การละหมาดอีดนั้น ไม่ได้เป็นวาญิบกับผู้หญิง แต่สําหรับนางนั้น นี่คือซุนนะฮฺ และสิทธิ ของนาง และพวกนางต้องออกไปละหมาดที่มุศ็อลลา
การละหมาดอีดนั้น ไม่ได้เป็นวาญิบกับผู้หญิง แต่สําหรับนางนั้น นี่คือซุนนะฮฺ และสิทธิ ของนาง และพวกนางต้องออกไปละหมาดที่มุศ็อลลา (พื้นที่กว้าง , ลานกว้างสําหรับเป็น สถานที่ละหมาดอีด) พร้อมกับบรรดามุสลิมีนทั้งหมด เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม ได้สั่งใช้พวกนางในเรื่องดังกล่าว
มีรายงานจากอุมมุ อะฏียะฮฺ กล่าวว่า :
“พวกเราได้ถูกใช้ให้นํา (ไปยังสถานที่ละหมาดอีด) สตรีที่มีประจําเดือน หญิงสาววัยรุ่น และหญิงที่มีผ้าคลุมหน้า ส่วนหญิงที่มีประจําเดือนนั้น นางจะได้ร่วม รับความดี และ การขอพรของบรรดามุสลิมด้วย โดยให้หญิงที่มีประจําเดือนอยู่นอกสถานที่ละหมาด (บันทึกโดยบุคอรียฺ บทที่ว่าด้วยเรื่องการละหมาดอีดทั้งสอง : 981)
มีรายงานจากอุมมุอะฏียะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา อีกว่า :
“ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้พวกเราในการที่เราจะต้องพา บรรดาผู้หญิงออกไปในวันอีดิลฟิตรฺและอีดิลอัฎฮา ไม่ว่าจะเป็น หญิงสาววัยรุ่น หญิงที่ มีประจําเดือน และหญิงที่มีผ้าคลุมหน้า ส่วนหญิงที่มีประจําเดือนจะต้องปลีกตัวออก
จากสถานที่ละหมาด และพวกนางจะได้ปรากฏตัวร่วมอยู่กับความดี และดุอาอฺต่าง ๆ ของบรรดามุสลิมีน ฉันได้ถามว่า โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ คนหนึ่งของพวกเราเขาไม่มีผ้า คลุมละ ท่านร่อซูลตอบว่า พี่น้องของเธอควรจะต้องให้ผ้าคลุมของตนแก่เธอใช่” (บันทึกโดยมุสลิม บทที่ว่าด้วยเรื่องการละหมาดอีดทั้งสอง : 890
ชัยคฺอิบนิ บาซ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวว่า “และการที่บรรดาสตรีออกมาละหมาด ในวันอีดนั้นเป็นซุนนะฮฺ ไม่ใช่วาญิบ”
ข้อพึงระวังสําหรับมุสลิมะฮฺในวันอีด
1. มุสลิมะฮฺต้องระวังการเผยโฉม และแต่งกายที่โอ้อวด
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า :
ความว่า: “และจงอย่าได้เปิดเผยความสวยงามของพวกนาง...” (อันนูร : 31)
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวว่า : “...และพวกนางจงอย่าได้โอ้อวดความงาม ดังเช่นการโอ้อวดของพวกญาฮิลียะฮฺในยุค ต้น...” (อัลอะหฺซาบ : 33)
มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า :
“บุคคลใดที่สวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหรา โอ้อวด ในโลกดุนยานี้นั้น อัลลอฮฺจะทรงให้เขาสวม ใส่เสื้อผ้าที่อัปยศในวันกิยามะฮฺ ต่อจากนั้นจะให้ไฟนรกเผาไหม้มัน” (บันทึกโดยอิบนุมาญะฮฺ, : 3605 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหฺอิบนุมาญะฮฺ : 2921)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“...