เราจะทราบได้อย่างไร...ว่าอัลลอฮฺจะตอบรับการงานของเรา
เราจะทราบได้อย่างไร...ว่าอัลลอฮฺจะตอบรับการงานของเรา
เขาจะไม่รู้ เราจะรู้ก็ต่อเมื่อวันอาคิเราะฮฺ
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนดีทั้งหลายรู้สึกว้าวุ่น
“แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงรับจากหมู่ผู้มีความยำเกรงเท่านั้น” (อัลมาอิดะฮฺ : 27)
ความยำเกรงอยู่ตรงนี้ (หัวใจ) ไม่ได้อยู่ที่ตรงเครายาวๆ ตรงสาราบั่นที่โพก หรือเสื้อผ้าที่ใส่ แต่มันอยู่ที่หัวใจ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะถูกตอบรับ ด้วยเหตุนี้บรรดานบีและคนดีทั้งหลาย ตามที่เราพบว่าท่านนบีอิบรอฮีมและนบีอิสมาอีลได้สร้างบัยตุลลอฮฺและกล่าวว่า
“และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมและอิสมาอีล ได้ก่อฐานของบ้านหลังนั้น ให้สูงขึ้น (ทั้งสองได้กล่าววิงวอนว่า) ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพระองค์โปรดรับ(งาน) จากพวกข้าพระองค์ด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยินและทรงรอบรู้” (อัลบะเกาะเราะฮ : 127)
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอัลลอฮฺจะตอบรับ ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงต้องมีความเกรงกลัวในเรื่องดังกล่าว บางทีอาจเกิดขึ้นในการงานของเขาซึ่งมลทิน
เขาจึงต้องค้นหาในตัวเองเสมอ และหวังว่าอัลลอฮฺจะตอบรับ
และขอต่ออัลลอฮฺให้รับการงานของเขา
และมีสลัฟบางท่านได้ใช้เวลา 6 เดือนหลังรอมฎอนเพื่อขอดุอาอฺ
ให้อัลลอฮฺทรงตอบรับการงานของเขา
และใช้เวลาอีก 6 เดือนเพื่อให้เขาได้มีชีวิตอยู่ในเดือนรอมฎอนอีก
วิธีการทำให้การงานนำมาซึ่งความยำเกรง การมีเหนียต เจตนาที่บริสุทธิ์สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญ ดียิ่งคือเป็นของคนที่มีย่างก้าวซึ่งเขาไม่ต้องการมันเลย
เว้นแต่เพื่ออัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น
บางทีเขาไม่รู้ หากว่าเขาได้ค้นหาในตัวของเขา และสิ่งที่ถูกสร้างในตัวของเขา ภายใต้กล้องจุลทรรศน์อย่างถี่ถ้วน เขาจะพบว่าในตัวเขามีสิ่งแปดเปื้อนมากมาย ในนั้นมีดุนยา ในนั้นมีการรักต่อคำสรรเสริญ และอื่นๆ ดังนั้นมุสลิมต้องอยู่ระหว่างความกลัวและความหวังเสมอ นี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดุลยภาพนี้อยู่ระหว่าง การกลัวว่าการงานจะไม่ถูกตอบรับ (และหวังว่าจะถูกตอบรับ) สิ่งที่แยกแยะระหว่างมุอฺมิน(ผู้ศรัทธา) กับมุนาฟิก (ผู้กลับกลอก) นั่นคือมุอฺมินเมื่อเขาทำสิ่งใดเขาจะกลัวว่าจะไม่ถูกตอบรับ แต่มุนาฟิกคือทำความชั่วต่างๆโดยยังอยากจะได้รับการอภัย
ความยำเกรงแบบไหนที่จะมาซึ่งการถูกตอบรับจากอัลลอฮฺ
คือความเกรงกลัวที่นำไปสู่การปฏิบัติสิ่งที่ดีงาม
และออกห่างจากความชั่ว
เมื่อใดที่มนุษย์กลัวพระเจ้าของเขา
เขาจะไม่ทำการงานที่ทำให้อัลลอฮฺทรงกริ้ว
เขาจะไม่ละเลยการงานที่พระองค์ทรงพอพระทัย
ท่านนบีได้ชี้ไปอกของท่าน ตักวาอยู่ตรงนี้ (หัวใจ)
ท่านนบีอิบรอฮีมเคยวิงวอนต่ออัลลอฮฺว่า “และทรงอย่าให้ฉันได้รับความอัปยศในวันที่พวกเขาถูกให้ฟื้นคืนชีพ วันที่ทรัพย์สมบัติและลูกหลานจะไม่อำนวยประโยชน์ได้เลย เว้นแต่ผู้มาหาอัลลอฮ์ด้วยหัวใจที่
บริสุทธิ์ผ่องใส” (อัชชุอะรออฺ : 87-89)
และชาวสวรรค์ที่อัลลอฮฺได้กล่าวในอัลกุรอาน คือ
“ผู้ที่เกรงกลัวพระผู้ทรงกรุณาปรานีโดยทางลับและมาหา (พระองค์) ด้วยจิตใจที่สำนึกผิดกลับเนื้อกลับตัว” (ก๊อฟ :33)
แท้จริงอัลลอฮฺมิได้ทรงมองที่ร่ายกายภายนอก แต่ทว่าอัลลอฮฺทรงมองที่หัวใจของท่าน นี่คือสิ่งจำเป็นที่ผู้คนต้องให้ความสนใจกับมัน จนกระทั่งว่าทำให้การงานของเขาถูกตอบรับ
และเราจะสามารถรักษาความตักวาไว้ได้อย่างไร ประเด็นนี้จำเป็นต้องญิฮาด
เพื่อที่มนุษย์จะสามารถดำรงตักวาที่แท้จริงไว้ได้ จำเป็นต้องมีความมุ่งมั่น หนักแน่น และมีความเข้าใจที่แม่นยำ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรคือความตักวา อะไรคือเงื่อนไขของการตักวา และจำเป็นที่จะต้องอยู่กับความดี จำเป็นที่จะต้องอยู่กับคนดีทั้งหลาย ผู้ที่โลกทัศน์ของเขาทำให้ท่านนึกถึงอัลลอฮฺ ผู้ที่คำพูดของเขาทำให้ท่านนึกถึงวันสิ้นโลก ผู้ที่การงานของเขาทำให้ท่านนึกถึงคนดีๆ ดังนั้นท่านจงแสวงหาสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยในการทำความดี นี่คือสิ่งที่สำคัญจริงๆ
ตอบคำถามโดย เชค ยูสุฟ อัล -เกาะ เราะฏอวียฺ
อบู ชุเราะหฺบีล ถอดความ จาก youtube
แหล่งที่มา: sawasdeeislam.com