ใครคือผู้ถูกสาบแช่งในอิสลาม


8,417 ผู้ชม

ใครคือผู้ถูกสาบแช่งในอิสลาม รวบรวมจากพจนาถแห่งอัลกุรอาน และวจนแห่งอัลหะดีษ


ใครคือผู้ถูกสาบแช่งในอิสลาม

ใครคือผู้ถูกสาบแช่งในอิสลาม

รวบรวมจากพจนาถแห่งอัลกุรอาน และวจนแห่งอัลหะดีษ
1.อิบลิส
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
قَالَ لَمْ أَكُنْ لأسْجُدَ لِبَشَرٍ خَلَقْتَهُ مِنْ صَلْصَالٍ مِنْ حَمَإٍ مَسْنُونٍ * قَالَ فَاخْرُجْ مِنْهَا فَإِنَّكَ رَجِيمٌ *وَإِنَّ عَلَيْكَ اللَّعْنَةَ إِلَى يَوْمِ الدِّينِ
“มันกล่าวว่า “ข้าพระองค์จะไม่สุญูดต่อมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างเขาจากดินแห้ง จากดินดำเป็นตม” พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้นเจ้าจงออกไปจากที่นี่ แท้จริงเจ้าเป็นผู้ถูกขับไล่ และแท้จริง การสาบแช่งจงประสบแก่เจ้า จนกระทั่งวันแห่งการตอบแทน” ซูเราะฮฺ อัลฮิจรฺ โองการที่ 33-35
قَالَ يَا إِبْلِيسُ مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ أَسْتَكْبَرْتَ أَمْ كُنْتَ مِنَ الْعَالِينَ * قَالَ أَنَا خَيْرٌ مِنْهُ خَلَقْتَنِي مِنْ نَارٍ * َخَلَقْتَهُ مِنْ طِينٍ * قَالَ فَاخْرُجْ مِنْهَا فَإِنَّكَ رَجِيمٌ * وَإِنَّ عَلَيْكَ لَعْنَتِي إِلَى يَوْمِ الدِّينِ
“พระองค์ตรัสว่า “อิบลีสเอ๋ย อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสอง ของข้า ? เจ้าเย่อหยิ่งจองหองนักหรือ หรือว่าเจ้าอยู่ในหมู่ผู้สูงส่ง มันกล่าวว่า “ข้าพระองค์ดีกว่าเขา พระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์จากไฟ และทรงสร้างเขาจากดิน พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้นเจ้าจงออกไปจากที่นี่ เพราะแท้จริงเจ้าเป็นผู้ถูกขับไล่” และแท้จริงการสาปแช่งของข้าจงประสบแก่เจ้าจนกระทั่งวันแห่งการตอบแทน” ซูเราะฮฺ ศอด โองการที่ 75-78
2.คนกาเฟร
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
إِنَّ الَّذِينَ كَفَرُوا وَمَاتُوا وَهُمْ كُفَّارٌ أُولَئِكَ عَلَيْهِمْ لَعْنَةُ اللَّهِ وَالْمَلائِكَةِ وَالنَّاسِ أَجْمَعِينَ *خَالِدِينَ فِيهَا لا يُخَفَّفُ عَنْهُمُ الْعَذَابُ وَلا هُمْ يُنْظَرُونَ
“แท้จริงบรรดาผู้ ปฏิเสธศรัทธาและได้สิ้นชีพลง ขณะที่พวกเขาเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่นั้น ชนเหล่านี้จะได้รับการขับไล่ให้พ้นจากความเมตตาของอัลลอฮฺ และจะได้รับการสาปแช่งจากมะลาอิกะฮ์ และมนุษย์ทั้งมวล พวกเขาจะอยู่ในการขับ ไล่ให้พ้นจากความเมตตาของอัลลอฮฺ และการสาปแช่งจากมะลาอิกะฮ์ และมนุษย์ตลอดกาล โดยที่การลงโทษนั้นจะไม่ถูกผ่อนปรนแก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่ถูกรั้งรอในการลงโทษ” ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 161-162
إِنَّ اللَّهَ لَعَنَ الْكَافِرِينَ وَأَعَدَّ لَهُمْ سَعِيرًا * خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا لا يَجِدُونَ وَلِيًّا وَلا نَصِيرًا