และบรรดาสตรีที่เลวที่สุดในหมู่พวกท่าน คือบรรดาสตรีที่อวดโฉม เป็นผู้ที่เย่อหยิ่ง อวดดีในการแต่งกาย นางเหล่านั้นคือมุนาฟิก (ผู้กลับกลอก) โดยพวกนางจะไม่ได้เข้า สวรรค์ นอกเสียจาก (ถูกลงโทษ) ประหนึ่งอีกาดํา (ชนิดที่มีตีนสีแดง)” (บันทึกโดยบัยฮากียฺ , ซุนันอัลกุบรอ : 82/7 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหฺอัลญามิอฺ : 3330 ซิลซิละฮฺ อัศเศาะฮีฮะฮฺ : 1849)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวันอีดนั้นมุสลิมะฮฺหลายคนมีเสื้อผ้าใหม่ ๆ หรือตัดเสื้อผ้าเพื่อวันอีด โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะท่านนบีได้ส่งเสริมให้แต่งชุดที่ดีที่สุดในวันอีด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บรรดามุสลิมะฮฺ ก็ต้องระมัดระวังการแต่งกายที่โอ้อวด เครื่องประดับต่าง ๆ รวมถึงการ เย้อหยิ่งในเครื่องแต่งกาย เพราะท่านนบีได้ห้ามปรามอย่างรุนแรงในเรื่องนี้ดังหะดีษข้างต้น
2. มุสลิมะฮฺต้องระวังการแต่งกายที่ดึงดูดเพศตรงข้าม เสื้อผ้าบาง หรือรัดรูป
ในสังคมปัจจุบัน นับวันการแต่งกายตามแฟชั่นของมุสลิมะฮฺในวันอีด มีให้เห็นกันอย่าง มากมาย โดยเฉพาะวัยรุ่น ปฏิเสธไม่ได้ว่า คลุมฮิญาบ แต่เสื้อผ้ารัดรูป เห็นสัดส่วน หรือ เสื้อผ้าบางจนเห็นสีผิว เสื้อผ้าสีฉูดฉาดดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นต้น
ฉะนั้นบรรดามุสลิมะฮฺจะต้องไม่ให้การแต่งกายของพวกเธอนั้นผิดหลักการ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอีด วันซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แน่นอนหากหากพวกเธอแต่งกาย ในลักษณะข้างต้น ก็อาจจะเป็นการสร้างฟิตนะฮฺ ให้กับสายตาที่ชั่วร้ายที่มองดูอยู่และการ แต่งตัวในลักษณะเช่นนี้นั้น เป็นสิ่งที่ถูกห้ามดังที่มีรายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอ ฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“คนสองกลุ่มด้วยกันที่เป็นชาวนรก ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่มีในสมัยนบี) กลุ่มหนึ่งมี แส่เหมือนหางวัว พวกเขาใช้มันตีผู้คน อีกกลุ่มหนึ่งคือบรรดาสุภาพสตรีที่สวมใส่เสื้อผ้า แต่ก็เปลือยกายที่ยั่วยวน (ใส่เหมือนไม่ใส่) โดยหันเหออกจากแนวทางทําศรีษะของพวก เธอ สูงดังเช่นตระโหนกอูฐที่เอียง (ทําผมสูง) พวกนางเหล่านี้จะไม่ได้เข้าสวรรค์ อีกทั้ง ไม่ได้พบกลิ่นของสวรรค์ แท้จริงกลิ่นของสวรรค์นั้นจะพบได้ด้วยระยะการเดินทาง เท่านี้ เท่านี้” (บันทึกโดยบุคอรียฺ บทที่ว่าด้วยเรื่องอาภรณ์ : 5784 มุสลิม บทที่ว่า ด้วยเรื่องอาภรณ์และเครื่องประดับ : 2128)
เชคคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮฺ ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ “ได้อธิบายความหมายที่ท่านนบี ได้ กล่าวในหะดีษว่า “บรรดาสุภาพสตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าแต่ก็เปลือยกายที่ยั่วยวน ”ว่า นาง นั้นสวมเสื้อผ้า แต่ความจริงแล้วนางเปลือกาย ดังเช่น สตรีที่สวมใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ทํา ให้เห็นผิวหนังของนาง หรือเสื้อผ้าที่รัดรูป ซึ่งที่เปิดเผยสัดส่วนต่าง ๆ ของนาง ไม่ว่า จะเป็น ก้น หรือแขนของนาง หรือส่วนอื่น ๆ และแท้จริงสิ่งที่จะเป็นเครื่องแต่งกาย ของสตรีนั้นต้องเป็นสิ่งที่ปกปิดตัวของนาง ไม่เปิดเผยร่างกายของนาง และขนาด อวัยวะของนาง เพราะมันเป็นเครื่องสวมใส่ที่หนาและกว้าง” (อิบนุ ตัยมียะฮฺ , มัญมัวอฺ อัลฟะตาวา : 146/22)
