางคืน นบียูนุสคิดว่า ตัวเองตายแล้ว แต่ความรู้สึกของท่าน ยังคงตื่นอยู่ เมื่อท่านพบว่า ท่านยังสามารถเคลื่อนไหวได้ ท่านรู้ว่าท่านยังมีชีวิต และถูกกักขังอยู่ท่ามกลางความมืด สามชั้น หัวใจของ ท่านเกิดความรู้สึก โดยการระลึกถึงอัลลอฮฺ ลิ้นของท่านเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา หลังจากที่ได้กล่าวว่า : “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ แท้จริง ฉันอยู่ในหมู่ผู้ทำความผิด” (กุรอาน 21:87)
นบียูนุสคงวิงวอนต่ออัลลอฮฺ ต่อไป โดยไม่หยุด ปลาต่างๆ รวมทั้งปลาวาฬ พืชใต้ทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ในทะเล ต่างได้ยินเสียงวิงวอน และคำสรรเสริญอัลลอฮฺ ของนบียูนุส ออกมาจากท้องปลาวาฬ ดังนั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ในท้องทะเล รอบปลาวาฬ จึงรวมกันสดุดีอัลลอฮฺ เป็นการตอบรับ ในลักษณะ และภาษา ของมันเอง
ปลาวาฬตัวนั้น ก็มีส่วนร่วมในการสดุดีอัลลอฮฺ และรู้ตัวว่า มันได้กลืนนบีคนหนึ่งเข้าไป ดังนั้น มันจึงรู้สึกกลัวขึ้นมา อย่างไรก็ตาม มันได้กล่าวกับตัวเองว่า “ทำไมเราจะต้องกลัว ? อัลลอฮฺได้สั่งฉัน ให้กลืนเขาลงไป”
เมื่ออัลอลอฮฺได้เห็นการสำนึกผิด อย่างจริงใจของนบียูนุส และได้ยินการวิงวอนของท่าน ในท้องปลาวาฬ พระองค์ก็ได้ทรงบัญชา ให้ปลาวาฬ โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ และคายนบียูนุสออกมาไว้ บนเกาะแห่งหนึ่ง ปลาวาฬเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์ และว่ายไปยังด้านที่ไกลที่สุด ของเกาะ หลังจากนั้น อัลลอฮฺก็ทรงบัญชามัน ให้ขึ้นมายังแผ่นดิน ตรงที่มีแสงแดดพอ เป็นที่สดชื่น และ ดินที่ชุ่มฉ่ำ
ปลาวาฬได้คายนบียูนุสออกมาไว้ บนเกาะที่อยู่ห่างไกล ร่างกายของท่านร้อนผ่าว ไปทั่ว เพราะกรดในกระเพาะปลาวาฬ และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงแดดก็แผดเผาร่าง ที่ร้อนผ่าวของท่าน จนท่านแทบจะหวีดร้องออกมา ด้วยความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม ท่านก็อดทนต่อความเจ็บปวด และยังคงวิงวอนอัลลอฮฺต่อไป
หลังจากนั้น อัลลอฮฺได้ทรงทำให้ไม้เลื้อย เจริญเติบโต ขึ้นมาปกคลุมร่างของท่าน อย่างรวดเร็ว และทำให้นบียูนุส มีสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้แล้ว พระองค์ยังได้ทรงให้อภัยท่านด้วย อัลลอฮฺได้บอกนบียูนุสว่า ถ้าหากท่านไม่วิงวอน ต่อพระองค์แล้ว ท่านจะอยู่ในท้องปลาวาฬ ตลอดไป จนกระทั่งวันแห่งการตัดสิน
อัลลอฮฺได้ทรงกล่าว ถึงเรื่องนี้ว่า: “และแท้จริง ยูนุสเป็นคนหนึ่ง ในบรรดารอซูล จงนึกถึง เมื่อตอนที่เขา หนีไปยังเรือ ที่บรรทุกจนเต็มเพียบ แล้วเขาได้ร่วมเสี่ยงทาย และก็แพ้ หลังจากนั้น ปลาตัวใหญ่ ก็ได้กลืนเขาลงไป เพราะสมควรที่จะถูกตำหนิ ถ้าหากเขามิได้เป็นหนึ่ง ในบรรดาผู้สดุดีอัลลอฮฺ แน่นอน เขาจะต้องอยู่ในท้องปลาตัวนั้น ไปจนกระทั่งวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่ต่อมา เราก็ได้โยนเขาไป บนชายฝั่งที่โล่ง ในสภาพที่ป่วย และเราก็ทำให้มีไม้เลื้อย ขึ้นปกคลุมตัวเขา หลังจากนั้น เราได้ส่งเขา ไปยังหมู่คนจำนวนแสน หรือมากกว่านั้น แล้วคนเหล่านั้น ก็ศรัทธาในเขา ดังนั้น เราจึงได้ปล่อยพวกเขา ให้มีชีวิตอยู่ จนกระทั่งเวลาหนึ่ง” (กรุอาน 37:139-148)
ไม่นานนัก นบียูนุสก็เริ่มแข็งแรง และพบทางกลับนิเนเวห์ อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน ของท่าน เมื่อไปถึง นบียูนุสดีใจ ที่เห็นการเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นที่นั้น ผู้คนทั่งหมดได้มาต้อนรับท่าน และได้บอกให้ท่านได้ทราบว่า พวกเขาได้หันกลับมา ศรัทธาในอัลลอฮฺกันหมดแล้ว หลังจากนั้น พวกเขาก็นมาซร่วมกัน เพื่อขอบคุณในความเมตตาของพระเจ้า
อิบนุอับบาสเล่าว่า : ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวว่า “เราไม่ควรกล่าวว่า ฉันดีกว่ายูนุส อิบนุมัตตา” (บึนทึกโดยบุคอรี)
www.thaimuslim.com