เรื่องราวน่าอัศจรรย์ของทารกที่พูดได้ในอิสลาม


2,819 ผู้ชม

ไม่มีใครพูดได้ตั้งแต่ยังแบเบาะ นอกจากสามคน(จากบนีอิสรออีล) และนบี อีซา บุตรของพระนางมัรยัม และเด็กที่พูดในเปลในเรื่องของ ญุรอยญ์จฺ


เรื่องราวน่าอัศจรรย์ของทารกที่พูดได้ในอิสลาม

เรื่องราวน่าอัศจรรย์ของทารกที่พูดได้ในอิสลาม
รายงานจาก อบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า “ไม่มีใครพูดได้ตั้งแต่ยังแบเบาะ นอกจากสามคน(จากบนีอิสรออีล) และนบี อีซา บุตรของพระนางมัรยัม และเด็กที่พูดในเปลในเรื่องของ ญุรอยญ์จฺ”

เรื่องมีอยู่ว่า ญุรอยญ์จฺ เป็นบุคคลผู้เคร่งครัดเรื่องศาสนา เขาสร้างโบสถ์หลงหนึ่งและเข้าไปประกอบศาสนกิจเป็นประจำ วันหนึ่งมารดาได้มาหาเขาในขณะที่เขากำลังขอวิงวอนจากพระเจ้า มารดาได้เรียกขึ้นว่า “โอ้ ญุรอยญ์จฺ” เขาขานรับด้วยคำว่า “โอ้พระเจ้าของฉัน มารดาของฉัน และการวิงวอนของฉัน” แล้วเขาก็หันไปทำการขอวิงวอนต่อ มารดาจึงกลับไป
รุ่งขึ้นมารดามาหาเขาอีก ในขณะนั้นเขากำลังขอวิงวอนอยู่ มารดาเรียกเขาว่า “โอ้ ญุรอยญ์จฺ” เขาขานรับด้วยคำว่า “โอ้พระเจ้าของฉัน มารดาของฉัน และการวิงวอนของฉัน” แล้วเขาก็หันไปทำการขอวิงวอนต่อ
รุ่งขึ้นมารดามาหาเขาอีก ในขณะนั้นเขากำลังขอวิงวอนอยู่ มารดาเรียกเขาว่า “โอ้ ญุรอยญ์จฺ” เขาขานรับด้วยคำว่า “โอ้พระเจ้าของฉัน มารดาของฉัน และการวิงวอนของฉัน” แล้วเขาหันไปทำการขอวิงวอนต่อ
มารดาของเขา(โกรธ) จึงกล่าวว่า “โอ้พระเจ้า อย่าได้ให้เขาตายไป จนกว่าเขาจะต้องมองดูใบหน้าของหญิงชั่ว (ทำซินา)”