3. มุสลิมะฮฺต้องระวังการแต่งกายเลียบแบบผู้ชาย
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า :
“ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สาปแช่งผู้ชายที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้า ของผู้หญิง และผู้หญิงที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้ชาย” (บันทึกโดยอบูดาวูด : 4098 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหฺอบีดาวุด : 3454)
มีรายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
“อัลลอฮฺ ทรงสาปแช่งผู้หญิงที่ทําตัวเลียนแบบผู้ชาย และผู้ชายที่ทําตัวเลียนแบบ ผู้หญิง”
(อิบนุตัยมียะฮฺ , มัญมัวอฺอัลฟะตาวา : 22/156 อัซซุตียฺ , อัลญามิอุศเศาะฆีร : 7265 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺ : 5100 อันนะวาวียฺ , มัญมัวอฺ : 4/469)
มีรายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า
“อันที่จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้สาปแช่งผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิง และผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชาย และท่านได้กล่าวต่อว่า พวกท่านทั้งหลายจงขับไล่พวก เขา (บุคคลที่เลียนแบบเพศตรงข้าม) ให้ออกไปจากบ้านเรือนของพวกท่าน และพวกท่าน ทั้งหลายจงขับไล่พวกนั้น พวกนี้ หมายถึงบุคคลที่เลียนแบบเพศตรงข้าม”
(บันทึกโดยอบูดาวุด : 4930 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหฺอบูดาวุด: 4930)
มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ อัมรฺ อิบนิ อาศ เล่าว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอ ฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า :
“ไม่ถือว่า เป็นประชาชาติของฉัน ผู้ชายที่ทําตัวเป็นผู้หญิง และผู้หญิงที่ทําตัวเป็น ผู้ชาย”
(บันทึกโดยอะหฺมัด : 6836 อัซซุตียฺ , อัลญามิอุศเศาะฆีร : 7678 อัลบานียฺ , เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺ : 5433)
4. มุสลิมะฮฺต้องระวังอย่าใส่น้ําหอม
มีรายงานจากซัยนับ ภรรยาของอับดุลลอฮฺ นางเล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวกับพวกเราว่า :
“เมื่อใดที่คนหนึ่งของพวกเธอ จะไปละหมาดที่มัสญิด ก็จงอย่าใส่น้ําหอม”
(บันทึกโดยมุสลิม บทที่ว่าด้วยเรื่องการละหมาด : 443)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า :
“ผู้หญิงคนใดก็ตามที่ปะพรมน้ําหอม และได้เดินผ่านผู้คนเพื่อให้ได้กลิ่นของนาง นั่น เท่ากับนางได้ทําซินา ”
(บันทึกโดยอะหมัด , มุสนัด : 19271 อิบนุคุซัยมะฮฺ : 1592 อิบนุฮิบบาน : 4516 อัลบานียฺ เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺ : 2701)