“แท้จริง อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา และทรงเตรียมไฟที่ลุกโชติช่วงไว้สำหรับพวกเขา พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล พวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ” ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ โองการที่ 64-65
3.บรรดากาเฟรจากกลุ่มชนบานีอิสรออีล (ชาวยิว)
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
لُعِنَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ بَنِي إِسْرَائِيلَ عَلَى لِسَانِ دَاوُدَ وَعِيسَى ابْنِ مَرْيَمَ ذَلِكَ بِمَا عَصَوْا وَكَانُوا يَعْتَدُونَ *كَانُوا لا يَتَنَاهَوْنَ عَنْ مُنْكَرٍ فَعَلُوهُ لَبِئْسَ مَا كَانُوا يَفْعَلُونَ
“บรรดาผู้ที่ปฏิเสธ ศรัทธาในหมู่วงศ์วานอิสรออีลนั้นได้ถูกสาปโดยถ้อยคำของดาวูด และอีซาบุตรของมัรยัม นั่นก็เนื่องจากการที่พวกเขาฝ่าฝืน และที่พวกเขาเคยละเมิดกัน ปรากฏว่าพวกเขาต่างไม่ห้ามปรามกันในสิ่งไม่ชอบที่พวกเขาได้กระทำมันขึ้น ช่างเลวร้ายจริง ๆ สิ่งที่พวกเขากระทำ” ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ โองการที่ 78-79
4.บรรดาผู้อธรรมที่กล่าวเท็จด้วยพระนามของอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
وَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنِ افْتَرَى عَلَى اللَّهِ كَذِبًا أُولَئِكَ يُعْرَضُونَ عَلَى رَبِّهِمْ وَيَقُولُ الأشْهَادُ هَؤُلاءِ الَّذِينَ كَذَبُوا عَلَى رَبِّهِمْ أَلا لَعْنَةُ اللَّهِ عَلَى الظَّالِمِينَ
“และผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่อุปโลกน์ความเท็จต่ออัลลอฮ์ ชนเหล่านั้นจะถูกนำมาเสนอต่อพระเจ้าขงพวกเขาและบรรดาพยานจะกล่าวว่า “พวกเหล่านั้นคือบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่อพระเจ้าของพวกเขา พึงรู้เถิด! การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะได้แก่บรรดาผู้อธรรม” ซูเราะฮฺ ฮูด โองการที่ 18
และความอธรรมอันใหญ่หลวงคือการอธรรมต่ออัลลอฮฺ ทรงอะทรงตรัสไว้ว่า
وَإِذْ قَالَ لُقْمَانُ لابْنِهِ وَهُوَ يَعِظُهُ يَا بُنَيَّ لا تُشْرِكْ بِاللَّهِ إِنَّ الشِّرْكَ لَظُلْمٌ عَظِيمٌ
“และจงรำลึกเมื่อลุก มานได้กล่าวแก่บุตรของเขา โดยสั่งสอนเขาว่า “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าได้ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอย่างมหันต์ โดยแน่นอน” ซูเราะห์ ลุกมาน โองการที่ 13
5.ผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺและร่อซูล
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
إِنَّ الَّذِينَ يُؤْذُونَ اللَّهَ وَرَسُولَهُ لَعَنَهُمُ اللَّهُ فِي الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ وَأَعَدَّ لَهُمْ عَذَابًا مُهِينًا
“แท้จริง บรรดาผู้กล่าวร้ายแก่อัลลอฮฺและร่อซูลของพระองค์ อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขาทั้งในโลกนี้และปรโลก และทรงเตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำหรับพวกเขา” ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ โองการที่ 57
ผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺนั้นทรงมีบุตร และเช่นเดียวกันดังที่ชาวยิวได้สร้างเรื่องมดเท็จว่าอัลลอฮฺนั้นตระหนี่ถี่เหนียว ดังที่พระองค์ตรัสไว้
وَقَالَتِ الْيَهُودُ يَدُ اللَّهِ مَغْلُولَةٌ غُلَّتْ أَيْدِيهِمْ وَلُعِنُوا بِمَا قَالُوا بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ يُنْفِقُ كَيْفَ يَشَاءُ وَلَيَزِيدَنَّ كَثِيرًا مِنْهُمْ
“และชาวยิวนั้นได้ กล่าวว่า พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน มือของพวกเขาต่างหากที่ถูกล่ามตรวน และพวกเขาได้รับละอ์นัต เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาพูดมิได้ พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ถูกแบออกต่างหาก ซึ่งพระองค์จะทรงแจกจ่ายอย่างไรก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์” ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ โองการที่ 64
ความหมายที่ว่า “พระหัตถ์ของอัลลอฮ์นั้นถูกล่ามตรวน” ก็คือความตระหนี่ถี่เหนียว หรือการต่อต้านร่อซูลของอัลลอฮฺดังปรากฏเช่น การใส่ร้ายของบรรดามุนาฟิกีน ว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฎียัลลอฮฺอันฮา กระทำการซินา และดังการกล่าวของพวกกุฟฟาร ที่ว่าท่านนบีนั้นเป็นนักมายากล , คนบ้า , และดูถูกเหยียดหยามต่างๆนานา เสมือนกับพวกกุฟฟารในทุกยุคทุกสมัยกระทำต่อนบีของอัลลอฮฺ
6.ผู้ที่สร้างความเสื่อมเสียบนหน้าแผ่นดิน และผู้ที่ตัดความสัมพันธ์กับเครือญาติ
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
فَهَلْ عَسَيْتُمْ إِنْ تَوَلَّيْتُمْ أَنْ تُفْسِدُوا فِي الأرْضِ وَتُقَطِّعُوا أَرْحَامَكُمْ * أُولَئِكَ الَّذِينَ لَعَنَهُمُ اللَّهُ فَأَصَمَّهُمْ وَأَعْمَى أَبْصَارَهُمْ
“ดังนั้น หวังกันว่า หากพวกเจ้าผินหลังให้(กับการอีมานแล้ว)พวกเจ้าก็จะก่อความเสียหายในแผ่นดิน และตัดความสัมพันธ์ทางเครือญาติของพวกเจ้ากระนั้นหรือ? ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกเขา ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้พวกเขาหูหนวก และทรงทำให้พวกเขาตาบอด” ซูเราะฮฺ มุฮัมมัด โองการที่ 22-23
สำหรับผู้ที่สร้างความเสื่อมเสียบนหน้าแผ่นดิน อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ ถึงบทบัญญัติการลงโทษที่จะตีตรายังพวกเขาในดุนยาแห่งนี้ ว่า
إِنَّمَا جَزَاءُ الَّذِينَ يُحَارِبُونَ اللَّهَ وَرَسُولَهُ وَيَسْعَوْنَ فِي الأرْضِ فَسَادًا أَنْ يُقَتَّلُوا أَوْ يُصَلَّبُوا أَوْ تُقَطَّعَ أَيْدِيهِمْ
وَأَرْجُلُهُمْ مِنْ خِلافٍ أَوْ يُنْفَوْا مِنَ الأرْضِ ذَلِكَ لَهُمْ خِزْيٌ فِي الدُّنْيَا وَلَهُمْ فِي الآخِرَةِ عَذَابٌ عَظِيمٌ
“แท้จริงการตอบแทนแก่ บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์ และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดิน นั้นก็คือการที่พวกเขาจะถูกฆ่า หรือถูกตรึงบนไม่กางเขน หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้าง หรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน นั้นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก” ซูเราะฮฺ อัล-มาอิดะฮฺ โองการที่ 33
