อิสลามเน้นย้ำให้มนุษย์รำลึกถึงความตายอยู่เป็นอาจิณ ความตายเปรียบเสมือนราชสีห์ที่พร้อมจะกระโจนตระครุบเล่นงานเหยื่ออยู่ทุกเมื่อ โดยไม่เปิดโอกาสให้ประวิงเวลาหรือร้องขอความเห็นใจใดๆ
ความตาย คือ แก้วน้ำที่ทุกคนจะได้ดื่ม หลุมศพ คือ ประตูที่ทุกคนจะได้เข้า
อิสลามเน้นย้ำให้มนุษย์รำลึกถึงความตายอยู่เป็นอาจิณ ความตายเปรียบเสมือนราชสีห์ที่พร้อมจะกระโจนตระครุบเล่นงานเหยื่ออยู่ทุกเมื่อ โดยไม่เปิดโอกาสให้ประวิงเวลาหรือร้องขอความเห็นใจใดๆ
" และสำหรับแต่ละประชาชาตินั้น มีกำหนดระยะเวลาหนึ่ง ครั้นเมื่อกำหนดระยะเวลาของพวกเขามาแล้ว พวกเขาจะขอผ่อนให้ล่าช้าไปสักชั่วโมงหนึ่ง ก็ไม่ได้ และจะขอร่นเวลาให้เร็วขึ้น ( สักชั่วโมงหนึ่ง ) ก็ไม่ได้ " (อัล-อะอ์รอฟ 7/34)
คำเตือนจากหลุมฝังศพ
1. ข้าคือสถานที่ที่มืดที่สุด ดังนั้นจงสร้างความสว่างให้กับ...ข้า ด้วยการ ละหมาดตะฮัดยุด
2. ข้าคือสถานที่คับแคบที่สุด ดังนั้นจงสร้างความกว้างขวางให้กับข้า ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ ซิลาตุรร่อฮีม
3. ข้าคือสถานที่เงียบสงัดมาก......ที่สุด ดังนั้นขจัดความเงียบและวังเวงด้วยการอ่านอัลกุรอาน
4. ข้าคือสถานที่อยู่ของสัตว์ร้ายที่น่ากลัวและขยะแขยง ดังนั้นจงขจัดสัตว์ร้ายเหล่านี้ด้วยการ บริจาคทาน
5. ข้าจะบีบเจ้าให้ละเอียดและแตกสลาย เมื่อใดที่ไม่ละหมาด ดังนั้นจงป้องกันจากการถูกบีบด้วยการละหมาด 5 เวลา
6. ข้าคือสถานที่ที่จะแช่พวกเจ้าอยู่ในน้ำที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน ดังนั้นจงป้องกันด้วยการถือศีลอด
7. ข้าคือสถานที่ที่สอบสวนของมุงกัรและนากีร ดังนั้นจงเตรียมตอบคำถามด้วยการ กล่าว ลาอิลาฮ่ะอิลลัลลอฮ์ อยู่เสมอ
نَّ الصَّلاَةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاء وَالْمُنكَرِ (سورة العنكبوت:45)
“แท้จริงการละหมาดสามารถยับยั้งมิให้กระทำความโสมมและความชั่ว” (อัล-อังกะบูต : 45)
อัลกุรอานกล่าวไว้ในโองการที่ 39 ซูเราะฮ์นัจม์ ว่า:
وَأَنْ لَيْسَ لِلإنْسَانِ إِلا مَا سَعَى
และมนุษย์จะไม่ได้รับอะไรเลยนอกจากสิ่งที่เขาขวนขวายเอาไว้
ท่านอนัส บินมาลิกเคยเล่าไว้ว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวเสมอว่า:
«وَجُعِلَتْ قُرَّةُ عَيْنِيْ فِيْ الصَّلاَةِ»
ความว่า “ความสุขใจสูงสุดของฉันอยู่ในการละหมาด” (บันทึกโดย อัน-นะสาอีย์ )
รายงานจากท่านอัมฺรุ อิบนุ อับสะฮฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่าท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าวว่า:
«إنَّ أَقْرَبَ مَا يَكُونُ الرَّبُّ عَزَّ وَجَلَّ مِنَ العَبْدِ جَوْفَ اللَّيْلِ الآخِرِ، فَإنْ اسْتَطَعْتَ أَنْ تَـكُونَ مِـمَّنْ يَذْكُرُ الله عَزَّ وَجَلَّ فِي تِلْكَ السَّاعَةِ فَكُنْ، فَإنَّ الصَّلاةَ مَـحْضُورَةٌ مَشْهُودَةٌ إلَى طُلُوعِ الشَّمْسِ..»
