ศาสนาอิสลามห้ามการเลียนแบบเพศตรงข้าม ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "พระองค์ทรงสาปแช่งผู้ชายที่ทำตัวเป็นผู้หญิงและผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้ชาย"
1. ศาสนาอิสลามห้ามการเลียนแบบเพศตรงข้าม ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "พระองค์ทรงสาปแช่งผู้ชายที่ทำตัวเป็นผู้หญิงและผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้ชาย" (บันทึกโดยบุคอรีย์) นักวิชาการอธิบายว่า การเลียนแบบเพศตรงข้าม ไม่ว่าจะเลียนแบบทางด้านการพูด,การกระทำ หรืออื่นๆ ของเพศตรงข้ามถือว่ามีความผิด และถูกสาปแช่งจากพระองค์ทั้งสิ้น แม้กระทั่งว่าผู้ชายพูดโดยลงท้ายประโยคว่า "ค่ะ" ก็ถือว่าเลียนแบบเพศตรงข้ามแล้ว
2. บทบัญญัติว่าด้วยการลงโทษพวกรักร่วมเพศมีดังนี้ ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ,พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ,พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ" (บันทึกโดยอะหฺมัด) นักวิชาการลงมติเอกฉันท์ว่า โทษของผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เช่น ผู้ชายร่วมเพศกับผู้ชายทางทวารหนัก หุกุมของศาสนาคือการประหารชีวิตเท่านั้นนะครับ, ส่วนผู้ที่เลียนแบบเพศตรงข้ามอย่างเดียวโดยยังไม่ถึงขั้นร่วมเพศกัน เช่นนี้มีความผิดในประเด็นที่พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา
3. การที่พวกรักร่วมเพศถือศีลอดหรือนมาซ ผลบุญจากการถือศีลอดหรือนมาซไม่ได้นะ เพียงแต่เขาพ้นฟัรฺฎูเท่านั้น (หมายถึงไม่ต้องเกาะฎอฺชดใช้นั่นเอง) เพราะพระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกรักร่วมเพศ (ซึ่งหากประเทศนั้นใช้กฎหมายอิสลาม พวกรักร่วมเพศต้องถูกประหารชีวิตด้วย) อีกทั้งการนมาซต้องยับยั้งความชั่วและความลามก หากนมาซแล้วไม่ยับยั้งความชั่วหรือความลามกก็ไม่ถือว่าเป็นมาซ,พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ในอัลกุรฺอานว่า "แท้จริงการนมาซนั้นยับยั้งความลามกและความชั่วช้า" (สูเราะฮฺอัลอังกะบูต : 45)
4. การตักเตือนถือเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน ฉะนั้นเรื่องการตักเตือนจึงไม่มีไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นญาติพี่น้องของเรา, การมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนั้น หลักการแพทย์ถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง หากพึ่งเริ่มต้นเป็น เช่นเริ่มจะมีพฤติกรรมเลียนแบบเพศตรงข้าม เช่นนั้นเราต้องทำให้เขารู้ถึงเพศของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของศาสนาช่วยได้มาก เช่นหากลูกสาว หรือน้องสาวของเราดูคล้ายกับผู้ชาย เช่นนี้ต้องสอนนางให้รู้จักการคลุมฮิญาบ, สอนให้เขานมาซอยู่ในแถวของผู้หญิง, สอนจริยธรรมอิสลามว่าด้วยการการปฏิบัติตัวของผู้หญิงเป็นต้น แต่ถ้าเป็นมากแล้ว หรือเป็นมานานแล้ว เช่นนี้ต้องพึ่งจิตแพทย์แล้วละครับ เพราะอาจไม่พึ่งแพทย์แล้วการรักษาให้หายขาดนั้นค่อนข้างลำบากหน่อยครับ ซึ่งจิตแพทย์อย่างเช่น ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรมก็รับรองว่า หากได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีผู้ป่วยมีสิทธิหายนะครับ และดร.วัลลภเองก็เปิดคลีนิกรักษากลุ่มรักร่วมเพศนี้ด้วย ท่านบอกว่ามีโอกาสหายขาดและรักษาหายมาหลายคนแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่เลียนแบบผู้ชายซึ่งมีเปอร์เซ็นต์การรักษาหายขาดมากกว่าผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิงนะครับ ผมเสียดายว่าไม่ทราบว่าคลีนิกของดร.วัลลภอยู่ที่ไหน อย่างไรก็ให้คุณnu ลองสอบถามดูว่าคลีนิกของท่านอยู่ที่ไหนนะครับหากว่าจะได้พาน้องสาวของคุณไปปรึกษาแพทย์ก็จะเป็นการดีไม่น้อย
อิสลามกับการเบี่ยงเบนทางเพศ
อิสลามห้ามมิให้มุสลิมมีพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่ว่าจะเป็น กระเทย เกย์ ทอม ดี้ เป็นต้น เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการผิดธรรมชาติ ที่อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มา และเป็นการเปลี่ยนการสร้าง ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า
“โดยแน่นอนเราได้บังเกิดมนุษย์มาในรูปแบบที่สวยงามยิ่ง” (อัตตีน : 4)
มีรายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า
“อัลลอฮฺ ทรงสาปแช่งผู้หญิงที่ทำตัวเลียนแบบผู้ชาย และผู้ชายที่ทำตัวเลียนแบบผู้หญิง”
(ดูมัญมัวอฺอัลฟะตาวาอิบนุตัยมียะฮฺ : 22/156 อัลญามิอุศเศาะฆีรอัซซุญูตียฺ : 7265 เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺอัลบานียฺ : 5100 มัญมัวอฺอันนะวาวียฺ : 4/469)
มีรายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า
“อันที่จริงท่านนบี ได้สาปแช่งผู้ชายที่เลียนแบบผู้หญิง และผู้หญิงที่เลียน แบบผู้ชาย และท่านได้กล่าว ต่อว่า พวกท่านทั้งหลายจงขับไล่พวกเขา (บุคคลที่เลียนแบบเพศตรงข้าม)ให้ออกไปจากบ้านเรือนของพวกท่านและพวกท่านทั้งหลายจงขับไล่พวกนั้น พวกนี้ หมายถึงบุคคล ที่เลียนแบบเพศตรงข้าม”
(บันทึกโดยอบูดาวุด : 4930 เศาะเหี๊ยะหฺอบูดาวุดอัลบานียฺ : 4930)
หะดีษข้างต้นชี้ให้เห็นว่าการที่ผู้ชายเลียนแบบผู้หญิง และผู้หญิงเลียนแบบผู้ชายนั้น เป็นเรื่องที่ร้ายมาก ท่านนบี ได้สาปแช่งบุคคลเหล่านี้ ซึ่งการสาปแช่งของท่านนั้นหมายถึง ขอให้ห่างไกลจากความเมตตาและความพอพระทัยของพระองค์อัลลอฮ์และให้ขับไล่บุคคลประเภทนี้ออกจากบ้าน มิหนำซ้ำบุคคลเหล่านี้ยังไม่ถือว่าเป็นประชาชาติของท่านนบี อีกด้วย
ที่มา: www.muslimvoicetv.com