عن جبير بن مطعم، عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : لا يدخل الجنة قاطع رحم
จากท่านญาบีร บิน มุฎอิม จากท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า “จะไม่เข้าสวรรค์สำหรับผู้ที่ตัดความสัมพันธ์กับเครือญาติ” [บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ เลขที่ 5984 มุสลิม เลขที่ 2556 อะห์หมัด 4/80 อบูดาวุด เลขที่ 1696 อัตติรมีซียฺ เลขที่ 1909 อับดุรรอซซาก เลขที่ 20238 อัลฮุมัยดียฺ เลขที่ 557 อิบนุฮิบบาน เลขที่ 454 และอื่นๆ]
7.ผู้ที่ทำลายพันธะสัญญาของอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
وَالَّذِينَ يَنْقُضُونَ عَهْدَ اللَّهِ مِنْ بَعْدِ مِيثَاقِهِ وَيَقْطَعُونَ مَا أَمَرَ اللَّهُ بِهِ أَنْ يُوصَلَ وَيُفْسِدُونَ فِي الأرْضِ أُولَئِكَ لَهُمُ اللَّعْنَةُ وَلَهُمْ سُوءُ الدَّارِ
“และบรรดาผู้ทำลาย พันธะของอัลลอฮฺ หลังจากที่ได้ให้คำมั่นสัญญาแก่พระองค์ และพวกเขาตัดขาดสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ให้เขาต่อ และบ่อนทำลายในแผ่นดิน ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับการสาปแช่ง และจะได้ที่พำนักอันชั่วช้า” ซูเราะฮฺ อัรเราะอฺดฺ โองการที่ 25
إِنَّ الَّذِينَ يَشْتَرُونَ بِعَهْدِ اللَّهِ وَأَيْمَانِهِمْ ثَمَنًا قَلِيلا أُولَئِكَ لا خَلاقَ لَهُمْ فِي الآخِرَةِ وَلا يُكَلِّمُهُمُ اللَّهُ وَلا يَنْظُرُ إِلَيْهِمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَلا يُزَكِّيهِمْ وَلَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ
“แท้จริงบรรดาผุ้ที่นำสัญญาของอัลลอฮ์และการสาบานของพวกเขาไปขายด้วยราคาอัน เล็กน้อยนั้น ชนเหล่านี้แหละไม่มีส่วนได้ใด ๆ แก่พวกเขาในปรโลก และอัลลอฮ์จะไม่ทรงพูดแก่พวกเขา และจะไม่ทรงมองดูพวกเขาในวันกิยามะฮ์ และทั้งจะไม่ทำให้พวกเขาสะอาดด้วย และพวกเขาจะได้รับโทษอันเจ็บแสบ” ซูเราะฮฺ อาละอิมรอน โองการที่ 77
8.ผู้ที่ปกปิดบิดเบือนความรู้
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
إِنَّ الَّذِينَ يَكْتُمُونَ مَا أَنْزَلْنَا مِنَ الْبَيِّنَاتِ وَالْهُدَى مِنْ بَعْدِ مَا بَيَّنَّاهُ لِلنَّاسِ فِي الْكِتَابِ أُولَئِكَ يَلْعَنُهُمُ اللَّهُ وَيَلْعَنُهُمُ اللاعِنُونَ * إِلا الَّذِينَ تَابُوا وَأَصْلَحُوا وَبَيَّنُوا فَأُولَئِكَ أَتُوبُ عَلَيْهِمْ وَأَنَا التَّوَّابُ الرَّحِيمُ
“แท้จริงบรรดาผู้ที่ ปิดบังหลักฐานอันชัดเจน และข้อแนะนำอันถูกต้องที่เราได้ให้ลงมาหลังจากที่เราได้ชีแจงมันไว้แล้วใน คัมภีร์สำหรับมนุษย์นั้น ชนเหล่านี้แหละอัลลอฮ์จะทรงขับไล่พวกเขาให้พ้นจากความเมตตาของพระองค์ และผุ้สาปแช่งทั้งหลายก็จะสาปแช่งพวกเขาด้วย นอกจากผู้ที่สำหนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว และปรับปรุงแก้ไข และชี้แจงสิ่งที่ปกปิดไว้ ชนเหล่านี้ข้าจะอภัยโทษให้แก่พวกเขา และข้าคือผู้อภัยโทษ และเมตตาเสมอ” ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 156-160