ความว่า “แท้จริงช่วงที่อัลลอฮฺจะอยู่ใกล้กับบ่าวของพระองค์มากที่สุดคือช่วงท้ายของกลางคืน ฉะนั้นหากท่านทำจะทำตัวเป็นคนที่ซิกฺรุระลึกถึงอัลลอฮฺในช่วงดังกล่าวได้ก็จงทำ เพราะการละหมาดในช่วงนี้มะลาอิกะฮฺจะคอยเป็นสักขีพยานตลอดจนกระทั่งเช้า” (เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์3579 และอัน-นะสาอีย์ 572 ซึ่งสำนวนนี้เป็นสำนวนของท่าน)
รายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«يَنْزِلُ رَبُّنَا تَـبَارَكَ وَتَعَالَى كُلَّ لَيْلَةٍ إلَى سَمَاءِ الدُّنْيَا حِيْنَ يَبْقَى ثُلُثُ اللَّيْلِ الآخِرُ يَـقُولُ: مَنْ يَدْعُو..
มีสุนัตให้มุสลิมนอนในสภาพที่สะอาดจากหะดัษและนอนแต่เนิ่นๆ หลังจากละหมาดอิชาอ์ เพื่อจะได้ตื่นละหมาดกลางคืนอย่างกระฉับกระเฉง
ท่านเราะสูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:
«يَـعْقِدُ الشَّيْطَانُ عَلَى قَافِيَةِ رَأْسِ أَحَدِكُمْ إذَا هُوَ نَ...
ช่วงเวลากลางคืนที่ดุอาอ์จะถูกตอบรับ
- มีรายงานจากท่านญาบิรฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮุว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้กล่าวว่า:
«إنَّ فِي اللَّيْلِ لَسَاعَةً لا يُوَافِقُهَا رَجُلٌ مُسْلِـمٌ يَسْأَلُ الله خَيْراً مِنْ أَمْرِ الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ، إلّ.
มีคนถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่าการละหมาดใดที่ประเสริฐที่รองลงมาจากละหมาดห้าเวลา? ท่านตอบว่า:
«أَفْضَلُ الصَّلاةِ بَـعْدَ الصَّلاةِ المَكْتُوبَةِ، الصَّلاةُ فِي جَوْفِ اللَّيْلِ»
ความว่า “การละหมาดที่ประเสริฐที่สุดรองลงมาจากละหมาดห้าเวลาคือการละหมาดในช่วงท้ายของกลางคืน” (บันทึกโดยมุสลิม หมายเลข 1163
พระองค์ได้ตรัสว่า:
﴿قُلۡ إِن كُنتُمۡ تُحِبُّونَ ٱللَّهَ فَٱتَّبِعُونِي يُحۡبِبۡكُمُ ٱللَّهُ وَيَغۡفِرۡ لَكُمۡ ذُنُوبَكُمۡۚ وَٱللَّهُ غَفُورٞ رَّحِيمٞ ٣١ ﴾ [آل عمران: ٣١]
ความว่า: "จงกล่าวเถิด (มุหัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ" (อาลอิมรอน: 31)
ที่มา: MadamSalamah Barbero