เรื่องราวของท่านนบียูนุส(อ.ล) ในอัลกุรอ่าน ท่านอยู่ในท้องปลาได้ไง?
เรื่องราวของท่านนบียูนุส(อ.ล) ในอัลกุรอ่าน ท่านอยู่ในท้องปลาได้ไง?
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและศานติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆสำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์
ในคัมภีร์อัลกุรอานอันมีเกียรติ อัลลอฮฺทรงเล่าเรื่องราวของบรรดานบีและบรรดาเราะสูลไว้มากมาย เพื่อที่เราจะได้นำมาเป็นข้อคิดและบทเรียน และเพื่อให้หัวใจของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หนักแน่นและสงบนิ่ง เป็นการเพิ่มพลังความศรัทธา เป็นข้อเตือนสติให้บรรดาผู้ศรัทธา และประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ดังที่อัลลอฮฺ ตรัสความว่า
“โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขาเป็นบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา มิใช่เป็นเรื่องราวที่ถูกปั้นแต่งขึ้น แต่ว่าเป็นการยืนยันความจริงที่อยู่ต่อหน้าเขา และเป็นการแจกแจงทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นการชี้ทางที่ถูกต้อง และเป็นการเมตตาแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา” (ยูสุฟ: 111)
และพระองค์ตรัสว่า :
"และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาเราะสูล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่นและมายังเจ้าแล้วในเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งความจริงและข้อตักเตือน และข้อรำลึกสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย” (ฮูด: 120)
และหนึ่งในบรรดาศาสนทูตคือท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม ซึ่งอัลลอฮฺทรงเล่าเรื่องราวของท่านในหลายอายะฮฺ พระองค์ตรัสว่า
“ดังนั้น ทำไมจึงไม่มีหมู่บ้านสักแห่งหนึ่งศรัทธา โดยที่การศรัทธาของพวกเขาจะอำนวยประโยชน์แก่พวกเขา นอกจากกลุ่มชนของยูนุสเมื่อพวกเขาศรัทธา เราได้ปลดเปลื้องการลงโทษอันอัปยศจากพวกเขา ในการมีชีวิตในโลกนี้และเราได้ยืดเวลาระยะหนึ่งแก่พวกเขา”
(ยูนุส: 98)
อัลลอฮฺตรัสว่า :
"และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 87-88)
และพระองค์ตรัสว่า :
"และแท้จริงยูนุสนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นเราะสูล จงรำลึกขณะที่เขาได้หนีไปยังเรือที่บรรทุกผู้คนเต็มเพียบ ดังนั้น ยูนุสได้เข้าร่วมจับสลาก แล้วเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกพิชิต (แพ้ในการจับสลาก) แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ แล้วเราได้เหวี่ยงเขาขึ้นบนที่โล่งริมฝั่ง ในสภาพที่ป่วย และเราได้ให้มีต้นไม้ (พันธ์ไม้เลื้อย) น้ำเต้างอกเงยขึ้น ปกคลุมตัวเขา และเราได้ส่งเขาไปยัง (หมู่บ้านของเขา) มีจำนวนหนึ่งแสนคนหรือเกินกว่านั้น แล้วพวกเขาก็ศรัทธา ดังนั้นเราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง” (อัศศอฟฟาต: 139-148)
นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงส่งท่าน นบียูนุสไปยังเมือง “นีนะวา” แห่งดินแดนอัล-มูศิล (ในประเทศอิรัก) ท่านเชิญชวนชาวเมืองสู่หนทางของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาปฏิเสธ และยืนยันความดื้อดึงปฏิเสธของพวกเขา
เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานและพวกเขายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ท่านจึงออกมาจากเมืองนั้นและขึ้นเรือออกสู่ทะเล ทันใดนั้นเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเลคลื่นใหญ่โหมใส่พวกเขา เรือเริ่มหนักและพวกเขาเกือบจะจม พวกเขาจึงปรึกษากันให้มีการจับสลาก โดยชื่อใดที่ถูกจับได้พวกเขาจะโยนผู้นั้นลงจากเรือเพื่อที่เรือจะได้เบาขึ้น
เมื่อพวกเขาจับสลาก ปรากฏว่าจับได้ชื่อของท่านนบียูนุส แต่พวกเขาไม่อยากที่จะโยนท่านลงทะเล จึงเริ่มจับสลากใหม่อีกครั้ง สลากถูกจับขึ้นมาเป็นชื่อของท่านเช่นเดิม ท่านเตรียมตัวถอดเสื้อเพื่อกระโดดลงทะเล แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ท่านทำเช่นนั้น จึงเริ่มจับสลากเป็นครั้งที่สาม ชื่อของท่านก็ถูกจับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นความประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะให้มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับท่าน
อัลลอฮฺทรงส่งปลาใหญ่ตัวใหญ่จากท้องทะเลมากลืนท่าน โดยทรงสั่งไม่ให้มันกินเนื้อหรือหักกระดูกของท่าน เพราะท่านไม่ใช่อาหารของมัน ปลาใหญ่จึงนำท่านไปสู่ท้องทะเล เมื่อท่านนบียูนุสหยุดนิ่งอยู่ในท้องปลาใหญ่ ท่านคิดว่าท่านเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อลองขยับตัว ร่างกายก็ขยับได้ ท่านรู้ทันทีว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงรีบก้มสุญูดต่ออัลลอฮฺ แล้วกล่าวว่า
“โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้เคารพสักการะพระองค์ ณ สถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดเคารพสักการะพระองค์เสมอเหมือนข้าพระองค์ได้”
เมื่อเป็นเช่นนั้น อัลลอฮฺจึงทรงสั่งให้ปลาใหญ่คายท่านไว้ ณ ผืนดินที่ปราศจากมนุษย์ ต้นไม้ หรือร่มเงา ในสภาพที่ท่านป่วย เนื่องด้วยท่านอยู่ในท้องปลาใหญ่เป็นเวลานานจนกระทั่งท่านเหมือนกับลูกนกเกิดใหม่ที่ไร้ขน แล้วอัลลอฮฺก็ทรงบันดาลให้ต้นไม้งอกเงยเป็นร่มเงาอันร่มเย็นให้แก่ท่าน พระองค์ทรงเมตตาท่าน และส่งท่านกลับไปยังหมู่บ้านของท่านที่มีประชากรจำนวนแสนกว่าคน ท่านเริ่มเชิญชวนพวกเขาสู่ทางของอัลลฮฺอีกครั้ง พวกเขาก็ศรัทธา การศรัทธาของชาวบ้านจึงกลายเป็นความดีในตราชั่งของท่าน ทั้งนี้ อัลลอฮฺทรงระงับการลงโทษพวกเขา ทั้งที่มีมูลเหตุของการถูกลงโทษเกิดขึ้นแล้วบทเรียนบางส่วนที่ได้รับจากเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่นี้
♥ หนึ่ง เมื่อมีความทุกข์ยากย่อมมีทางออก และหลังความยากลำบากย่อมมีความง่ายดาย อัลลอฮฺตรัสว่า
"และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 87-88)
นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า ความมืดที่ว่านี้มีสามชั้นคือ ความมืดของทะเล ความมืดของกลางคืน และความมืดขณะอยู่ในท้องปลาใหญ่
อัลลอฮฺ ตรัสความว่า “แท้จริงความยากลำบากจะมาพร้อมกับความง่ายดาย แท้จริงความยากลำบากจะมาพร้อมกับความง่ายดาย” (อัชชัรหฺ: 5-6)
นักกวี กล่าวว่า