แล้วพวกบนีอิสรออีลก็เล่าเรื่องของญุรอยญ์จฺ กับการทำอิบาดะห์ของเขาต่อไปว่า วันหนึ่งได้มีหญิงชั่วรูปร่างสวยงาม พูดขึ้นว่า “ถ้าหากพวกท่านต้องการ ฉันจะสร้างความปั่นป่วนให้เขาจะเอาไหม?” พวกเขาตอบว่า “เอาซิ” แล้วนาง(ทำทีเป็นคนเลี้ยงแกะ เข้าไปเลี้ยงแกะใกล้ๆโบสถ์) ได้เสนอตัว แต่เขาไม่หันมาสนใจ
เมื่อไม่สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจ นางจึงไปหาชายเลี้ยงแกะ ซึ่งเข้ามาอาศัยร่มเงาที่โบสถ์ของญุรอยญ์จฺ นางมอบกายให้ชายเลี้ยงแกะ ร่วมกิจทางเพศกับนาง ทำให้นางตั้งครรภ์ เมื่อนางคลอดบุตร (มีผู้ถามว่า เด็กที่เกิดมาเป็นลูกของใคร ?) นางกล่าวว่าเป็นลูกของญุรอยญ์จฺ ผู้คนทั้งหลายจึงมาหาญุรอยญ์จฺ เรียกเขาลงมา ทำลายโบสถ์ และเข้าทำร้ายตบตีเขา
ญุรอยญ์จฺกล่าวว่า พวกท่านทำกับฉันเช่นนี้ทำไม? พวกเขากล่าวว่า ท่านผิดประเวณีกับหญิงชั่ว จนกระทั่งนางคลอดบุตร ญุรอยญ์จฺถามว่าเด็กอยู่ที่ไหน? พวกเขาจึงนำเด็กทารกนั้นมา ญุรอยญ์จฺกล่าวว่าพวกท่านปล่อยฉันสักครู่หนึ่ง ฉันจะไปขอวิงวอนจากพระเจ้าก่อน และเมื่อเสร็จแล้ว เขาได้มาหาเด็กน้อยคนนั้น เอานิ้วแตะไปที่ท้องแล้วถามว่า “โอ้เด็กน้อย ใครเป็นบิดาของเจ้า” เด็กคนนั้นพูดขึ้นทันทีว่า “ชายเลี้ยงแกะคนนั้น...”
เมื่อผู้คนได้เห็นเช่นนั้นจึงเข้ามาหาญุรอยญ์จฺ ต่างจูบโอบกอดและเข้าสัมผัสตัวเขา และกล่าวว่า “พวกเราจะสร้างโบสถ์ให้ใหม่ จะทำด้วยทองคำแท้ๆลย” เขากล่าวว่า “ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอก สร้างให้ใหม่เป็นดินอย่างเก่าก็พอ” และแล้วพวกเขาก็สร้างให้ตามความต้องการ
(อีกคนหนึ่งเป็นคนที่สาม) มีเด็กน้อยคนหนึ่ง ระหว่างดื่มนมแม่อยู่นั้นได้มีชายขี่ม้าท่าทางสง่างาม มองเห็นแล้วน่าประทับใจ เขาผ่านมาและทำให้ผู้เป็นแม่กล่าวว่า “โอ้พระเจ้า ได้โปรดให้บุตรน้อยของข้าเติบโตมาเหมือนชายผู้นี้ด้วยเถิด” เด็กน้อยปล่อยปากจากนมแม่ แล้วพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า อย่าให้ฉันเหมือนชายผู้นี้เลย” แล้วหันมาดื่มนมต่อไป
ฉัน (อบูฮุรอยเราะห์) มองดูท่านร่อซูล เล่าเรื่อง พร้อมกันนั้นท่านได้ดูดนิ้วไปด้วยท่านเล่าต่อไปว่า
และพวกเขาผ่านไปเห็นทาสหญิงคนหนึ่ง ผู้คนกำลังตบตีนาง และกล่าวว่า “เจ้าทำซินา เจ้าขโมย” นางกล่าวว่า “อัลเลาะห์องค์เดียวเท่านั้น พอเพียงแล้วสำหรับฉันที่จะมอบหมายต่อพระองค์ และพระองค์เท่านั้นเป็นผู้รับมอบหมายที่ดีที่สุด” มารดาของเด็กน้อยเห็นเช่นนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า อย่าให้ลูกของฉันเป็นเช่นเดียวกับหญิงผู้นี้เลย” เด็กน้อยปล่อยปากจากนมแม่ เขามองดูหญิงผู้นั้น แล้วพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า ให้ฉันเป็นเช่นหญิงผู้นี้ด้วยเถิด”
