เหลืออีกไม่กี่วัน ที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกจะได้ประกาศชัยชนะ ในวันรื่นเริงตามที่ศาสนากำหนดไว้ ซึ่งวันนี้เป็นวันแห่งความสุข วันแห่งการกินการดื่ม วันแห่งความดีใจ ออกเยี่ยมเยียนให้สลามแก่ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนบ้าน
วันอีด หรือ วันฮารีรายอ ซึ่งแปลว่า เทศกาลงานรื่นเริง
อีดิลฟิตรฺ คือ วันหลังที่ได้ปฏิบัติกิจจำเป็นของอิสลาม คือ การถือศีลอด ในเดือนรอมฏอน ได้แก่ วันที่หนึ่งของเดือนเซาวาล เป็นวันแห่งความรื่นเริง วันแห่งความสุข วันแห่งการกินการดื่ม ซึ่งวันนี้เป็น วันแห่งความดีใจ ท่านนบี กล่าวความว่า
“สำหรับผู้ถือศีลอดนั้นมีความดีใจอยู่สองครั้งคือ หนึ่ง ดีใจเมื่อถึงวันแห่งการละศีลอดสอง ดีใจที่ได้พบกับพระผู้อภิบาลของเขาเนื่องจากเขาได้ถือศีลอด”
(บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
อีดที่สอง คือ อีดิลอัฏฮา อันเป็นวันที่แล้วเสร็จจากการทำฮัจญ์ของผู้ทำฮัจญ์ ณ นครมักกะฮฺ ได้แก่วันที่ 10 ของเดือนซุลฮิจยะฮฺ เป็นวันฉลองความสำเร็จในการทำฮัจญ์และมีการนำเนื้อสัตว์พลีไปแจกจ่ายแก่คนยากจนซึ่งถือเป็นการเอื้อเฟื้อคนในสังคมเดียวกัน
ออกอีดตามนบี ในวันอีดอีดิ้ลฟิตรฺ
เหลืออีกไม่กี่วัน ที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกจะได้ประกาศชัยชนะ ในวันรื่นเริงตามที่ศาสนากำหนดไว้ ซึ่งวันนี้เป็นวันแห่งความสุข วันแห่งการกินการดื่ม วันแห่งความดีใจ ออกเยี่ยมเยียนให้สลามแก่ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหาย เพื่อนบ้าน และทักทายต่อกันด้วยคำว่า “ตะก๊อบบะลัลลอฮุ มินนาวะมิงกุม” แต่ต้องแสดงออกในความดีใจที่อยู่ในกรอบแห่งศาสนา
ซึ่งแบบอย่างจากท่านนบี ในวันออกอีดฟิตรฺนั้น ท่านได้ทำสิ่งได้ไว้ให้ประชาชาติของท่าน ได้ทำตามบ้าง ไปดูกันเลย....
1. สวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม
อิบนุล ก็อยยิม ได้กล่าวว่า ในวันอีด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะสวมเสื้อผ้าที่งามที่สุดของท่าน ท่านจะมีชุดเฉพาะที่ใช้สวมใส่ในวันอีดและวันศุกร์ (ดู ซาด อัล-มะอาด 1/441)
ให้เราสวมใส่เสื้อผ้าที่ดีสุดเท่าที่สามารถจะหามาใส่ได้ รวมทั้งส่งเสริมให้ขจัดขนรักแร้ ตัดเล็บ ใส่น้ำหอมและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความสะอาดของร่างกาย
2. ทานอินทผลัมจำนวนคี่
ท่านอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะไม่ออกไปละหมาดอีดุลฟิตรฺ จนกว่าจะได้ทานอินผลัมก่อนเล็กน้อย โดยท่านจะทานเป็นจำนวนคี่ (บันทึกโดย อัล-บุคอรียฺ หมายเลข 953)
3. ไปเส้นทางหนึ่ง และกลับอีกทางหนึ่ง
มีรายงานจากญาบิรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เมื่อถึงวันอีดท่านจะใช้เส้นทางสลับกัน ระหว่างขาไปกับขากลับ (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หมายเลข 986)
4. ส่งเสริมให้มีการกล่าวตักบีรฺ
สำหรับอีดิ้ลฟิตรฺ ให้เริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกดินของคืนที่รุ่งเช้านั้นเป็นวันอีด นักวิชาการบางท่านเห็นว่าการตักบีรฺนั้นเป็นสิ่งวาญิบต้องทำเลยทีเดียว
มีรายงานเล่าว่า ท่านอิบนุ มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ จะกล่าวตักบีรฺด้วยถ้อยคำว่า “อัลลอฮุอักบัรฺ, อัลลอฮุอักบัรฺ, ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ, วัลลอฮุ อักบัรฺ, อัลลอฮุอักบัรฺ, วะลิลลาฮิลหัมดฺ” ซึ่งการตักบีรฺนี้ส่งเสริมให้กล่าวทั้งในมัสญิด ในบ้าน และบนถนนหนทาง (ดู มุศ็อนนัฟ อิบนิ อบี ชัยบะฮฺ 2/167)
5. ละหมาดอีดที่มุศ็อลลา
นี่เป็นสิ่งที่รู้กันจากการปฏิบัติของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ได้ทำเช่นนี้เสมอมา ลักษณะมุศ็อลลาเป็นที่โล่งในทะเลทรายไม่มีอาคารใกล้ๆ ตลอดชีวิตของท่านนบีไม่เคยละหมาดอีดที่มัสญิด (ยกเว้นครั้งเดียวที่ฝนตกท่านนบีได้ละหมาดที่มัสญิด ซึ่งเป็นหะดีษฎออีฟ)
6. การละหมาดอีด
การละหมาดอีดนั้น เป็นภารกิจที่ส่งเสริมอย่างยิ่ง(สุนนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ) ให้ปฏิบัติทั้งชายและหญิง และมีอุละมาอ์บางท่านกล่าวว่ามันเป็นวาญิบ โดยมีหลักฐานที่เป็นหะดีษจากอุมมุ อะฏียะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สั่งให้บรรดาหญิงสาวที่บรรลุวัยตามศาสนบัญญัติและหญิงที่มีประจำเดือนให้ออกไปที่สนามละหมาดอีดด้วย โดยให้บรรดาหญิงที่มีประจำเดือนอยู่ห่างๆ จากที่ละหมาด ให้พวกนางได้มีส่วนร่วมรับความดีงามและดุอาอ์ต่างๆ ของมวลมุสลิมในวันดังกล่าว (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หมายเลข 980)
7. การอวยพรในวันอีด
ซึ่งได้มีรายงานที่เล่ามาจากเศาะหาบะฮฺบางท่านว่า พวกเขาได้กล่าวอวยพรแก่กันในวันอีดว่า “ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกุม” หมายถึง ขออัลลอฮฺทรงตอบรับการงานต่างๆ จากพวกเราและพวกท่านด้วยเถิด
ที่มา: Halal Haroi
islamhouse.muslimthaipost.com