แท้จริงชาวสวรรค์ เมื่อพวกเขาได้เข้าสวรรค์แล้วและพวกเขาไม่เจอพรรคพวกเพื่อนฝูงของเขาซึ่งพวกเขาได้ทำความดีมาด้วยกันในดุนยา
เพื่อนแท้ต้องอยู่ด้วยกันในสวรรค์
แท้จริงชาวสวรรค์ เมื่อพวกเขาได้เข้าสวรรค์แล้วและพวกเขาไม่เจอพรรคพวกเพื่อนฝูงของเขาซึ่งพวกเขาได้ทำความดีมาด้วยกันในดุนยา
ดังนั้น พวกเขาจะถามพระผู้อภิบาลผู้สูงส่งว่า: โอ้พระผู้อภิบาลของเราสำหรับพวกเรามีพี่น้องพวกเขาเป็นผู้ที่นมาซร่วมกับพวกเราพวกเขาถือศีลอดกับพวกเราทำไมพวกเราไม่เห็นพวกเขา
ดังนั้น อัลลอฮผู้สูงส่งทรงกล่าวว่า: พวกท่านจงไปยังนรกและเอาพวกเขาออกมาผู้ที่เขามีอิหม่านในหัวไจเพียงผงธุลีเดียว (ก็ตาม)
และท่านฮาซันอัลบัสรี่ขออัลลอฮทรงเมตตาท่านกล่าวว่า: ท่านทั้งหลายจงคบหาเพื่อนที่เป็นผู้ศรัทธาให้มากๆ แท้จริงพวกเขาจะขอความอนุเคราะห์ในวันกิยามะฮฺ เพื่อนที่มีเกรียติมีความบริสุทธ์ไจนั้นคือเพื่อนที่เดินไปสวนสวรรค์กับท่าน
ท่านอิบนุเญวซี่ ขออัลลอฮทรงเมตตาท่านด้วย กล่าวว่า: ถ้าหากพวกท่านไม่เจอฉันไนสวนสวรรค์ระหว่างพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงขอต่ออัลลอฮให้แก่ฉันดังนั้นให้พวกท่านจงกล่าว:
โอ้พระผู้อภิบาลของเราบ่าวของท่านคนนั้นเขาเป็นผู้ที่ทำให้เราได้ระลึกถึงท่าน หลังจากนั้นท่านก็ร้องให้ออกมา ขออัลลอฮทรงพอพระทัยท่านด้วย
เพื่อนในอิสลาม
คำว่า “เพื่อน” นั้นมีความสำคัญอย่างมากต่อมนุษย์ ตราบใดที่มนุษย์ยังต้องการพึ่งพาอาศัยกัน หรือยังต้องอยู่ร่วมกัน หรือต้องการความสงบสุขในชีวิต
อิสลามสนับสนุนการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างตัวเรากับเพื่อนมนุษย์ การติดต่อสัมพันธ์นั้นต้องเริ่มด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อให้อัลลอฮ์ ทรงตอบรับและให้ความจำเริญแก่งานนี้ ดังนั้นเราจึงสามารถคบหากับเพื่อนมนุษย์ได้ด้วยความบริสุทธิ์ใจและสนิทใจ ดังจากโองการจากอัลกุอานที่มีความว่า
“ในวันกิยามะฮ์นั้น บรรดาผู้ที่เคยเป็นเพื่อนกัน ต่างก็จะกลายเป็นศัตรูกัน นอกจากบรรดาผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์เท่านั้น”
ซูเราะฮ์ อัซ ซุครุฟ: 67
ถ้ามุสลิมอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยตีตัวออกห่างจากผู้คนมากเท่าใดก็จะยิ่งพลาดโอกาสที่จะต่อสู้ในงานที่เป็นความดี หรือมีโอกาสน้อยที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่ออิสลาม และเขาก็จะกลายเป็นผู้ที่ไม่ให้ความช่วยเหลือเพื่อนของเขาในยามคับขัน แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วมักชอบสมาคม บางคนถึงกับวิ่งเข้าไปหา และสนทนากับผู้คนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งสองลักษณะนี้อิสลามได้ชี้แนวทางไว้ให้ โดยคำกล่าวที่ว่า
“จงคบค้าสมาคมกับเพื่อน แต่อย่าให้กระทบกระเทือนกับศาสนา” และคำกล่าวที่ว่า “มุอฺมินคือผู้ที่อ่อนน้อม เป็นมิตรสนิทสนมกัน”
การอยู่อย่างสันโดษ และการอยู่โดยร่วมสังคมกับผู้อื่น นับเป็นสองลักษณะที่มุสลิมควรรู้จักเลือกว่า เวลาใดควรจะอยู่ในลักษณะใดจึงจะเหมาะสม เพื่อที่จะให้สองลักษณะนี้ มีประโยชน์แก่ตัวของเขาเอง และแก่สังคมรอบข้างด้วย
ในการคบค้ากับเพื่อนฝูง ขอให้มีรากฐานสำคัญคือความบริสุทธิ์ใจ และให้ทุกอย่างก้าวไปในหนทางของอีมาน และนั่นคือความหมายที่ว่า “รักกันเพื่ออัลลอฮ์ ไม่รักกันกันเพื่ออัลลอฮ์” และนี่คือความรักในแบบอิสลามที่แท้จริง เมื่อความปราถนาของมุสลิมในการคบเพื่อนเพื่ออัลลอฮ์นั้น เขาก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล ดังฮะดีสกุดซีย์ ท่านเราะซูล กล่าวว่า อัลลอฮ์ ตรัสไว้มีความว่า
“บรรดาผู้ที่รักกันอันเนื่องจากความยิ่งใหญ่และเดชานุภาพของข้านั้น
เขาจะอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งอะรัชของข้า ในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกจากร่มเงาของข้าเท่านั้น”
บันทึกโดย อะหฺมัด
มุสลิมนั้นจะต้องรักกันเพื่ออัลลอฮ์ และเช่นกันการไม่รักกันนั้นก็เพื่ออัลลอฮ์ เพื่อที่เขาจะได้ลิ้มรสความหวานชื่นแห่งการศรัทธา ดังฮะดีสรายงานโดย ท่านอนัส อิบนิ มาลิก เราะฏิยัลลอฮุอันฮุ แจ้งว่า ท่านเราะซูล กล่าวว่า
“มีอยู่สามอย่าง ถ้าผู้ใดมีลักษณะทั้งสามอย่างดังต่อไปนี้อยู่ในตัวของเขาแล้ว เขาก็จะต้องพบและลิ้มรสกับความหวานชื่นของการศรัทธา กล่าวคือ
1. ให้อัลลอฮ์และเราะซูลของพระองค์เป็นที่รักยิ่งแก่เขายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
2. ให้รักเพื่อนมนุษย์เพราะอัลลอฮ์ และเกลียดกันเพื่ออัลลอฮ์
3. ให้เกลียดชังที่จะกลับไปสู่การกุฟรฺ ประดุจดังเกลียดชังที่จะถูกโยนเข้าสู่ไฟนรก”
บันทึกโดย มุสลิม อัตติรมีซีย์ และอันนะซาอีย์
ที่มา: www.islammore.com , แว่นตามุสลิม
https://islamhouse.muslimthaipost.com