ณ ที่นั้น ทั้งมารดาและเด็กน้อยได้กล่าวทบทวนคำพูดกันอีกครั้ง ผู้เป็นแม่กล่าวว่า “มีชายคนหนึ่งท่าทางสง่างามผ่านมา ฉันกล่าวว่า โอ้พระเจ้า ขอให้ลูกของฉันเป็นเหมือนชายผู้นี้ด้วย แต่เจ้ากลับกล่าวว่า โอ้พระเจ้า อย่าให้ฉันเป็นเหมือนเขาเลย และเมื่อผ่านไปถึงทาสหญิงนี้ ซึ่งผู้คนกำลังตบตีนางอยู่ พวกเขากล่าวว่า นางทำซินา นางขโมย ฉันจึงกล่าวว่า โอ้พระเจ้า อย่าให้ลูกของฉันเป็นเหมือนหญิงผู้นี้เลย แต่เจ้ากลับกล่าวว่า โอ้พระเจ้า ขอให้ฉันเป็นเหมือนหญิงผู้นี้ด้วยเถิด ?”
ผู้เป็นลูกกล่าวว่า “แท้จริชายผู้นั้น(แม้ว่าจะดูสง่างามแต่) เขาเป็นคนอันธพาล ฉันจึงพูดว่า โอ้พระเจ้าอย่าให้ฉันเป็นเหมือนเขาเลย และสำหรับหญิงผู้นี้ ผู้คนกล่าวว่า นางทำซินา แต่ความจริงนั้นนางไม่ได้ทำซินา ผู้คนกล่าวว่านางขโมย แต่ความจริงนั้น นางไม่ได้ขโมย ฉันจึงกล่าวว่า โอ้พระเจ้า ขอให้ฉันเป็นเหมือนนางด้วยเถิด”
(บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
ดูในบุคอรีย์ เล่ม 6 หน้า 344,348 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 2550
คำอธิบาย
ท่านร่อซูล เล่าประวัติของญุรอยญ์จฺ เขาเป็นชาวบนีอิสรออีล เป็นผู้ประจำอยู่ในโบสถ์ ทำการวิงวอนต่อพระเจ้า จนกระทั่งไม่สนใจจะขานรับคำเรียกของผู้ที่เป็นมารดา ไม่ให้ความสำคัญของผู้เป็นแม่ จึงทำให้แม่ของเขาโกรธ นางจึงวิงวอนต่ออัลเลาะห์ และพระองค์ทรงรับคำวิงวอนของนาง จนกระทั่งมีหญิงชั่วคนหนึ่งอ้างตัวว่า นางได้เสียกับญุรอยญ์จฺจนกระทั่งคลอดบุตร เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องก็มาหาญุรอยญ์จฺ ต่างก็ตบตีเขาและพังโบสถ์ของเขาด้วย ดังกล่าวนี้ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะห์ทรงรับคำวิงวอนของผู้เป็นแม่ และหลังจากนั้นอัลเลาะห์ทรงให้เขารอดพ้น เนื่องจากคุณงามความดีที่เขากระทำไว้ พระองค์ทรงให้เด็กพูดได้ เป็นพยานโดยกล่าวว่า ญุรอยญ์จฺไม่ได้กระทำความผิด ในที่สุดเขาก็ได้กลับไปอยู่ที่โบสถ์ดังเดิม
ต่อมาท่านร่อซูล ได้เล่าเรื่องของหญิงคนหนึ่ง นางพึงพอใจกับชายรูปงามที่ขี่ม้า มองดูสง่าผ่าเผยยิ่งนัก นางจึงขอวิงวอนต่ออัลเลาะห์ ให้ลูกของนางได้เป็นเหมือนชายผู้นั้นบ้าง แต่ลูกของนางซึ่งยังเล็กอยู่พูดขึ้น คัดค้านด้วยอนุมัติของอัลเลาะห์ และเมื่อนางผ่านไปพบหญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังถูกทรมาน เนื่องจากผู้คนกล่าวหาว่านางทำซินา และขโมย นางจึงวิงวอนต่ออัลเลาะห์ อย่าให้ลูกของนางเป็นเหมือนหญิงผู้นี้ แต่ลูกของนางซึ่งยังเล็กอยู่พูดขึ้นคัดค้านว่า โอ้พระเจ้า ได้โปรดให้ฉันเป็นเช่นหญิงผู้นี้ด้วยเถิด และเด็กน้อยได้อธิบายให้ผู้เป็นมารดาฟังว่า ความจริงชายคนนั้นเป็นอันธพาล และหญิงคนนี้ไม่ได้ทำซินา ไม่ได้ขโมย

ที่มา: ริยาดุสซอลีฮีน
โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ
www.islammore.com

อัพเดทล่าสุด