เหตุผลของข้อห้ามนี้ค่อนข้างชัดเจน เพราะกลิ่นหอมของผู้หญิงอาจเป็นสาเหตุกระตุ้น ความปรารถนาอันเกินควร บรรดานักวิชาการยังได้รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ซึ่งต้องห้ามสําหรับสตรีที่ จะไปมัสญิด เช่น เครื่องแต่งกายที่สวยงาม เพชรพลอยซึ่งเปิดเผยให้มองเห็น การประดับ ประดาที่เกินเลย และการปะปนกับผู้ชาย (ดูฟิตหุลบารี, 2/279)
(กลุ่มสตรีแห่งทางนํา , ปัญหาหญิง หญิง ภาค 2 หน้า : 12)
5. มุสลิมะฮฺต้องระวังการจับมือสลามกับมุสลิมีน
ในวันอีดนั้นสิ่งที่ต้องระวัง และเกิดขึ้นมากมายอีกประการหนึ่งก็คือ การปะปน ระหว่างชาย-หญิง และการจับมือให้สลามกัน ซึ่งมีให้เห็นจนกลายเป็นธรรมเนียม ประเพณี ไปแล้ว โดยไม่ได้แยกแยะชาย-หญิง มีรายงานจาก มะอฺกิล อิบนิ ยะซาร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แท้จริงท่านได้กล่าวว่า :
"การที่คนใดคนหนึ่งจากพวกท่านจะถูกเหล็กแหลมแทงเข้าไปในศรีษะนั้น ยังดีกว่าการ ที่จะไปสัมผัสผู้หญิงที่ไม่ได้รับอนุญาติให้สัมผัส"
(บันทึกโดยอัฏฏอบรอนียฺ , มัวอฺญัมอัลกะบีร : 486 อัลมุนซีรียฺ ระบุว่า บันทึกจากอัฏฏอบรอนียฺ และบัยฮากียฺ และผู้รายงานจากการบันทึกของอัฏฏอบรอนียฺนั้น เชื่อถือได้ ผู้รายงานถูกต้อง ในอัตตัฆฆีบวัลตัรฮีบ : 657/2 อัล บานียฺ , ฆอยะตุลมะรอม : 196 อัลอะฮาดีษ อัศเศาะฮีฮะฮฺ : 226)
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการจับมือนั้น เป็นการทําซินาทางมือ ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า :
"ส่วนแบ่งจากการผิดประเวณีถูกกําหนดให้แก่ลูกหลานอาดัม ซึ่งต้องเกิดขึ้นโดยมิอาจ เลี่ยงได้ ดังนั้นด้วยกับสองตาผิดประเวณี โดยการมอง สองหูผิดประเวณีโดยการฟัง ลิ้นผิดประเวณีโดยการพูด มือผิดประเวณีโดยการสัมผัส เท่าผิดประเวณีโดยการเก้า ย่าง และหัวใจโดยการใฝ่ฝันและจิตนาการ ส่วนจะเกิดขึ้นหรือไม่อยู่ที่อวัยวะเพศ"
(บันทึกโดยมุสลิม บทที่ว่าด้วยเรื่องการกําหนดสภาวะการณ์ : 2657)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า : “...แท้จริงฉัน จะไม่จับมือ (สลาม) กับผู้หญิง...”
(บันทึกโดยอะหมัด , มุสนัด : 26466 นะซาอียฺ : 4181 อิบนุมาญะฮฺ : 2874 อัลบานียฺ เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺ : 2513 เศาะหี๊ยะหฺนะซาอียฺ : 4192 เศาะเหี๊ยะหฺอิบนิมาญะฮฺ : 2341)
มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮา ว่า :
“...ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า มือของท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะไม่ สัมผัสกับมือของผู้หญิงคนใดเด็ดขาด นอกจากเป็นการที่พวกเธอให้สัตยาบันด้วย คําพูด”
(บันทึกโดยมุสลิม บทที่ว่าด้วยเรื่องการปกครอง: 1866)
วัยรุ่นมุสลิมะฮฺ มากมายที่ถูกบรรดาวัยรุ่นมุสลิมีน จับมือขณะสลาม ซึ่งถือเป็นบาปที่ ต้องออกห่าง
โอ้มุสลิมะฮฺทั้งหลายอย่าได้ให้มุสลิมีนคนใดทําลายเกียรติของพวกเธอ ในวันที่ดี งามแบบนี้เลย
ที่มา: www.warasatussunnah.net
islamhouse.muslimthaipost.com