عن أبي هريرة قال : قال رسول اللّه صلى اللّه عليه وسلم:من سئل عن علمٍ فكتمه ألجمه اللّه بلجام من نارٍ يوم القيامة
จากท่านอบูฮุร็อยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า “ใครก็ตามที่ถูกถามในเรื่องของความรู้แล้วเขาก็ซ่อนปกปิดความรู้นั้นไว้ แน่แท้ ในวันกียามะห์อัลลอฮฺจะทรงผูกมือของเขาด้วยเชือกจากไฟนรก” [บันทึกโดย อบูดาวุด เลขที่ 3658 อัตติรมีซียฺ เลขที่ 2649 อัตซาญาลิซียฺ เลขที่ 2534 อิบนุอบีซัยบาน 9/55 อะห์หมัด 2/263 และ 305 และ 344 และ353 และ 499 และ 508 อิบนุมาญะห์ เลขที่ 261 อิบนุฮิบบาน เลขที่ 68 อัลฮากิม 1/101 อัลบัฆฆอวียฺ เลขที่ 140 และอื่นๆ เชคอัลบานียฺใน ซอหี๊ยหฺสุนันอบีดาวุด 2/411]
9.บรรดาผู้นำ หรือผู้ครองอำนาจที่ชี้นำแนวทางอันหลงผิดแก่อุมมะฮฺ
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
يَوْمَ تُقَلَّبُ وُجُوهُهُمْ فِي النَّارِ يَقُولُونَ يَا لَيْتَنَا أَطَعْنَا اللَّهَ وَأَطَعْنَا الرَّسُولا * وَقَالُوا رَبَّنَا إِنَّا أَطَعْنَا سَادَتَنَا وَكُبَرَاءَنَا فَأَضَلُّونَا السَّبِيلا * رَبَّنَا آتِهِمْ ضِعْفَيْنِ مِنَ الْعَذَابِ وَالْعَنْهُمْ لَعْنًا كَبِيرًا
“วันที่ใบหน้าของพวก เขาจะถูกพลิกกลับไปกลับมาในไฟนรก พวกเขาจะกล่าวว่า “โอ้ความระทมทุกข์ของเรา ! หากเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ และเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซูลก็จะดีหรอก !!” และพวกเขากล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามบรรดาหัวหน้าของเรา และบรรดาผู้นำของเรา ดังนั้นพวกเขาได้ทำให้พวกเราหลงทาง ข้าแต่พระเจ้าของเรา ได้โปรดลงโทษพวกเขาสองเท่าเถิด และทรงสาปแช่งพวกเขาซึ่งการสาปแช่งอันยิ่งใหญ่” ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ โองการที่ 66-68
وَجَعَلْنَاهُمْ أَئِمَّةً يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَيَوْمَ الْقِيَامَةِ لا يُنْصَرُونَ * وَأَتْبَعْنَاهُمْ فِي هَذِهِ الدُّنْيَا لَعْنَةً وَيَوْمَ الْقِيَامَةِ هُمْ مِنَ الْمَقْبُوحِينَ
“และเราได้ทำให้พวกเขาเป็นหัวหน้า เรียกร้องไปสู่นรกญะฮันนัม และในวันกิยามะฮ์ พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ และเราได้ให้การสาปแช่งตามติดพวกเขาในโลกนี้ และในวันกิยามะฮ์พวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกขับไล่ออกจากความเมตตา” ซูเราะฮฺ อัลเกาะศ็อศ โองการที่ 41-42
عن حذيفة بن اليمان يقول : كان الناس يسألون رسول الله صلى الله عليه وسلم عن الخير. وكنت أسأله عن الشر. مخافة أن يدركني. فقلت: يا رسول الله! إنا كنا في جاهلية وشر. فجاءنا الله بهذا الخير. فهل بعد هذا الخير شر؟ قال (نعم) فقلت: هل بعد ذلك الشر من خير؟ قال (نعم. وفيه دخن). قلت: وما دخنه؟ قال (قوم يستنون بغير سنتي. ويهدون بغير هديي. عرف منهم وتنكر). فقلت: هل بعد ذلك الخير من شر؟ قال (نعم. دعاة على أبواب جهنم. من أجابهم إليها قذفوه فيها)......
