ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งละหมาด เขาจะถูกลงโทษ 15 อย่างด้วยกัน 6 ประการในดุนยา 3 ประการขณะตาย 3 ประการในกุโบร 3 ประการออกจากกุโบร
การละหมาด เป็นการปฏิบัติศาสนกิจอย่างหนึ่งในศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นการภักดีต่ออัลลอฮฺ มุสลิมทุกคนจะต้องละหมาด วันละ 5 เวลา เรียกว่า ละหมาดฟัรฎู
ละหมาด หมายถึง การขอพร ความหมายทางศาสนาหมายถึง การกล่าวและการกระทำ ซึ่งเริ่มต้นด้วยตักบีร และ จบลงด้วยสะลาม การละหมาดเป็นการสร้างเอกภาพอย่างหนึ่งของมุสลิม เมื่อละหมาดมุสลิมทั่วโลก หันหน้าไปทางกิบละฮฺ เพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ การละหมาด ฝึกฝนให้เป็นคนตรงต่อเวลา มีความอดทน และขัดเกลาจิตใจ ให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่ประพฤติสิ่งหนึ่งสิ่งใดในทางชั่วร้าย ดังอัลกุรอานระบุไว้ ความว่า
" และจงละหมาด แท้จริงการละหมาดจะยับยั้งความลามกอนาจารและสิ่งต้องห้าม " (อัล - อังกะบูต : 45)
โทษของผู้ที่ทิ้งละหมาดฟัรดู
พระองค์ ตรัสความว่า: “ข้ามิได้สร้าง ญินและมนุษย์ มาเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากเพื่อให้เคารพพระองค์เท่านั้น” (อัล ซาริยาติ 51:56)
ผู้ใดก็ตามที่ละทิ้งละหมาด เขาจะถูกลงโทษ 15 อย่างด้วยกัน 6 ประการในดุนยา 3 ประการขณะตาย 3 ประการในกุโบร 3 ประการออกจากกุโบร
หกประการในดุนยา
1. อัลเลาะห์จะถอดความสิริมงคลออกจากอายุของเขา
2. อัลเลาะห์จะไม่ให้ใบหน้าของเขามีรัศมี
3. อัลเลาะห์จะไม่ให้ผลบุญกับเขาในการกระทำความดีของเขาเลย
4. อัลเลาห์จะไม่ให้เกียรติและจะไม่รับดุอาของเขา
5. บรรดาสรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกดุนยา จะร่วมกันสาปแช่ง และโกรธเขา
6. เขาจะไม่ได้รับดุอาใดๆเลยจากบุคคลที่ขอดุอาให้เขา
“ใครก็ตามที่หันเหออกจากการรำลึกถึงพระองค์ พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างอึดอัด และเราจะรวมเขาในวันกิยามะฮฺอย่างคนตาบอด เขาจะร้องออกมาว่า “อัลลอฮฺ ทำไมรวมฉันให้ตาบอดทั้งๆที่ฉันเคยมองเห็น” อัลลอฮฺจะกล่าวแก่เขาว่า “เมื่อโองการต่างๆของฉันมีมายังเจ้า เจ้ากับทำลืมไม่รู้ไม่เห็น วันนี้เจ้าก็ต้องถูกลืมบ้าง” (ตอฮา 20: 124-126)
อิบาดะฮฺ ที่เป็นแก่นของศาสนาคือ การละหมาด ท่านนบี กล่าวไว้ว่า...“พันธะระหว่างฉันกับพวกเขาเหล่านั้น คือ การละหมาด ใครที่ทิ้งละหมาดเขาเป็นกาเฟร”
สามประการในขณะตาย
1. เขาจะตายในสภาพที่เลวทรามต่ำช้า
2. เขาจะตายในสภาพที่หิวโหยเหลือกำลัง
3. เขาจะตายในสภาพที่กระหายน้ำ ถึงแม้ว่าจะให้ดื่มน้ำทั้งหมดในโลกดุนยาก็ยังคงกระหายอยู่