ولَرُبَّ نازلةٍ يَضِيقُ بِها الفتى ذرعاً وَعنــدَ اللهِ مِنــها المــخْرَجُ ضَاقتْ فلمَّا اسْتَحْكَمَتْ حَلَقَاتُها فُرِجَتْ وَكُنتُ أظُنُّها لا تُفْرَجُ
บางทีทุกข์ภัยที่ประสบ อาจทำให้เราอับจนหนทาง แต่อัลลอฮฺทรงมีทางออกให้ ทุกข์ภัยนั้นอาจบีบคั้นกดดัน กระทั่งเมื่อถึงเวลาที่กำหนด มันก็คลี่คลาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว
♥ สอง ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺเป็นหนทางสู่การรอดพ้นในโลกนี้และโลกหน้า
อัลลอฮฺตรัสว่า “หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ” (อัศศอฟฟาต: 143-144)
อัลลอฮฺตรัสว่า
"และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด” (อัฏเฏาะลาก: 2-3)
และพระองค์ตรัสว่า
“แล้วเราจะให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น แล้วเราจะปล่อยให้บรรดาผู้อธรรมคุกเข่าอยู่ในนั้น” (มัรยัม: 72)
♥ สาม อัลลอฮฺทรงตอบรับดุอาอ์ของผู้ศรัทธา ดังจะเห็นว่าเมื่อท่านนบียูนุสวิงวอนขอและพึ่งพิงไปยังพระเจ้าของท่าน พระองค์ก็ทรงปลดปล่อยท่านจากความทุกข์ อัลลอฮฺตรัสว่า
“ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 88)
และพระองค์ตรัสว่า
"หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น” (อัน-นัมล์: 62)
จากท่านสะอัด บิน อบีวักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
« دَعْوَةُ ذِي النُّونِ إِذْ دَعَا وَهُوَ فِي بَطْنِ الحُوتِ: لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِينَ، فَإِنَّهُ لَمْ يَدْعُ بِهَا رَجُلٌ مُسْلِمٌ فِي شَيْءٍ قَطُّ إِلاَّ اسْتَجَابَ اللَّهُ لَهُ » [رواه الترمذي في سننه برقم 3505 ]
"คำวิงวอนขอของซุนนูน (นบียูนุส) ขณะที่ท่านอยู่ในท้องปลาใหญ่คือ: ‘ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ แท้จริงข้าพระองค์อยู่ในหมู่ผู้อธรรม’ แท้จริงไม่มีมุสลิมคนใดที่วิงวอนเช่นนี้ นอกเสียจากอัลลอฮฺจะทรงตอบรับคำขอของเขา” (บันทึกโดย อัต-ติรมีซีย์ ในสุนันของท่าน เลขหะดีษ 3505)
♥ สี่ อัลลอฮฺทรงอ่อนโยนต่อบ่าวของท่าน ดังจะเห็นว่าท่านนบียูนุสนั้น เมื่อปลาใหญ่คายท่านไว้บนหาดในขณะที่ท่านป่วย อัลลอฮฺทรงให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นเพื่อช่วยเหลือท่าน
นักวิชาการบางท่านกล่าวว่าต้นไม้ดังกล่าวคือ ต้นฟักทอง ใบมันนิ่มและมีร่มเงากว้าง ผลกินได้ตั้งแต่เริ่มออกผลจนถึงวาระของมัน กินได้ทั้งสดและด้วยการปรุง กินได้ทั้งเปลือกและเมล็ด
♥ ห้า เดชานุภาพและความสามารถของอัลลอฮฺตะอาลานั้นไม่มีที่สิ้นสุด อัลลอฮฺตรัสว่า
"แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า ‘จงเป็น’ แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา” (ยาสีน: 82)
พระองค์คือผู้ทรงบัญชาปลาใหญ่ไม่ให้กินเนื้อและไม่ให้หักบดเคี้ยวกระดูกของท่านนบียูนุส
♥ หก แท้จริงผู้ศรัทธาอาจจะถูกลงโทษในโลกนี้ เพราะความผิดของเขา อัลลอฮฺตรัสว่า
“ผู้ใดที่กระทำไม่ดีเขาก็ถูกตอบแทนด้วยความไม่ดีนั้น” (อัน-นิสาอ์: 123)
และพระองค์ ตรัสว่า
"และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัยความผิดให้(มากต่อมากแล้ว)” (อัชชูรอ: 30)
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์ / www.islammore.com