จากท่านฮุซัยฟะห์ บิน อัลญามาน กล่าวว่า มีผู้คนต่างถามท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม เกี่ยวกับความดีงาม แต่ฉันถามยังท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัมในเรื่องความชั่วร้าย อันเนื่องว่าฉันกังวลว่ามันจะสบกับฉัน ฉันกล่าวว่า “โอ้ท่ารอซูลลุลลอฮฺ ในอดีตฉันอยู่ในห้วงเหวแห่งยาฮีลิยะห์และความโสมม หลังจากนั้นอัลลอฮฺก็ทรงประทานความดีงามนี้แก่เรา แล้วหลังจากความดีงามนี้เราจะประสบกับความชั่วร้ายอีกไหม?” ท่านนบีตอบว่า “ใช่” ฉันถามกลับว่า แล้วหลังจากความชั่วร้ายนั้นเราจะประสบกับความดีงามอีกไหม? ท่านนบีตอบว่า “ใช่มันมี แต่เนื้อในนั้นจะมีแต่ควัน” ฉันถามกลับว่า “ควันคืออะไรหรือ?” ท่านนบีตอบว่า “การที่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดประกอบการงานขึ้นนอกเหนือจากแบบฉบับ คำสอนของฉัน และชี้นำผู้คนสู่แนวทางอื่นจากฉัน ท่านจะรู้จักพวกเขาโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ” ฉันถามว่า “แล้วหลังจากความดีงามนั้นเราจะประสบกับความชั่วร้ายอีกไหม?” ท่านนบีตอบว่า “ใช่มันมี... จะปรากฎบรรดาผู้ที่เรียกร้องเชิญชวน(ดาอียฺ)สู่นรกญาฮันนัม และใครก็ตามที่เดินตามการเชิญชวนของเขา แน่แท้เสมือนเขากำลังโยนตัวของเขาสู่ขุมนรก” บันทึกโดย บุคอรียฺ 6/615-616 และ 13/35 ในฟัตฮุลบารียฺ และ มุสลิม 12/235-236 และในชาเราะห์ นาวาวียฺ และบาคอวียฺ ในซัรฮุส สุนนะห์ 14/14 และอิบนุมาญะห์ 2979
10.สามีหรือภรรยาที่โกหก
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
وَالَّذِينَ يَرْمُونَ أَزْوَاجَهُمْ وَلَمْ يَكُنْ لَهُمْ شُهَدَاءُ إِلا أَنْفُسُهُمْ فَشَهَادَةُ أَحَدِهِمْ أَرْبَعُ شَهَادَاتٍ بِاللَّهِ إِنَّهُ لَمِنَ الصَّادِقِينَ * وَالْخَامِسَةُ أَنَّ لَعْنَةَ اللَّهِ عَلَيْهِ إِنْ كَانَ مِنَ الْكَاذِبِينَ * وَيَدْرَأُ عَنْهَا الْعَذَابَ أَنْ تَشْهَدَ أَرْبَعَ شَهَادَاتٍ بِاللَّهِ إِنَّهُ لَمِنَ الْكَاذِبِينَ * وَالْخَامِسَةَ أَنَّ غَضَبَ اللَّهِ عَلَيْهَا إِنْ كَانَ مِنَ الصَّادِقِينَ
“และบรรดาผู้กล่าวโทษ ภรรยาของพวกเขา และสำหรับพวกเขาไม่มีพยานนอกจากตัวของพวกเขาเอง ก็ให้การเป็นพยานของคนหนึ่งในพวกเขากล่าวสาบานสี่ครั้ง ด้วยพระนามของอัลลอฮ์แท้จริงเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้พูดจริง และครั้นที่ห้าให้เขากล่าวว่า แท้จริงการสาปแช่งของอัลลอฮ์จงมีแด่เขา หากเขาเป็นผู้ที่กล่าวเท็จ และพวกเขาจะทำให้นางพ้นจากการลงโทษ ต่อเมื่อนางกล่าวสาบานสี่ครั้งด้วยพระนามอัลลอฮ์ว่าเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้กล่าวเท็จ และครั้งที่ห้าให้นางกล่าวว่า แท้จริงความกริ้วของอัลลอฮ์จงมีแด่นาง หากเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้พูดจริง” ซูเราะฮฺ อันนูรฺ โองการที่ 6-9
