หลังความตายในทัศนะอิสลาม ชีวิตหลังความตาย เป็นช่วงขอการรอคอย คือ รอคอยการสอบสวนการกระทำความดี-ความชั่วอีกครั้ง ก่อนจะไปสู่นิรันดร์ ฉะนั้น หลุมฝังศพ คือ
อาลัมบัรซัค โลกหลังความตาย
หลังความตายในทัศนะอิสลาม ชีวิตหลังความตาย เป็นช่วงขอการรอคอย คือ รอคอยการสอบสวนการกระทำความดี-ความชั่วอีกครั้ง ก่อนจะไปสู่นิรันดร์ ฉะนั้น หลุมฝังศพ คือ สถานที่พักก่อนการฟื้นขึ้นมาอีกครั้งเพื่อชำระบาป เราสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะตายแบบไหน (ผู้ปฏิเสธ, ผู้ศรัทธา) แต่เราไม่รู้ว่าจะต้องตายเมื่อใด
มนุษย์มีอยู่ด้วยกัน 4 โลก
1. อัรฮาม โลกในครรภ์
2. ดุนยา (โลกแห่งการคิดบัญชี )
3. บัรซัค (โลกหลังความตาย)
4. กิยามะฮฺ (อาคิเราะฮฺ)
เมื่อผู้ตายถูกฝังเรียบร้อยแล้วจะมีมลาอิกะฮฺ 2 ท่านมาสอบสวนเขา ท่านนบีกล่าวว่า...
"แท้จริง บ่าวเมื่อถูกวางในหลุมของเขา และบรรดามิตรสหายของเขาได้เดินกลับไป ผู้ตายจะได้ยินเสียงรองเท้าของพวกเขา เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว มลาอิกะฮฺ 2 ท่านจะมาหาเขา แล้วเขาทั้ง 2 ก็ให้ผู้ตายลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับกล่าวกับผู้ตายว่าท่านจะพูดอะไรเกี่ยวกับชายผู้นี้(หมายถึงท่านนบี)ถ้าหากว่าท่านเป็นมุมินผู้ศรัทธา เขาจะกล่าวว่าฉันปฎิญาณว่าเขาเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ และเป็นรสูลขอพระองค์ มีผู้กล่าวกับผู้ตายว่า ท่านจงมองดูเก้าอี้ของท่านจากนรก แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงเปลี่ยนมันด้วยเก้าอี้จากสวรรค์ ผู้ตายจะมองเห็นเก้าอี้ทั้งสองตัว และได้มีการขยาย กุโบรฺ ของเขาให้กว้างออกไป 70 ศอก และเต็มไปด้วยความร่มรื่น จนถึงวันที่มนุษย์ถูกให้ฟื้นชีพใหม่"
"ส่วนผู้ที่เป็นกาเฟรฺ (ผู้ปฎิเสธ) หรือมุนาฟิก (ผู้กลับกลอก) จะมีผู้กล่าวกับเขาว่า ท่านจะกล่าวอย่างไรกับชายผู้นี้ เขาจะกล่าวว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้อ่านแท้จริงฉันพูดไปตามที่ประชาชนทั้งหลายพูด มีผู้กล่าวกับเขาว่า เจ้าไม่รู้ เจ้าไม่ได้อ่าน แล้วเขาก็ถูกตีด้วยฆ้อนเหล็กครั้งหนึ่งระหว่างหูทั้งสองเขาจะร้องด้วยเสียงอันดัง โดยที่ผู้อยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงร้องของเขา นอกจากมนุษย์และญินเท่านั้น และในกุโบ้รฺของเขาจะบีบเข้ามาจนทำให้กระดูกซี่โครงของเขาเสียบกัน"
หะดีษนี้นำเสนอโดย อะหมัด บุคอรี มุสลิม อบูดาวูด นะซาอีย์
นอกจากนั้นผู้ตายยังจะถูกถามเกี่ยวกับ พระเจ้าของเขา และศาสนาของเขาด้วย
อัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงทำให้นก หนอน มด มีภาษาที่พูดกันเข้าใจ และพระองค์ทรงทำให้ผิวหนังพูดได้ ดังนั้นด้วยเดชานุภาพของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้ผู้ตายเข้าใจภาษาพูดของ มลาอิกะห์ผู้สอบสวน และทำให้มลาอิกะห์เข้าใจภาษาที่ผู้ตายตอบ แม้ว่า เขาจะพูดภาษาใด แม้ว่าผู้ตายจะเป็นใบ้ หูหนวก ตาบอด แม้ว่าร่างกายของผู้ตายจะแตกละเอียด ถูกไฟไหม้เป็นจุณ ผู้ตายจะถูกฝังโดยโบกปูนปิดอย่างหนาแน่น จะถูกเวทมนต์คาถาป้องกันภัย ถูกตราสัง ถูกปิดด้วย ยันต์ หรือคำสวดใดๆก็ไม่อาจจะรอดพ้น จากการสอบสวนของมลาอิกะห์ และการลงโทษไปได้ อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ ความว่า...
"และพวกเขากล่าวแก่ผิวหนังของพวกเขาว่า เหตุใดพวกเจ้าจึง เป็นพยานปรักปรำเรา มันตอบว่า อัลลอฮฺ ได้ทรงให้เราพูด ซึ่งพระองค์ทรงให้ทุกสิ่งพูด และพระองค์คือผู้ทรงบังเกิด สูเจ้าทั้งหลายครั้งแรก และพวกสูเจ้าจะต้องกลับไปสู่พระองค์" (ซูเราะห์ฟุสสิลัต อายะห์ที่21)
ชีวิตในกุโบรฺมีอีกชื่อหนึ่งว่า "อาลัมบัรซัค" ซึ่งหมายถึง ช่วงกลางกั้นระหว่างโลกดุลยาและโลก อาคิเราะห์ สภาพของ"อาลัมบัรซัค"นี้ อัลลอฮฺ ทรงปิดบังมิให้มนุษย์ในโลกนี้ได้เห็น สำหรับความน่ากลัวของการทรมานในกุโบรฺนั้น ท่านนบีกล่าวว่า...
"ถ้าหากฉันไม่กลัวว่า ท่านทั้งหลายจะไม่ฝังผู้ตายแล้ว ฉันจะวิงวอนขออัลลอฮฺ ให้เปิดเผยการลงโทษในกุโบรฺให้พวกท่านได้ยินการลงโทษในกุโบรฺดังเช่นที่ฉันได้ยิน (บันทึกโดยมุสลิม)
ที่มา: มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน
islamhouse.muslimthaipost.com