สามประการในกุโบร
1. เขาจะโดนหลุม บีบรัด จนกระทั่งกระดูกซี่โครงทั้งสองข้างประสานกัน
2. มุกัร - นากีร จะมาหาเขา ในมือของเขาจะมีกระบอกเหล็ก เล็บของเขาแข็งเเรงอย่างเหล็ก ความยาวของเล็บเท่ากับ ระยะเดินทาง วันหนึ่งกับคืนหนึ่ง (24 ช.ม) เสียงของเขาดุจเสียงฟ้าผ่าอย่างแรง เขาจะทุบตีผู้ทิ้งละหมาด เพราะเขาทิ้งละหมาดซุบฮิ ไปจนดุหริ และมันจะตีจากดุหริ ไปอัสริ และจากอัสริไป มัฆริบ จากมัฆริบไปอีซา และจากอีซา ไปซุบฮิ และทุกครั้งที่มันตี มนุษย์จะจมลงไปลึกถึง 70 ศอก และมันจะใช้เล็บของมันแงะขึ้นมา เขาจะถูกตีอย่างนี้ จนถึงวันกิยามะห์
3. นอกจากนั้น ผู้ทิ้งละหมาดฟัรดู ยังจะถูกทรมานโดยงูร้ายอันมีพิษสงอย่างมาก มันมีชื่อว่า "อัซซุยาอุลอักเราะ" นัยน์ตาของมันกำเกิดจากไฟนรก
ในฮะดีษที่รายงานโดยอิมาม บุคอรีย์ ที่กล่าวถึงสิ่งที่ท่านนบี ฝันเห็นว่าท่านนบี กล่าวว่า “มะลาอิกะฮฺสองท่านได้มาหาท่าน และกล่าวแก่ท่านว่า ลุกขึ้นไปกับเรา ท่านนบีก็ไปกับทั้งสอง เขาพาไปเห็นชายสองคน คนหนึ่งนอนตะแคงอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งยืนยกหินก้อนใหญ่ แล้วทุ่มลงไปที่หัวคนที่นอนอยู่ หัวของเขาแตก แล้วหินก็กลิ้งไป ชายผู้นั้นจึงตามไปหยิบหินก้อนนั้น เขาจะไม่กลับไปจนกว่าหัวที่แตกนั้นจะกลับเหมือนเดิน แล้วเขาก็เอาหินทุ่ม ลงไปอีก ทำอยู่อย่างนี้อย่างต่อเนื่อง" ท่านนบี จึงกล่าวว่า (ซุบอานัลลอฮฺ) นี่มันโทษอะไรกันนี่...ในตอนท้ายของฮะดีษ มะลาอิกะฮฺ ก็เฉลยว่า นั่นแหละ คือโทษของคนอ่านกุรอานแล้วไม่ทำตาม และคนที่นอนไม่ละหมาดฟัรฎู”
สามประการในวันกิยามะห์
1. เขาจะโดนลากไปสู่นรกญาฮันนัม โดยคว่ำหน้าลงกับพื้น อย่างไม่ปราณี
2. อัลเลาะห์จะมองเขาด้วยสายตาที่โกรธในเวลาที่พิพากษา ใบหน้าของเขาจะหลุดร่วงลงมา
3. อัลเลาะห์จะสอบสวนเขาอย่างเข้มงวดในเวลาที่ยาวนานและจะสั่งให้เขาลงสู่นรก
โทษในโลกอาคิเราะฮฺนั้น การลงโทษครั้งแรกก็คือ เมื่อมีเสียงประกาศให้สุญูดต่ออัลลอฮฺ เขาไม่สามารถจะสุญูดได้ อัลลอฮฺ ตรัสว่า...“วีรชนที่หน้าแข้งจะถูกเลิกขึ้น (ในวันกิยามะฮฺ วันที่อัลลอฮฺพิพากษา) พวกเขาถูกเรียกให้มาสุญูดต่ออัลลอฮฺ พวกที่ทิ้งละหมาดไม่สามารถสุญูดได้” (อัลกอลัม 68:42)
“และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้าให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติเรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหาก เป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลาย สวรรค์นั้นจะได้แก่ผู้ที่ยำเกรง” (ตอฮา 20:132)
และคนใดที่ทิ้งละหมาดโดยเจตนาเพียงเวลาเดียว ชื่อของเขาจะไปอยู่ที่ประตูนรก และเขาต้องเข้าสู่นรกสถานเดียว