11.ผู้ที่ใส่ร้ายต่อบรรดาหญิงบริสุทธิ์ว่ากระทำการผิดประเวณี(ซินา) โดยไม่มีหลักฐาน
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
إِنَّ الَّذِينَ يَرْمُونَ الْمُحْصَنَاتِ الْغَافِلاتِ الْمُؤْمِنَاتِ لُعِنُوا فِي الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ وَلَهُمْ عَذَابٌ عَظِيمٌ
“แท้จริงบรรดาผู้กล่าว โทษบรรดาหญิงบริสุทธิ์ หญิงไม่รู้เรื่องอะไร หญิงผู้ศรัทธา พวกเขาถูกสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างมหันต์” ซูเราะฮฺ อันนูรฺ โองการที่ 23
وَالَّذِينَ يَرْمُونَ الْمُحْصَنَاتِ ثُمَّ لَمْ يَأْتُوا بِأَرْبَعَةِ شُهَدَاءَ فَاجْلِدُوهُمْ ثَمَانِينَ جَلْدَةً وَلا تَقْبَلُوا لَهُمْ شَهَادَةً أَبَدًا وَأُولَئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ
“และบรรดาผู้กล่าวโทษ บรรดาหญิงบริสุทธิ์ แล้วพวกเขามิได้นำพยานสี่คนมา พวกเจ้าจงโบยพวกเขาแปดสิบที และพวกเจ้าอย่ารับการเป็นพยานของพวกเขาเป็นอันขาด ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน” ซูเราะฮฺ อันนูรฺ โองการที่ 4
12.ผู้ที่ตั้งใจฆ่ามุสลิมโดยไม่มีเหตุให้อนุญาติตามหลักชารีอะห์
อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า :
وَمَنْ يَقْتُلْ مُؤْمِنًا مُتَعَمِّدًا فَجَزَاؤُهُ جَهَنَّمُ خَالِدًا فِيهَا وَغَضِبَ اللَّهُ عَلَيْهِ وَلَعَنَهُ وَأَعَدَّ لَهُ عَذَابًا عَظِيمًا
และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธา โดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละนัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง ซูเราะฮฺ อัน-นิซาอฺ โองการที่ 93
عن عبد الله قال قال رسول الله صلى الله عليه وسلم لا يحل دم امرئ مسلم يشهد أن لا إله إلا الله وأني رسول الله إلا بإحدى ثلاث النفس بالنفس والثيب الزاني والمفارق لدينه التارك للجماعة
จากท่านอับกุลลอฮฺ(อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด)รอฎียัลลอฮฺอันฮู กล่าวว่า ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม กล่าวว่า “ไม่เป็นที่ฮาลาลสำหรับเลือดมุสลิมที่ปฏิญานตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่คู่ควรแก่การเคารพสักการะนอกเหนือจากอัลลอฮฺ และปฏิญานว่าฉันนั้นคือศาสนาทูตของอัลลอฮฺ นอกเนือจากเงือนใข 3 ประการ คือ ชีวิตด้วยชีวิต(คิซาสฺ) ผู้ที่แต่งงานแล้วทำซินา และผู้ที่ออกจากศาสนาอย่างสิ้นเชิง” [บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ เลขที่ 6878 มุสลิม เลขที่ 1676 อะห์หมัด เลขที่ 3621,4065,4245 อบูดาวุด เลขที่ 4352 อันนะซาอัยฺ เลขที่ 4016 และอิบนุมาญะฮฺ เลขที่ 2534]
13.ผู้ที่สร้างมัสยิดบนสุสาน
عن عائشة رضي الله عنها قالت : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم في مرضه الذي لم يقم منه : "لعن الله اليهود والنصارى اتخذوا قبور أنبيائهم مساجد " . قالت : فلو لا ذاك أبرز قبره غير أنه خُشي أن يتخذ مسجداً
จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฏียัลลอฮฺอันฮา กล่าวว่า ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม ในขณะที่ท่านป่วยและอยู่ในสภาพที่นอนทรม ท่านกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงสาปแช่งพวกยิวและชาวคริสต์ที่พวกสร้างมัสยิดขึ้นบนสุสานของบรรดานบี” ฉัน(อาอิชะฮฺ) กล่าวว่า “หากไม่ใช่ความกลัว(การสาปแช่ง)นั้น แน่แท้หลุมฝังศพของท่านจะเป็นสถานที่ดูเด่น หากแต่ท่านกลัวว่าจะมีการนำสุสานของท่านไปทำมัสยิด” [บันทึกโดย อัลบุคอรียฺ เลขที่ 1330 มุสลิม เลขที่ 529 อะห์หมัด 6/80,121,255 อิบนุอบีซัยบาน 2/376 อบูอวานะห์ 1/399 อัลบัฆฆอวียฺ ใน ชัรฮุสสุนนะห์ เลขที่ 508 อัลคอติบ ใน ตารฆอัลบัฆดาดียฺ 13/52,183 อัตตาบารอนียฺ ใน อัลอุศอด เลขที่ 7730 และอื่นๆ]
عن الحارث النجراني قال : سمعت النبي صلى الله عليه وسلم قبل أن يموت بخمس وهو يقول : "ألا وإن من كان قبلكم كانوا يتخذون قبور أنبيائهم وصالحيهم مساجد ،ألا فلا تتخذوا القبور مساجد إني أنهاكم عن ذلك "
จากท่าน อัลฮะริส อัลนัจรอนียฺ กล่าวว่า ฉันเคยฟังท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม สั่งเสียก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต 5 วัน ท่านกล่าวว่า พึงทราบเถิด แท้จริงบรรดาชนก่อนหน้าพวกเจ้าได้ทำให้สุสานของบรรดานบีและบรรดาคนซอลิฮฺเป็นมัสยิด ดังนั้นพวกท่านจงอย่าได้ทำให้สุสานเป็นมัสยิด แท้จริงฉันสั่งห้ามพวกท่านในเรื่องนี้ [บันทึกโดย อิบนุอบีซัยบาน 2/374-375 ด้วยสายรายงานที่ดีตามเงื่อนไขของมุสลิม]
14.สตรีที่ชอบเยี่ยมกุโบร์(สุสาน)
عن أبي هريرة ؛ أن رسول الله صلى الله عليه وسلم لعن زوارات القبور
รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะห์ ท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอาลัยฮิวาซัลลัม สาปแช่งสตรีทีชอบเยี่ยมกุโบร์(สุสาน) [บันทึกโดย อัตติรมีซียฺ เลขที่ 1056 อัตฎ็อยญาลิซียฺ เลขที่ 2358 อะห์หมัด 2/337,356 อิบนุมาญะห์ เลขที่ 1076 อบูญะอฺลา เลขที่ 5908 อิบนุฮิบบาน เลขที่ 3178 และ อัลบัยหะกียฺ 4/78 เชคอัลบานียฺกล่าวว่า ซอหี๊ยหฺ ใน ซอหี๊ยหฺสุนันอัตตีรมีซียฺ 1/537-538]

โดย อบู อัลเญาซาอียฺ 
แปลโดย Ibnusabeel

อัพเดทล่าสุด